ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 437
บทที่ 437 ฉันมาขอโทษ
“แปลกประหลาดหาหอกอะไร! ใครบอกว่าลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงจะไม่มีอำนาจไม่ได้กัน?!” ถังเย่าโจงโมโหจนร้อนรน เรื่องมาถึงขั้นนี้แหละ เขามั่นใจได้ว่า การที่โรงแรมถูกสั่งปิดนั้น เฉินเฟิงเป็นคนทำแน่นอน
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง ฝ่ายตรงข้ามใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาหาถึงที่บ้านเลย สามารถมองออกมา อำนาจของอีกฝ่ายนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้าที่ไหนเลย
“แต่ว่า…”
“ยังมีแต่หาพระแสงอะไรอีก!” หลินเย่นอยากจะอธิบายสักสองคำ ทว่าถังเย่าโจงกลับไม่รักษาน้ำใจรีบพูดตัดบทเธอทันที
“หลินเย่น กูไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้ระหว่างมึงกับเสี้ยเมิ่งเหยาของมึงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนนี้ กูขอแค่ว่า ไปขอโทษเสี้ยเมิ่งเหยาซะ!”
“ไม่งั้นกูจะตัดขาของมึงทิ้ง!”
น้ำเสียงของถังเย่าโจงมีการข่มขู่อย่างชัดเจน เขาเข้าใจนิสัยของหลินเย่นว่าเป็นอย่างไรดี ถ้าเขาไม่ทำตวาดใส่สักหน่อย ไม่แน่หลินเย่นหันหลังก็จะเอาเรื่องขอโทษนี้ไปไว้หลังสมองแล้ว
“สามีอย่าโกรธไปเลย ฉันจะไปขอโทษอีนางนั่นเท่านี้พอไหม?” หลินเย่นพูดอย่างไม่ยินยอมสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าให้เธอไปขอโทษเสี้ยเมิ่งเหยา มันก็ลำบากใจเหมือนตอนที่ให้เธอไปกินแมลงสาบ แต่ว่าคำพูดของถังเย่าโจงพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งถังเย่าโจงได้ ทำเหมือนไม่ไว้หน้าถังเย่าโจง
ช่วงบ่าย หลินเย่นกลับมาที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปอีกครั้ง ซึ่งท่าทางไม่เหมือนกับเมื่อเช้าเลย ครั้งนี้เธอมาคนเดียว ส่วนการแสดงออกนั้นลดละลงไปกว่าเมื่อเช้าอยู่ไม่น้อย
หญิงสาวที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ยังคงเป็นสาวสวยคนเดิม
“คุณกลับมาอีกทำไม?!” เมื่อเห็นหลินเย่น หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าที่กำลังฉีกยิ้มให้ถึงกับหายไปในทันที แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูไม่ได้แทน
“ฉันมาขอโทษ” หลินเย่นยิ้มให้ตอนที่พูดออกมาด้วย ถึงแม้ว่าในใจจะเกลียดแสนเกลียดสาวสวยที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็ตาม ในเวลานี้เธอไม่กล้าจะเอ่ยอะไรออกไปอีกแล้ว
“ขอโทษ?”
“ใช่ ขอโทษ รบกวนคุณช่วยแจ้งท่านประธานเสี้ยของคุณสักหน่อย ว่าที่ฉันมาเนี่ยมาขอโทษ” น้ำเสียงของหลินเย่นพูดอย่างสุขุม ก่อนที่จะมานั้น เธอก็เตรียมรับกับอาการอายเอาไว้แล้ว
“เชอะ ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก แล้วตอนแรกจะทำแบบนั้นทำไมกัน” หญิงสาวตรงเคาน์เตอร์พูดเยาะเย้ยใส่ ตอนเช้าตอนที่หลินเย่นมานั้น ก็ไม่ใช่ท่าทางในตอนนี้ หลินเย่นในเวลานั้น หน้าเชิดจนจะสูงเสียดฟ้าแล้ว แถมตอนที่โดนยามไล่ตะเพิดออกไป เธอยังด่ากลับมาเป็นชุด
