ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 13
บทที่ 13 เชื่อใจฉันไหม
หลังจากที่เสี้ยฉี่ชาวและเสี้ยห้าวโดนคนของตระ กูลเสี้ยยกกลับไปแล้วนั้น เฉินจงก็โทรศัพท์หาเฉินเฟิง สายหนึ่ง
เฉินเฟิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เฉินจงไม่ได้ทำให้ เขาผิดหวัง ทำให้สองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวเดินเข้ามาแล้ว นอนออกไปได้จริง ๆ
เฉินเฟิงอารมณ์ดีมาก ๆ แต่เวลานี้ที่ห้องประชุมอา คารหยุนเส็ง ผู้คนตระกูลเสี้ยต่างก็กำลังหน้าตาโศก เศร้า
หลังจากที่เสี้ยสีชาวและเสี้ยห้าวฟื้นขึ้นมาแล้วนั้น ก็โดนเสี่ยหยุนเสิ่งที่กำลังโมโหหนักตบหน้าไปติด ๆ กันอีกหลายฉาด
ตีให้ตายเสี้ยหยุนเส็งก็คิดไม่ถึงว่า พอส่งสองพ่อ ลูกเสี้ยฉี่ชาวไปแล้ว ไม่เพียงไม่ได้ร่วมงานกับบริษัทติ่ง เฟิง กลับยังทำให้ผู้รับชอบบริษัทติ่งเฟิงโกรธขึ้นมาอีก
ตอนนี้อย่าพูดเรื่องได้ร่วมโครงการบ้านพักตากอา กาศยู่ฉวนซานเลย ต่อไปตระกูลเสี้ยจะผ่านด่านยากนี้ ไปได้หรือไม่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่
ในเมื่อตอนนี้สิ่งเดียวที่เป็นอาวุธที่ดีที่สุดของตระ กูลเสี้ยนั้น ก็คือทีมวิศวกรรมทั้งหลายที่อยู่ในมือตอนนี้ แต่พอหลังจากที่หลินจงเหว่ยปล่อยคำพูดออกมาประโยคเดียวเท่านั้น ก็ทำให้ไม่มีบริษัทไหนกล้าใช้ทีม งานของตระกูลเสี้ยอีกเลย ทีมงานตั้งหลายพันคนไม่ ได้ทำงาน แต่ก็ยังต้องจ่ายเงินเดือนให้อยู่เหมือนเดิม
นี่มันทำให้ตระกูลเสี้ยโดนบีบให้ถึงที่ตายแล้ว
“ไอ้คนเรื่องสำเร็จละไม่มี เรื่องแย่ ๆ ละมีเต็มไป หมด” โต๊ะประชุมโดนเสี้ยหยุนเสิ่งที่โกรธจัดตบจน เกิดเสียงดังปัง ปัง เสี้ยฉี่ชาวและเสี้ยห้าวหน้ายังไม่ กล้าเงยขึ้น ตอนนี้เสี้ยหยุนเส็งกำลังโมโหอยู่ แม้แต่ โอกาสจะเปิดปากพูดพวกเขาก็ยังไม่มี
“คุณพ่อ ตอนนี้เรื่องที่เร่งด่วนไม่ใช่มาตามสืบสวน ความผิดของพี่ใหญ่ แต่คือต้องคิดวิธีให้ได้รับการอภัย จากหลินจงเหว่ยให้ได้ เมื่อกี้คนของผมเพิ่งส่งข่าวมา ว่า มีอีกเจ็ดบริษัทที่หยุดความสัมพันธ์ทางธุรกิจลงกับ เราแล้ว” พ่อของเสี้ยจื่อหลัน เสี้ยเจิ้งหยูขมวดคิ้วพูด ขึ้น
เมื่อเกิดในตระกูลใหญ่แบบตระกูลเสี้ยนี้ แค่ก้าว พลาดไปนิดเดียวก็กระทบไปทั้งตัวได้ ความผิดที่สอง พ่อลูกเสี้ยนี่ชาวได้ทำไว้นั้น แต่กลับต้องให้คนทั้งตระ กูลเสี้ยออกมาร่วมแบกรับด้วย
“นี่มันจริง ๆ เลย ไม่รู้ว่าส่วนไหนในสมองของคุณ ลุงใหญ่มีปัญหากันแน่ ถึงได้วิ่งไปตีผู้จัดการใหญ่ของ เขาถึงบริษัทติ่งเฟิงอย่างนี้”
“ตอนนี้ดีเลย ตระกูลเสี้ยเราได้กลายเป็นเหมือน หนูที่วิ่งอยู่กลางตลาดแล้ว ใครเห็นก็ต้องร้องให้ตี พวกคุณคงจะพอใจกันแล้วละซิ”
ญาติพี่น้องไม่น้อยของตระกูลเสี้ยเริ่มแสดงความ ไม่พอใจอย่างมากต่อสองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวออกมา
สองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวเศร้าโศกจนไม่รู้จะพูดอะไร ถึงพวกเขาจะสมองไม่ดีแค่ไหน ก็คงไม่วิ่งไปตีคนอื่น ในที่ของเขาได้หรอก นี่มันเป็นเพราะหลินจงเหว่ย ต้องการจะใส่ร้ายพวกเขาทั้งนั้น แต่คำพูดพวกนี้พูด ออกไปใครเขาจะเชื่อ
พวกนายสองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวถือว่าตัวเองเป็นตัว อะไร มีสิทธิ์อะไรมาให้หลินจงเหว่ยใส่ร้าย?
