ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 431
บทที่ 431 นัดหมายล่วงหน้า
หลินเย่นยังไม่ทันอธิบายสิ่งใดเลย ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยคิดเรื่องความเป็นไปได้แบบนี้ จากนั้นก็ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ แต่ก็พบว่ามันมีความเป็นไปได้นั้นน้อยถึงน้อยมาก
ตำแหน่งท่านประธานของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป มันไม่ใช่แค่การไปหลับนอนด้วยแล้วจะได้ตำแหน่งนี้มาได้
ถึงแม้ว่าจะเป็นการไปหลับนอนกับประธานกรรมการบริษัทของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้
เสี้ยเมิ่งเหยาต้องมีคนให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแน่นอน
“รั่วเสวี่ยน ไม่สนใจว่าอีนางนั่นจะเป็นประธานของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปได้ยังไง เราสองคนแม่ลูกตอนนี้ไม่สามารถทำเรื่องที่ทำให้เธอขัดเคืองได้นั่นแหละความจริงที่สุดแล้ว”
“งั้นต่อไป คำพูดเหล่านี้ แกก็อย่าเอาไปพูดต่ออีนางนั่น” ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มันยากที่จะรับได้ แต่หลินเย่นก็ใช้ชีวิตมาเกิดครึ่งชีวิตแล้ว ฉะนั้นเธอจึงเข้าใจความเป็นจริงเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ตำแหน่งของเสี้ยเมิ่งเหยาก็ค่ำอยู่เหนือหัวเธอไปแล้ว ถ้าเธอยังคงปฏิบัติตัวกับเสี้ยเมิ่งเหยาเหมือนเมื่อก่อนแล้วละก็ เกรงว่าผลลัพธ์ที่ได้คืนกลับมาคงไม่ดีแน่
“แม่ ฉันรู้ ถึงแม่ว่าฉันจะไม่เห็นด้วยอีนางนั่นทำไมชีวิตดีขนาดนี้ มันโชคดีบุญหล่นทับกัน…” ถางรั่วเสวี่ยนพูดออกมาด้วยอาการโกรธเคือง ประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป นั่นเป็นตำแหน่งที่เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน แต่ว่าวันนี้ เสี้ยเมิ่งเหยาก็ไปนั่งครองตำแหน่งนั้นอย่างราบรื่นไปซะแล้ว
“แม่เองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ? อีตาหวางเต๋อฟาแก่หงำเหงือกนั่น ตัดสินใจต้องการที่จะไล่ตะเพิดแม่ออก งานในบริษัทจงเสิ้ง ไม่ช้าเร็วก็คงถอดถอนออก รั่วเสวี่ยน ตอนนี้ก็ต้องอาศัยแกแล้ว” หลินเย่นพูดไปก็ใช้สายตามองมาที่ถางรั่วเสวี่ยน
“อาศัยฉันเหรอ?” ถางรั่วเสวี่ยนตกตะลึง พอตั้งสติได้จากนั้นก็ตอบอย่างทันควัน “แม่ ความหมายของแม่คือ ให้ฉันไปที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปเหรอ?”
“ไม่ผิดหรอก” หลินเย่นพยักหน้าให้ แล้วเอ่ยว่า “แกเรียนจบมหาวิทยาลัยสาขาด้านการจัดการทางด้านการแพทย์ และบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปเป็นบริษัทยาเวชภัณฑ์ ช่างพอดีเลยกับสาขาที่แกเรียนมา อีนางนั่นเป็นถึงประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นน้องสาวของแกด้วย อาศัยความสัมพันธ์แบบนี้ การที่แกเข้าไปในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปมันง่ายดายเหมือนกับการที่แกเดินเข้าไปในสวนดอกไม้หลังบ้านแบบนั้น”
“แต่ว่า แม่ ฉันไม่อยากให้อีนางนั่นมันยืนขี่คอค้ำหัวฉันอยู่ แล้วต้องมาคอยมองหน้าอีนางนั่นเวลาทำงานอีก” ถางรั่วเสวี่ยนพูดอย่างไม่ยินยอม หลินเย่นเสนอความคิดนึ้ขึ้นมา มันทำให้ให้ใจสั่น แต่พอมาคิดดูอีกที การที่เข้าไปอยู่ในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแล้ว พอเห็นหน้าเสี้ยเมิ่งเหยาตอนทำงาน เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“รั่วเสวี่ยน สถานการณ์มันทรงพลังกว่าคนนะ ตอนนี้แม่ก็ไม่มีงานทำแล้ว อีนางนั่นก็กลายมาเป็นประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป บ้านของเรายังนิ่งดูดายไม่คิดทำอะไร ต่อไปเมื่อเจอหน้ากับอีนางนั่น เราสองคนแม่ลูกก็จะโงหัวไม่ขึ้น”
“อีกอย่าง หลังจากแกเข้าไปในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป ก็ไม่ได้หมายความให้แกไปนั่งมองหน้ามองตาอีนางนั่นนี่”