สีหน้าของหลินเย่นกระอักกระอ่วน ถึงแม้ว่าถูกเยาะเย้ยต่อหน้าก็ตาม แต่ครั้งนี้ที่มีเธอกลับไม่กล้าจะส่งเสียงสักนิด
แต่ว่าดีที่ว่าสาวสวยหน้าเคาน์เตอร์ก็ยังกดโทรศัพท์ไปหาฟางหย่าทันที
ในห้องทำงานของเสี้ยเมิ่งเหยา หลังจากที่ฟางหย่าวางสายโทรศัพท์แล้วก็ทำหน้าตะลึงอยู่สักพัก
“ประธานเสี้ย ผู้หญิงคนนี้ขอเข้ามาขอโทษค่ะ”
“ผู้หญิงคนนั้นคนไหน? ใครกัน?” เสี้ยเมิ่งเหยาตะลึง ไม่สามารถตั้งสติได้ทัน
“ญาติของคุณคนนั้นแหละ” ฟางหย่าพูด
“หลินเย่น? คุณแน่ใจว่าเป็นเธอเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก” เสี้ยเมิ่งเหยายังไม่ได้สติ ทว่าหลินหลันทำหน้าตกใจจนอ้าปากค้าง ที่เธอรู้นิสัยของหลินเย่น หลินเย่นไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนข้อง่ายๆ อย่าพูดเลยว่ามาขอโทษเสี้ยเมิ่งเหยา เธอไม่มาหาเรื่องเสี้ยเมิ่งเหยาต่อ มันก็พอแล้ว พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คงจำคนผิด
“มั่นใจ ที่เคาน์เตอร์พูดว่าเป็นผู้หญิงคนที่มาเมื่อเช้า” ฟางหย่าพยักหน้าให้ พร้อมทั้งเบนสายตามาที่เสี้ยเมิ่งเหยา พร้อมด้วยแววตาสงสัย “ประธานเสี้ย…”
“ไม่ให้เจอ” เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยปากตามปกติ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจหลินเย่นว่าทำไมถึงมาขอโทษได้นั้น แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกสนใจสักเท่าไหร่
“เข้าใจแล้ว ท่านประธานเสี้ย” ฟางหย่าพยักหน้าให้ จากนั้นก็ปฏิบัติตามคำสั่งทันที
หลินหลันที่นั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกว่าการทำแบบนี้ไม่เหมาะ แต่ว่าสิ่งที่เสี้ยเมิ่งเหยาตัดสินใจทำแบบนี้ เธอก็ไม่กล้าขัดคอ
“ไม่ยอมเจอเหรอ?!”
สาวสวยหน้าเคาน์เตอร์ตอนที่บอกกับหลินเย่นนั้นทำสีหน้าแสนเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์จนทำให้หัวใจหลินเย่นหนาวเย็นเฉียบ เธอก็ไม่คิดว่า เสี้ยเมิ่งเหยาในเวลานี้ กล้าตัดขาดเยื่อใย ขนาดมาขอโทษยังไม่มีโอกาสเลยเหรอ
“คนสวย รบกวนคุณโทรศัพท์หาท่านประธานเสี้ยของพวกคุณดูอีกสักครั้ง คุณบอกกับเขาว่าฉันรู้ว่าทำผิดแล้ว ขอให้เธอให้โอกาสฉันได้เข้าไปขอโทษสักครั้งเถอะ” น้ำเสียงของหลินเย่นปะปนแกมขอร้องไปด้วย การปฏิบัติตัวของเสี้ยเมิ่งเหยาแบบนี้ มันเหนือกว่าที่เธอคาดการณ์เอาไว้เสียอีก แต่ไหนแต่ไรมา เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยมาจะมีสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ที่เสี้ยเมิ่งเหยาทำให้เธออับอายขายหน้าได้ มีบางครั้งที่ถูกหลินหลันทำให้เสียหาย แต่สถานการณ์ที่ไม่ยอมเจอหน้านี่สิ สำหรับเธอแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเสี้ยเมิ่งเหยาต้องให้โอกาสเธอเข้าพบสักครั้งอยู่แล้ว
ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ เสี้ยเมิ่งเหยาไม่หยิบยื่นให้โอกาสที่จะให้เธอเจอหน้าเจอตาเลย
“ขอโทษค่ะ คุณกลับไปเถอะ ท่านประธานเสี้ยของพวกเราบอกว่าไม่ให้พบก็คือไม่ให้พบ” สาวสวยหน้าเคาน์เตอร์ส่งเสียงกระฟัดกระเฟียดอยู่ในคอ น้ำเสียงแดกดัน ตอนนี้หลินเย่นเพิ่งจะรู้เสียใจงั้นสิ? มันสายไปแล้ว!
