ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่991 แต่คุณไม่ยอมให้ผมนอน
ฟางเถิงและภรรยาอยู่จนดึกกว่าจะกลับไป
เพราะพรุ่งนี้พวกเขายังต้องไปเยี่ยมเพื่อนเก่าอีก จึงได้พยายามบ่ายเบี่ยงแม่จิ้นที่จะให้พวกเขาพักที่นี่
จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนส่งพวกเขาไปที่โรงแรม ตอนกลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อกล่อมลูกสองคนเข้านอนแล้ว เธอจึงกลับไปอาบน้ำที่ห้อง
หลังอาบน้ำ เธอก็ไปนั่งพิงอยู่ที่เตียง หยิบหนังสือมาเปิดเล่น เพื่อรอจิ้นเฟิงเฉินกลับมา
ทันทีที่เปิดประตูมา ก็พบกับเธอที่อยู่ตรงหัวเตียง จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ถึงแม้ว่าดึกป่านนี้แล้วเธอยังไม่นอน แต่การที่มีคนรอคอยให้กลับบ้านแบบนี้มันช่างรู้สึกดีจริงๆ
“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ?” เขาค่อยๆ เดินเข้าไป
เจียงสื้อสื้อที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือ จึงไม่ได้สังเกตถึงเสียงที่ดังขึ้น ด้วยเหตุนี้นี้ เสียงของเขาที่จู่ๆก็ดังขึ้นจึงทำให้เธอตกใจจนสะดุ้ง
เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปยิ้มให้เฟิงเฉิน “กลับมาแล้วเหรอคะ”
แสงไฟกระทบเข้าที่ดวงตาของเธอ จนเกิดเป็นเกลียวคลื่นที่ระยิบระยับ มันช่างน่าดูเหลือเกิน
จิ้นเฟิงเฉินเอาผมที่หลุดลุ่ยข้างแก้มของเธอขึ้นไปทัดไว้ที่หู จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ทำไมถึงไม่นอนก่อนล่ะครับ?”
“ก็รอคุณไงคะ” เจียงสื้อสื้อสูดจมูก “ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย ฉันก็นอนไม่หลับค่ะ”
น้ำเสียงของเธอนั้นช่างละมุนและน่าหลงใหลเหลือเกิน
แววตาของจิ้นเฟิงเฉินเคร่งขรึมลงไป
เจียงสื้อสื้อถูกเขาจ้องจนทำตัวไม่ถูก เธอจึงรีบผลักเขาไปทีหนึ่ง “เร็ว รีบไปอาบน้ำเร็ว ดึกมากแล้วค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มแล้วใช้มือขย้ำหัวของเธอเล่น จากนั้นก็พูดไปว่า “รอผมก่อนนะครับ” แล้วเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป
เธอเร่งเขาให้ไปอาบน้ำเพื่ออะไรนะ?
เจียงสื้อสื้อดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวเอาไว้ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทุกทีๆ
ถ้าเขาเกิดเข้าใจสิ่งที่เธอสื่อละก็ มันจะกลายเป็นเรื่องที่น่าอายมากเลยนะ
ไม่ได้!
เธอจะรอเขาไม่ได้
ว่าแล้ว เธอก็เก็บหนังสือ นอนลง ห่มผ้าห่ม แล้วหลับตาลง
จิ้นเฟิงเฉินออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นว่าเธอนอนไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ทั้งๆ ที่เธอง่วงมากแล้ว แต่ก็ยังฝืนตัวเองเพื่อรอเขา
เขาเดินเข้าไป ยื่นมือไปห่มผ้าให้เธอดีๆ
ทว่า จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าคนที่นอนหลับไปแล้วสะดุ้งไปทีหนึ่ง
เขาขมวดคิ้ว มองลงไป แล้วเห็นขนตาของเธอกำลังขยับ แม้แต่การหายใจยังไม่สงบเลย
เขาค่อยๆ ชักมือกลับ จากนั้นก็จ้องมองเธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็เต้นรัวขึ้นมาทันที
ตุบ ตุบ ตุบ___
ภายในห้องนั้นค่อนข้างเงียบ เงียบจนเธอสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเองอย่างชัดเจน
เสียงดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาเธอตื่นเต้นขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
เขาเดินออกมา ก้าวเข้ามาทีละก้าว
เขายื่นมือออกมา เธอสะดุ้งไปโดยอัตโนมัติ
บรรยากาศรอบๆ สงบลงอย่างผิดปกติ
เจียงสื้อสื้อค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แล้วต้องพบกับดวงตาคู่ดำอย่างไม่คาดคิด หัวใจของเธอถึงกับเต้นผิดจังหวะไปเลยทีเดียว
“คะ……คุณอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ” เธอเลียๆ ริมฝีปากที่แห้งกรัง
ด้วยความที่ทำตัวไม่ถูก เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นแววตาที่มืดลงของจิ้นเฟิงเฉิน
“ผมนึกว่าคุณหลับแล้ว”
น้ำเสียงของเขามีความแหบซ่าน หัวใจของเจียงสื้อสื้อเต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“กะ ก็คุณบอกให้ฉันรอคุณ” สองพยางค์สุดท้ายเธอพูดออกมาอย่างไม่ชัดเจนนัก
แต่จิ้นเฟิงเฉินก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจนอยู่ดี
เขายิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะครับ”
พูดจบ เขาก็เดินไปอีกฟากของเตียง นอนลง ห่มผ้า
แค่นี้เองเหรอ!
เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะอธิบายกับความรู้สึกของตัวเองยังไงดี
มันทั้งรู้สึกผิดหวังและรู้สึกยินดีไปด้วย
เธอดึงผ้าห่มขึ้นมา แล้วหลับตาลง
แต่แล้ว จู่ๆ ชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ ก็พลิกตัวขึ้นมาทับอยู่บนตัวเธอ
เธออุทานออกมาเบาๆ
“คะ……คุณไม่นอนเหรอคะ?” เธอเบิ่งตามองเขา
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มที่มุมปาก “ผมอยากนอน แต่คุณไม่ยอมให้ผมนอน”
“ห๋า?” เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะทำหน้ายังไง
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้อธิบาย เขาแค่ก้มหน้าลง จูบลงบนริมฝีปากที่เปิดออกเล็กน้อยของเธอ
พริบตาที่ริมฝีปากทั้งสี่สัมผัสกัน หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็เต้นแรงไปทีหนึ่ง จากนั้นเธอก็หลับตาลง
เวลาดึงไปเรื่อยๆ
……
วันต่อมา เจียงสื้อสื้อนอนจนถึงบ่ายกว่าจะตื่นขึ้นมา
แย่แล้ว
ตื่นสายจนได้!
เธอรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ไปดูเสี่ยวเป่าที่ห้องของเด็กๆ
เมื่อวานตอนที่พาเสี่ยวเป่ากลับบ้าน หมอสั่งไว้ว่าวันนี้ต้องพาไปเปลี่ยนแยาและตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้า
การที่เธอตื่นสายแบบนี้ มันจึงเป็นการทำให้เสียเวลามาก
พอเข้าไปในห้อง กลับไม่มีใครอยู่เลย
เธอจึงรีบหันหลังแล้ววิ่งลงชั้นล่าง
พอเห็นใบหน้าที่แตกตื่นของเธอ แม่จิ้นจึงได้ถามไปว่า “สื้อสื้อ ลูกเป็นอะไร?”
“แม่คะ เสี่ยวเป่าล่ะคะ?”
“เสี่ยวเป่าถูกเฟิงเฉินพาไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าแล้ว”
เจียงสื้อสื้อทำตาโตด้วยความตกใจ “ไปโรงพยาบาลเหรอคะ?”