เสี้ยหยุนเส็งนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างหมดแรง เขาก็ อยากได้รับการให้อภัยจากหลินจงเหว่ย แต่ว่าตอนนี้ แม้แต่ตระกูลเสี้ยทำอะไรผิดต่อหลินจงเหว่ยเขาก็ยัง ไม่รู้เลย แล้วจะเอาอะไรไม่เจรจากับเขา
หรือว่าตระกูลเสี้ยที่สืบทอดกันมาสองพันกว่าปีจะ มาจบลงในมือของตัวเองเหรอ? เสี้ยหยุนเส็งคิดอย่าง เศร้าโศก
เสี้ยเมิ่งเหยาก็อยู่ในห้องประชุมด้วย สำหรับสอง พ่อลูกเสียฉีชาวนั้น แน่นอนเธอไม่รู้สึกสงสารเลยสัก นิด แต่สำหรับตระกูลเสี้ยนั้นเธอก็ยังมีความรู้สึกที่ แน่นอนอยู่ ตอนนี้ตระกูลเสี้ยต้องพบเจอกับอันตรายที่ ใหญ่หลวงที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา แต่เธอกลับไร้ซึ่ง หนทาง การไร้ซึ่งหนทางแบบนี้ มันทำให้เสี้ยเมิ่งเหยา รู้สึกท้อใจมากจริง ๆ
และในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของเลี้ยเพิ่งเหยาก็ดัง ขึ้นมาทีหนึ่ง
“เชื่อใจผมไหม?”
เป็นข้อความWechatที่เฉินเฟิงส่งมา
เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกมึนงง เชื่อใจผมไหม? มัน หมายความว่ายังไง?
“เชื่อซิ”
หลังจากที่เสี้ยเพิ่งเหยา ลังเลไปครู่หนึ่ง ก็รีบเร่ง ความเร็วนิ้วมือพิมพ์ตอบกลับไปสองคำ เธอไม่รู้ว่า ทำไมเฉินเฟิงถึงได้ถามมาแบบนี้ แต่เธอยินดีเชื่อใจ
เฉินเฟิง
“ถ้าเชื่อใจผมแล้วละก็ คุณบอกคุณปู่คุณไปเลย ว่า คุณสามารถทำให้ตระกูลเสี้ยเข้าไปมีส่วนร่วมใน โครงการบ้านพักตากอากาศยู่ฉวนซานได้ แต่ข้อแม้คือ หลังจากเรื่องสำเร็จแล้ว สองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวจะต้อง มอบทีมงานในมือของพวกเขาให้กับคุณ”
พออ่านข้อความยาวเหยียดนี้แล้ว เสี้ยเพิ่งเหยาก็ เข้าสู่ภวังค์ เฉินเฟิงคงไม่ได้บ้าไปแล้วมั้ง? ทำไมเขา ต้องพูดแบบนี้ เขาไม่รู้เรื่องที่สองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวเพิ่ง ไปโดนบริษัทติ่งเฟิงไล่ออกมาเหรอ?
จิตใต้สำนึกของเสี้ยเพิ่งเหยารู้สึกว่าเฉินเฟิงกำลัง พูดมั่วซั่ว แต่อยู่ ๆ เธอก็นึกถึงคำพูดที่เฉินเฟิังพูดไว้เมื่อ คืนว่า เรื่องนี้ ผมจะต้องมีคำอธิบายให้กับคุณ”
หรือว่า เรื่องของเสี้ยฉี่ชาวและเสี้ยห้าว จะ เกี่ยวข้องกับเฉินเฟิงเหรอ?
