ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 439
บทที่ 439 เฉินเฟิง แซ่เฉิน
คำพูดที่แทงเสียดหูของหลินหลันมันให้หลินเย่นหน้าแดงชา ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลินหลันกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเธอ เธอคงต้องตบหน้าของหลินหลันไปสองครั้ง แต่ว่าตอนนี้…
อย่าพูดเลยว่าจะจบตบหน้าของหลินหลันสองครั้ง แค่น้ำเสียงกระแทกกระทั้นยังไม่กล้าพูดกับหลินหลันเลย
ท่ามกลางความยากลำบากของหลินเย่นที่กำลังครุ่นคิดว่าจะขอร้องเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างไรต่อไปดี เสี้ยเมิ่งเหยาก็มองตาหลินเย่นด้วยอาการหมดความรู้สึก แล้วพูดตามปกติ “ได้สิ คุณกลับไปเถอะ”
“กลับไปเหรอ?”
หลินเย่นหน้าค้าง สีหน้าเคร่งขรึม กลับไปหมายความว่ายังไง? เสี้ยเมิ่งเหยากำลังออกคำสั่งอยู่เหรอ?
“เรื่องที่โรงแรม ฉันจะช่วยคุณจัดการปัญหาเอง” เหมือนว่ารู้ว่าในใจของหลินเย่นกำลังคิดอะไรอยู่ เสี้ยเมิ่งเหยาเลยต้องพูดเพิ่มเติมให้ฟัง
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี้ยเมิ่งเหยาแล้ว สีหน้าของหลินเย่นก็ยินดีปรีดาเป็นอย่างมาก
“ขอบคุณมาก เมิ่งเหยา! ขอบคุณจริงๆ!”
“ไม่จำเป็น” อารมณ์ของเสี้ยเมิ่งเหยายังเย็นชาเช่นเดิม ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจทำแบบนี้นั้น ไม่ใช่ว่าเห็นใจหลินเย่น แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับหลินเย่นต่อ
แน่นอนว่า หลังจากที่หลินเย่นได้รับบทเรียนในครั้งนี้แล้ว หลินเย่นยังไม่สำนึกถึงบทเรียน ยังไปหาเรื่องต่อ ครั้งหน้า เธอคงไม่ได้ใจดีแบบนี้แน่
ฟางหย่าลงไปส่งหลินเย่นแล้ว หลินหลันก็เริ่มกังวลขึ้นมาทันที
“เมิ่งเหยา แกกับไอ้ไร้ประโยชน์นั้น…ยังติดต่อกันอยู่เหรอ?” หลินหลันถามคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจของตนเอง ตั้งแต่ที่หลินเย่นพูดออกมาย่อมรู้ดี เหมือนว่าตอนเช้าเพิ่งมาหาเรื่องที่บริษัท พอตกบ่ายโรงแรมของถังเย่าโจงก็ถูกปิดซะงั้น
การตอบโต้ของเฉินเฟิง ไม่น่าจะรวดเร็วปานนั้น
เมื่อมีปัญหามาถึงแล้ว การตอบโต้ของเฉินเฟิง ทำไมถึงได้รวดเร็วปานนั้น? หรือว่าเสี้ยเมิ่งเหยาบอกเขาว่าหลินเย่นมาหาเรื่อง?
“เปล่านี่” เสี้ยเมิ่งเหยาส่ายหน้าไปมา
“เปล่า?” หลินหลันยังคงงงงัน “ไม่มีไอ้ไร้ประโยชน์นั่นจะรู้เรื่องแกกับป้าสองของแกได้ยังไง?”
“แม่นี่ถามเยอะจริงๆ” เสี้ยเมิ่งเหยามองหลินหลันด้วยอารมณ์ปกติอยู่แวบหนึ่ง ที่เฉินเฟิงรู้เรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเขาก็อยู่ในบริษัท
อารมณ์ของเสี้ยเมิ่งเหย่ายังคงเช่นเดิมไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆ พูดกันตามความเป็นจริง หลินหลันในเวลานี้ควรจะปิดปากไว้ แต่เมื่อเห็นภาพเสี้ยเมิ่งเหยากับเฉินเฟิงเข้ามาคืนดีกันอีกครั้ง หลินหลันถึงกับอดใจไม่ไหวเลยต้องพูดอะไรบ้าง
“นี่ ….ลูกสาว แกอย่าแม่ยุ่งเรื่องของแกเลย แกหย่ากับไอ้ไร้ประโยชน์นั่นแล้ว อีกอย่างสถานะแกในตอนนี้ เป็นถึงประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ก่อนหน้านี้ไอ้ไร้ประโยชน์นั่นมันไม่คู่ควรกับแก ตอนนี้เขา ให้มาคอยถือรองเท้าให้แกยังไม่คู่ควรด้วยซ้ำ….”