“ก็ใช่นะสิ แถมเฟิงเฉินยังบอกว่าอย่าไปกวนลูกอีก เขาบอกว่าให้ลูกนอนเยอะๆ หน่อย” แม่จิ้นจ้องมองเธอ จากนั้นก็ถามไปว่า “ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ มุมปากค่อยๆ แย้มขึ้น ผู้ชายคนนั้นใส่ใจแบบนี้ตลอดเลย
ในเมื่อเสี่ยวเป่าไปโรงพยาบาลแล้ว เธอก็ไม่ต้องร้อนรนอีก เธอจึงไปกินข้าวอย่างใจเย็น จากนั้นค่อยตามไปที่โรงพยาบาลอย่างไปรีบร้อน
พอถึงโรงพยาบาล จิ้นเฟิงเฉินกำลังป้อนข้าวให้เสี่ยวเป่าอยู่
เมื่อเห็นเธอมา เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นก็ถามไปว่า “กินอะไรรึยังครับ?”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เธอเดินเข้าไป “ฉันป้อนเอง คุณไปกินข้าวเถอะค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินยื่นถ้วยให้เธอ แล้วลุกขึ้นมาหลบให้เธอนั่ง
“เช้านี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเลยเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อป้อนไปถามไป
“ครับ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมาอย่างเกรงใจ “ลำบากแย่เลย ฉันผิดเองค่ะที่ตื่นสาย”
“ก็คุณเหนื่อย นอนเยอะๆ หน่อยก็ดีแล้วครับ”
พอได้ยินคำว่า “เหนื่อย” เจียงสื้อสื้อก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา จู่ๆ ใบหน้าก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
“หม่ามี๊ ทำไมหน้าของหม่ามี๊ถึงแดงแบบนี้ครับ?”
เจียงสื้อสื้อสบตากับดวงตาที่สงสัยของเสี่ยวเป่า “แหะๆ” เธอยิ้มแห้งๆ “น่าจะเป็นเพราะอากาศมันร้อนล่ะมั้ง”
“ร้อนเหรอครับ?” เสี่ยวเป่าทำหน้าไม่เข้าใจ
“หม่ามี๊เป็นคนขี้ร้อนจ้ะ” เจียงสื้อสื้อให้เหตุผลอย่างลวกๆ
โชคยังดีที่เสี่ยวเป่าไม่ได้ถามต่อ เจียงสื้อสื้อจึงได้โล่งอกไปที จากนั้นก็เหลียวไปเห็นแววตาที่กำลังยิ้มของจิ้นเฟิงเฉินพอดี
เธอจึงรู้สึกโกรธขึ้นมา
เขายังมีหน้ามายิ้มอีก!
คนที่ทำให้เธอต้องอับอายต่อหน้าลูกชายก็คือเขาไม่ใช่รึไง!
เธอถลึงตาใส่จิ้นเฟิงเฉินจากนั้นก็หันไปทางอื่น
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มไม่ออกแล้ว บางทีเธอก็ชอบทำตัวเหมือนเด็กน้อยที่ขี่หงุดหงิดเป็นกัน
……
ฟางเถิงกับซ่างหยิงได้ออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้าแล้ว พวกเขาไปตามที่อยู่ที่ยู่เชินให้ไว้ จนหาที่พักของเจียงเจิ้งจนเจอ
แต่ตอนที่มาถึงหน้าประตู พวกเขาก็เกิดลังเลขึ้นมา
“เหล่าฟางเราจำเป็นต้องมาพบเขาจริงๆ เหรอ?” ซ่างหยิงถาม
พวกเขารู้เรื่องพัวพันระหว่างเจียงเจิ้งกับฟางเสว่มั่นแล้ว
แต่ว่า เขาได้หย่าร้างกับฟางเสว่มั่นมาตั้งหลายปีแล้ว การที่มาหาเขาแบบนี้มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรอีกแล้ว
ฟางเถิงทำหน้าเคร่งขรึมโดยที่ไม่พูดอะไร
เหตุผลที่เขาอยากมาหาเจียงเจิ้งนั้น หลักๆ แล้วก็เพราะเขารู้สึกไม่พอใจแทนพี่สาวและหลานสาว เขาอยากจะมาเจียงเจิ้งต่อหน้าว่า พี่สาวของเขาทำอะไรผิดต่อเจียงเจิ้ง เจียงเจิ้งถึงได้ทำกับเธอแบบนี้
พอเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ว่านหยิงก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดเตือนสติว่า “เหล่าฟาง เรากลับกันเถอะ”
ครั้งนี้ฟางเถิงพูดแล้ว “ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลต้องให้กลับอีก”
ระหว่างที่พูด เขาก็เดินเข้าไปกดกริ่ง
ไม่นาน ประตูก็เปิดออก
เจียงเจิ้งเดินออกมา พอเห็นคนแปลกหน้าสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาก็ถามไปอย่างมีมารยาทว่า “ไม่ทราบว่าพวกคุณมาหาใครเหรอครับ?”
ถึงเวลาจะผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว แต่ฟางเถิงกับซ่างหยิงก็ดูออกว่าเป็นเจียงเจิ้งได้ในทันที