“ได้” หลินเย่นหน้าเสียเหมือนจะร้องไห้จากนั้นก็เดินไปทางด้านข้าง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“คุณสามี ฉันมีถึงบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแล้วนะ แต่ว่าอีนางนั้นมันให้ฉันพบ” หลินเย่นทำได้แต่ขอความช่วยเหลือจากถังเย่าโจง หวังให้ถังเย่าโจงช่วยคิดหาหนทางให้
“ไม่ยอมลงมาเจอหน้าคุณเหรอ? ทำไมเธอถึงไม่ยอมมาเจอหน้าคุณล่ะ?” เสียงปลายสาย ถังเย่าโจงหนักใจเอาการ
“ฉันไม่รู้ อีนางนั่นก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้…”
“อะไรนั่นก็ไม่รู้! ไอ้นี้ก็ไม่รู้! ถามอะไรมึงก็ไม่รู้ห่าอะไรสักอย่าง!” ถังเย่าโจงพาลโมโหจนเสียสติ “มึงมันหัวสมองมีแต่ขี้เลื่อย นอกจากหาเรื่องไปวันๆ แล้ว มึงยังทำเรื่องอื่นเป็นบ้างไหม?”
“สามี ฉัน…”
“เรียกฉันทำไม! ไม่เจอคน รอต่อไป! รอจนถึงเวลาที่ได้เจอคนแล้วมึงค่อยกลับมา!”
“ติ๊ด” เสียงดังลั่น ถังเย่าโจงตัดสายทิ้งอย่างเสียมารยาท
หลินเย่นที่ยังคงอยู่ที่เดิม ได้แต่โกรธแค้น
“อีนางนี่! อีนางนี่! มึงยังกล้ามีเงื่อนไขกับกู!” หลังจากที่สบถด่าเสี้ยเมิ่งเหยาออกมาหลายคำแล้ว หลินเย่นก็ยังคงยืนรอคอยอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์แผดเผาอยู่ที่เดิม
ไม่ว่าจะยังไง เธอต้องเจอหน้าเสี้ยเมิ่งเหยาให้ได้
ถ้าไม่ได้รับการยกโทษจากเสี้ยเมิ่งเหยาแล้ว โรงแรมของถังเย่าโจงก็ไม่สามารถเปิดกิจการต่อไปได้ โรงแรมปิดกิจการไปหนึ่งวัน ค่าเสียหาย แสนกว่าหยวนต่อวัน
เธอไม่สามารถรับผิดชอบค่าเสียหายนี้ได้
ไม่นาน เวลาช่วงบ่ายก็ผ่านพ้นไป
“ท่านประธานเสี้ย เธอยังคงยืนรออยู่ด้านนอก ยืนรอมาตลอดทั้งช่วงบ่ายแล้ว” ฟางหย่าเริ่มรายงานความจริงให้รู้ถึงสภาพของหลินเย่นให้เสี้ยเมิ่งเหยาฟัง
ทว่าเมื่อเสี้ยเมิ่งเหยาได้ยินแล้ว ขนาดตายังไม่กะพริบเลยก็ตอบกลับมาแล้ว “ให้เธอรอต่อไปเถอะ”
“ค่ะ ท่านประธานเสี้ย” ฟางหย่าพยักหน้าให้อย่างเคารพ
หลินหลันที่นั่งดูเหตุการณ์มาโดยตลอดถึงกับตกใจทันที เสี้ยเมิ่งเหยาในวันนี้ เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว มันเป็นคนละคน ถ้าไม่ใช่ว่าแต่จ้องเสี้ยเมิ่งเหยาอยู่ หลินหลันเองยังสงสัยด้วยซ้ำ หรือว่าเสี้ยเมิ่งเหยาถูกสลับตัวไป
หลินเย่นคิดว่า การที่ตนเองมายืนตากแดดอยู่ด้านนอกตั้งแต่บ่าย เสี้ยเมิ่งเหยาจะใจอ่อนบ้าง จนยอมมาเจอหน้าตัวเองสักครั้ง แต่เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงพลบค่ำแล้ว ก็ไม่มีใครโผล่หน้าออกมา
“อีนางนี่! หน้าไปตายให้รู้แล้วรู้รอดซะอีนี่! มึงอย่าให้กูจับจุดอ่อนของมึงได้ก็แล้วกัน!” หลินเย่นกัดฟันพูด ดวงตากำลังแผดเผาไฟออกมา ยืนอยู่เจ็ดแปดชั่วโมงแล้ว เธอไม่ได้แค่คอแห้งอย่างเดียว แถมขาเริ่มอ่อนล้ายืนจนเหน็บชาแล้ว อย่าบอกว่ามาเจอเสี้ยเมิ่งเหยาเลย ขนาดเงาของเสี้ยเมิ่งเหยายังไม่เห็นด้วยซ้ำ