ในสมองของเสี้ยเพิ่งเหยามีความคิดที่เป็นไปไม่ได้ แบบนี้โผล่ออกมา จากนั้นเธอก็ส่ายหัว เฉินเฟิงไม่มี ทางที่จะมีความสามารถขนาดนั้นได้ ต้องเป็นเธอที่ คิดมากไปแล้วแน่ ๆ
“ยังมีใครที่ยินดีจะไปเจรจากับบริษัทติ่งเฟิงอีก ไหม? ขอแค่หลินจงเหว่ยยอมปล่อยตระกูลเสี้ย ตระ กูลเสี้ยก็จะสามารถทุ่มเทได้ทุกอย่าง” เสียงที่ เหน็ดเหนื่อยของเสี้ยหยุนเส็งดังขึ้นมา สมาชิกตระกูล เสี้ยทั้งหลายต่างก็เหนื่อยใจ ใครก็คิดไม่ถึงว่า คนแก่ที่ ดูสูงส่งเมื่อวาน แต่วันนี้กลับถ่อมตัวได้ถึงขั้นนี้ พูดตาม ตรงแล้ว ก็ยังเพื่อตระกูลเสี้ยทั้งนั้น
ในใจเสี้ยเพิ่งเหยาก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง จะบอก ว่าไม่คิดตำหนิเสี้ยหยุนเส็งสักนิดเลยนั้นก็คงจะไม่จริง ในเมื่อเมื่อวานเสี้ยหยุนเส็งยืนอยู่ข้างสองพ่อลูกเสี้ยนี่ ชาว แต่พอวันนี้เห็นท่าทางแบบนี้ของเสี้ยหยุนเสิ้งแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาก็ใจอ่อนขึ้นมา ในเมื่อเสี้ยหยุนเสิ้งก็เป็น แค่คนแก่ที่มีหนึ่งใจทำเพื่อวงศ์ตระกูลเท่านั้น
“หนูไปเองค่ะ”
เสี้ยเมิงเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลุกขึ้นมา
พูด
ถึงแม้ตัวเธอก็รู้สึกว่าคำพูดของเฉินเฟิงดูเป็นไปไม่ ได้ แต่เธอยินดีเชื่อใจเฉินเฟิงสักครั้ง ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟิงจริงจังขนาดนี้ ตั้งแต่ที่พวกเขาแต่งงาน กันมาสามปี
ถึงแม้จะรู้ว่าที่เฉินเฟิงพูดมานั้นจะเป็นคำพูดมั่วซั่ว แต่เธอก็ยินดีที่จะไปลองดูเพื่อเฉินเฟิงสักครั้ง!
คนที่ยืนขึ้นมา ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นเสี้ยเมิ่ง เหยา ? !
ผู้คนทั้งตระกูลเสี้ยต่างก็ตกใจอ้าปากค้าง ผู้หญิง คนนี้ บ้าไปแล้วเหรอ?
แม้แต่สองพ่อลูกเสี้ยฉึ่ชาวยังโดนไล่ออกมา เธอ ยังไปเอาความกล้ามาจากไหนอีก?
ใบหน้าแก่ย่นของเสี้ยหยุนเส็งก็เต็มไปด้วยความ ตกใจ แต่ว่าหลังจากความตกใจผ่านไปแล้ว เขาก็ทอด ถอนใจออกมาอีกครั้ง ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเสี้ย มี สมาชิกเกือบร้อยคน สุดท้ายคนที่ก้าวยื่นออกมา คิดไม่ ถึงจะเป็นแค่เด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว
“เมิ่งเหยา เธอ….มีความมั่นใจไหม?” เสี้ยหยุนเสิ้ง ขยับริมฝีปาก แล้วถามขึ้น ที่จริงในใจของเขาเข้าใจดี ถึงแม้ว่าใครเป็นคนไปเจรจา ความหวังก็ริบหรี่เหลือ เกิน
“ถ้าไม่ลองดู แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ” เสี้ยเมิ่งเหยา พูดขึ้นเสียงเรียบ
“เรื่องแบบนี้จะมาลองดูได้ยังไง? ถ้าหากเพิ่งเหยา เป็นเหมือนพวกคุณลุงใหญ่ ทำให้ประธานหลินไม่พอใจขึ้นมาอีก จะทำยังไง?” เสี้ยจื่อหลันพร่ำบ่นขึ้นมา ประโยคหนึ่ง
“หุบปาก!” เสี้ยเจิ้งหยูถลึงตาเย็น ๆ ใส่เสี้ยจื่อหลัน ที่หนึ่ง ยัยลูกสาวโง่เขลาของตัวเองนี้ ไม่มีทางช่วยแล้ว จริง ๆ
“ก็มันจริง ๆ อยู่แล้วนี่คะ” เสี้ยจื่อหลันมีความไม่ พอใจอยู่บ้าง “งั้นเธอก็ไปลองดูละกัน ปู่ไม่ขออะไรกับเธอเยอะ
ขอแค่เธอคิดหาวิธีให้ประธานหลินปล่อยตระกูลเสี้ย
ของเราได้ก็พอแล้ว” เสี้ยหยุนเสิ่งพูดขึ้นมา ตอนนี้ก็ได้
แค่ว่าเห็นม้าตายเอามารักษาดุจม้าเป็นเท่านั้น
“ได้ค่ะ แต่ว่าหนูมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง” เสี้ยเมิ่ง เหยาพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมา
“ข้อแม้อะไร?”