“ถึงแม้ว่าอีนางนั่นจะเป็นประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป แต่เรื่องการรักษาพยาบาลนั้น ก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักกระผีก แต่ไม่เหมือนกับแก แกจบมหาวิทยาลัยทางด้านการจัดการด้านการแพทย์มาโดยเฉพาะ เมื่อเข้าไปในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป ก็เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ”
“ถ้ามันเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผลงานที่ทำออกมาได้ผลลัพธ์ที่โดดเด่น บางทีอาจจะเป็นจุดสนใจของผู้บริหารระดับสูงได้ พอพวกผู้บริหารระดับสูงให้ความสนใจแล้ว โอกาสดีๆ ก็จะบินมาหาเรา จนสามารถไล่อีนางนั่นได้ จนตัวเองกลายเป็นประธานบริษัทแทน ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ซะที่ไหน” หลินเย่นที่กำลังวางแผนการอันแยบยล ถึงแม้ว่าลูกสาวของตนเองจะสวยน้อยกว่าเสี้ยเมิ่งเหยาลงมาอีกระดับ แต่ภายนอกบริษัทแล้ว ก็เป็นสาวงามที่สวยมากที่ยากแก่การพบเห็นเลยทีเดียว
ขอแค่เธอเข้าไปในคางเหม่ยกรุ๊ปได้ แค่วางแผนการให้รอบคอบ จนสามารถโค่นล้มเสี้ยเมิ่งเหยาลงได้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญอะไร!
คำเกลี้ยกล่อมของหลินเย่นนั้น ทำให้หัวใจของถางรั่วเสวี่ยนเต้นเล็กน้อยในเวลานั้น
ที่พูดว่าหัวใจเต้นตามไปด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าถางรั่วเสวี่ยนอยากจะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง แกเสี้ยเมิ่งเหยาทำได้ ฉันถางรั่วเสวี่ยนต้องทำได้เช่นกัน!
อีกอย่างฉันจะทำให้ได้ดีโดดเด่นกว่าแกอีก!
“ได้ แม่ ฉันไป!”
“แต่ว่าแม่ต้องคิดหาวิธีให้ดี ให้อีนางนั่นเตรียมตำแหน่งดีๆ ให้ฉันเอาไว้ ถ้าเป็นตำแหน่งธรรมดา ตอนฉันเข้าไปแล้วอยากจะเลื่อนตำแหน่ง กลัวว่าจะยาก” ดวงตาถางรั่วเสวี่ยนเปล่งประกาย เพราะว่าเธอคิดได้แล้วว่า หลังจากไปแล้วต้องแกล้งทำตัวเป็นแมวเชื่องๆ กับเสี้ยเมิ่งเหยาซะก่อน เพื่อหลอกให้เสี้ยเมิ่งเหยาตายใจจนหลงเชื่อ จนรอเวลาที่เหมาะสม ก็ใช้อำนาจที่เต็มเปี่ยมในเวลานั้น จัดการถีบเสี้ยเมิ่งเหยาให้กระเด็นออกไป และจัดการเฉดหัวเสี้ยเมิ่งเหยาให้ตัดขาดจากตระกูลซะ
“วางใจได้เลย แม่ต้องให้อีนางนั่นเอาตำแหน่งดีๆ ไว้ให้แก” หลินเย่นตบหน้าอกตนเองเพื่อรับประกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องทางหวางเต๋อฟานั้นเธอไม่ต้องคิดอีกต่อไปแล้ว ให้ถางรั่วเสวี่ยนเข้าไปอยู่ในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปมันดีซะกว่าอีก
“ถ้าอีนางนั่นไม่ยอมตกลงจะทำยังไงดี?” ถางรั่วเสวี่ยนพูดอย่างกังวล
“มันกล้าเหรอ!”
“ถ้ามันกล้าไม่ตกลง ฉันก็จะเอาเรื่องฉาวโฉ่ของมันประกาศให้โลกรู้” แววตาหลินเย่นฉายความร้ายกาจออกมาเล็กน้อย การที่ให้ถางรั่วเสวี่ยนเข้าไปอยู่ในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปได้นั้น นั่นเป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ของเธอแล้ว ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยาตัดความหวังสุดท้ายของเธอออกแล้ว นั่นก็อย่ามาโทษกันว่าเธอคงต้องใช้แผนการแกตายส่วนฉันรอดแล้วแหละ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น สองแม่ลูกหลินเย่นมาที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป
หลังจากเข้าไปด้านในตึกของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแล้ว สองแม่ลูกหลินเย่นก็เดินมาที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เมื่อเห็นสาวสวยที่ยืนอยู่ด้านหลังของเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่อยู่ด้านหน้าแล้ว หลินเย่นก็พูดด้วยน้ำเสียงปกติ “โทรศัพท์หาเสี้ยเมิ่งเหยา ให้เธอลงมารับพวกเรา”
“เสี้ยเมิ่งเหยาเหรอ?”
สาวสายที่อยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ถึงกับตะลึงพรึงเพริด สักพักถึงได้สติกลับมา ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาที่หลินเย่นพูดถึงคือใครกัน
หลังจากที่ได้สติแล้ว สาวสายด้านหน้าเคาน์เตอร์ก็ยิ้มให้ตามหน้าที่ “ขอโทษค่ะ คุณผู้หญิงทั้งสอง ท่านประธานเสี้ยของเรากำลังยุ่งอยู่ค่ะ ถ้าท่านทั้งสองอยากจะเจอ กรุณานัดเวลาก่อนเข้าพบค่ะ”
“นัดเวลาก่อนเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หลินเย่นระเบิดอารมณ์ทันที น้ำเสียงที่พูดออกมาไม่พอใจมาก “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถึงได้ให้คนอย่างฉันนัดเวลาก่อน?”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ” สาวสวยหน้าเคาน์เตอร์ฉีกยิ้มให้เล็กน้อย การที่มาทำตำแหน่งประชาสัมพันธ์มาหลายปีนั้น นิสัยระเบิดอารมณ์แบบนี้อย่างหลินเย่น เธอเจอมาก็ไม่น้อย ตอนมาแรกๆ ทุกคน ก็พูดตะคอกใส่ แต่สุดท้ายแล้ว คนพวกนี้ก็จะถูกยามไล่ออกไปตลอด
“ฉันเป็นป้าสองของเสี้ยเมิ่งเหยา!” หลินเย่นพยายามเก็บอั้นความโกรธที่คับแน่นอยู่ในอก ถึงแม้ว่าในใจจะไม่ถูกใจก็ตาม แต่ว่าในเวลานี้เธอไม่กล้าจะทำเรื่องราวให้ใหญ่โต เธอไม่อยากคิดเพราะว่าแค่หนักงานหน้าเคาน์เตอร์กระจอกแค่คนเดียว มันเป็นตัวทำให้เรื่องใหญ่พลาดไปได้
“เป็นญาติของท่านประธานเสี้ยเหรอ?” สาวงามหน้าเคาน์เตอร์ฉีกยิ้มมุมปากโดยมีอาการดูแคลนเล็กน้อย บางทีหลินเย่นพูดออกมาเป็นความจริง ทว่าทำไมถึงไม่มีทางติดต่อกับเสี้ยเมิ่งเยาโดยตรงเลยสักนิดล่ะ นี่ก็หมายความว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหลินเย่นก็เสี้ยเมิ่งเหยานั้นก็ไม่ได้ดีอะไร
“นี่แกไม่เชื่อเหรอ?!” หลินเย่นพ่นคำพูดจากอับอายขายหน้าจนแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเคืองออกมาก ในเวลานั้นเอง เธอรับรู้ได้ทันทีกับคำว่าแมวกระตุกหนวดเสือเป็นไง เป็นแค่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์แสนกระจอกงอกง่อย แต่กล้ามาชักสีหน้าใส่เธอซะงั้น
“ขอโทษค่ะ คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่เชื่อนะคะ ถึงว่าท่านเป็นถึงป้าสองของท่านประธานเสี้ยจริงๆ แล้วคุณอยากจะเจอกับท่านประธาน ก็ต้องนัดหมายไว้ก่อนค่ะ” หญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์ยิ้มให้ตอนที่พูดด้วย ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์เช่นใดกับเสี้ยเมิ่งเหยา การไม่มีการนัดหมายเอาไว้ก่อน เธอก็ไม่มีทางให้หลินเย่นเข้าไปแน่นอน
ไม่ได้ขออะไรมากมาย แค่ขอให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นเป็นพอ นี่เป็นมาตรฐานในการทำงานของเธอ
หญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์แสดงอารมณ์แข็งข้อไม่อ่อนข้อให้จนทำให้หลินเย่นโมโหอยู่ไม่น้อย ความจริงแล้วเมื่อเช้านี้ เธอเองอยากจะโทรศัพท์ไปให้เสี้ยเมิ่งเหยาอยู่เหมือนกัน แต่โทรไปแล้ว ถึงได้รู้ว่าเบอร์โทรศัพท์ของตนเองนั้นถูกบล็อกอยู่ในบัญชีดำไปแล้ว
ดังนั้นเธอได้แต่มาที่บริษัทกับถางรั่วเสวี่ยนด้วยตัวเองเลย