“หลังจากเรื่องสำเร็จแล้ว หนูจะขอทีมงานที่อยู่ใน มือของคุณลุงใหญ่กับเสี้ยห้าวทั้งหมดค่ะ!” เสี้ยเพิ่ง เหยาชี้ไปทางสองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวแล้วพูดขึ้นมา
ผู้คนของตระกูลเสีย ต่างก็สูดลมเย็น ๆ เข้าไป นี่ มันโหดจริง ๆ !
นี่เสี้ยเมิงเหยาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? “ไม่มีทาง! เสี้ยเมิ่ง เหยา เธอคิดก็ไม่ต้องคิดเลย!”
เสี้ยห้าวพูดอย่างโมโห ถึงแม้เขาจะรู้สึกจากก้นบึง หัวใจว่า โอกาสที่เสี้ยเพิ่งเหยาจะเจรจากับหลินจงเหว่ ยสำเร็จนั้นเป็นศูนย์ แต่ถ้าเกิด ถ้าเกิดเจรจาสำเร็จล่ะ? ให้เขากับพ่อยอมมอบทีมงานทั้งหมดที่อยู่ในมือออกไป งั้นเขาสองคนก็จะกลายเป็นผู้บัญชาการที่ไร้ทหารนะ ซิ
“งั้นใครอยากไปก็ไปเลย”
เสี้ยเมิ่งเหยาก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด กับเสี้ยห้าวอีก แล้วก็หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ทันที
“ปู่ตอบตกลงกับเธอ ขอแค่เธอสามารถทำให้หลิน จงเหว่ยยอมปล่อยตระกูลเสี้ยของเราได้ ทีมงานที่อยู่ ในการควบคุมทั้งหมดของฉี่ชาวและเสี้ยห้าว ปู่จะมอบ ให้เธอหมดเลย” เสี้ยหยุนเส็งประกาศกร้าวขึ้น
“คุณปู นี่มันไม่ยุติธรรม !” เสี้ยห้าวพูดขึ้นอย่างไม่ พอใจ
“เพี้ยะ”
เสี้ยหยุนเสิ้งสะบัดฝ่ามือลงไปบนหน้าเสี้ยห้าว โดยตรง แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ “ตอนนี้ยุติธรรมหรือ ยัง?”
“ยุติธรรมแล้วครับคุณปู่”
ความอับอายที่เข้มข้นเกือบจะทำให้เสี้ยห้าว กัดฟันจนแตกละเอียด แต่ว่าเวลานี้ เขาก็ไม่กล้าต่อ เถียงกับเสี่ยหยุนเส็ง แต่ว่าความโกรธเกลียดเสี้ยเมิ่งเหยาที่อยู่ในใจ กลับถึงจุดสูงสุดรูปแบบหนึ่ง
“เมิ่งเหยา ยังมีข้อเรียกร้องอะไรอีกไหม?” เสี้ยหยุ เซิ้งถามขึ้น
เสี้ยเมิ่งเหยาส่ายหน้าไปมา
“งั้น ….ตระกูลเสี้ย ก็ต้องพึ่งเธอแล้ว” เสี้ยหยุนเสิ้ง ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
จากนั้นเสี้ยเมิ่งเหยาก็เตรียมตัวอย่างเรียบง่าย แล้วก็ออกจากอาคารหยุนเส็งไป