“ไร้ประโยชน์?” หลินหลันยังไม่ทันพูดจบ เสี้ยเมิ่งเหยาก็หัวเราะแห้งๆ ขึ้นมา เพื่อตัดบทหลินหลัน “แม่ ถ้าฉันบอกกับแม่ ว่าสิ่งที่ฉันมีทุกอย่าง ก็มาจากไอ้ไร้ประโยชน์คนนั้นที่หลุดออกมาจากปากแม่เนี่ยแหละ แม่จะคิดว่าไง?”
“ไอ้ไร้ประโยชน์นั่นมันให้เหรอ?” หลินหลันตะลึง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างทำหน้าประหลาดตอนที่มองมาที่เสี้ยเมิ่งเหยาแล้วเอ่ยถาม “ลูกสาว แกพูดเรื่องมั่วอะไร? แกตัวร้อนหรือเปล่า? ที่แกมีทุกอย่างในวันนี้ ไอ้ไร้ประโยชน์นั่นจะให้แกได้ยังไง?”
“นอกจากไอ้ไร้ประโยชน์นั่นจะทำให้แกเสียหน้าแล้ว มันยังทำอะไรได้อีก?”
“ฉันรู้ว่าแม่ไม่เชื่อ แต่ฉันบอกกับแม่ให้ชัดเจนไปเลย ที่ฉันมีอยู่ทุกวันนี้ เฉินเฟิงเป็นคนให้มาทั้งนั้น รวมทั้งตำแหน่งประธานบริษัทนี้ก็ด้วย” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดอย่างปกติ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ หลินหลันก็ไม่เชื่อ ว่าเฉินเฟิงจะเป็นผู้ชายที่มีอำนาจใหญ่โตถึงเพียงนี้
ในสายตาของหลินหลัน เฉินเฟิงก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์ที่ทำได้แค่ส่งของเท่านั้น
“มันเป็นไปไม่ได้!”
“ทำไมไอ้ไร้ประโยชน์นั่นถึงได้มีอำนาจมากมายขนาดนี้ไปได้?!”
สีหน้าของหลินหลันถอดสีเล็กน้อย ปากก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในใจลึกๆแล้ว กลับมีความรู้สึกสงสัยขึ้นมา
สิ่งที่เสี้ยเมิ่งเหยาพูด เหมือนไม่ใช่คำโกหก
เมื่อเอาเรื่องโรงแรมที่ถูกปิดของถังเย่าโจงแล้ว…
หลินหลันไม่กล้าคิดต่อ ความจริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ในใจของเธอก็มีเสียงกระซิบมาตลอด ว่าเฉินเฟิงไม่ใช่คนกระจอกที่แสดงออกมาให้ใครเห็น เขาน่าจะมีเบื้องหลังอื่นๆ อีก
ถึงได้มีเสียงกระซิบแบบนี้มาตลอด ก็เพราะว่าเฉินเฟิงเคยหลุดพฤติกรรมแบบนั้นออกมา
Koenigseggที่มีราคามากกว่ายี่สิบล้าน และยังมีท่าทีเคารพยำเกรงของเสิ่นหงชังอีก…
ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเอามาพินิจพิจารณาแล้ว ก็เห็นปัญหานั้นทั้งหมด
แต่หลินหลันไม่เคยพิจารณาดีๆ!
ทุกครั้งที่จะคิดพิจารณานั้น ในใจลึกๆ ก็จะมีเสียงบอกกับเธอว่า ไอ้ไร้ประโยชน์นี่ไม่มีทางที่จะมีที่มาที่ไปได้ ถ้ามีที่มาที่แล้ว เขาก็คงไม่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเสี้ย ก็คงไม่ต้องมากล้ำกลืนฝืนทนการถูกต่อว่าต่อขานของตระกูลเสี้ยมาตั้งสามปี
ทุกครั้ง หลินหลันได้แต่พูดให้ตนเองแบบนี้ ถ้ามีความสงสัยเกิดขึ้นมา เธอเองก็ขอมองผ่านไปเลย
แต่ว่าวันนี้….
“แม่ บางทีแม่ก็โง่มากเหมือนกัน” เสี้ยเมิ่งเหยาอยู่ดีก็หัวเราะเยาะเย้ยให้ตนเอง “โง่จนฉันเองก็ไม่รู้ว่าแม่จะหายโง่ตอนไหน”
“ความจริงแล้วมีเรื่องมากมาย ตั้งแต่ตอนที่ฉันเข้ารับตำแหน่งประธานที่โครงการยู่ฉวนซานแล้ว แม่ก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้ว”
“แต่ว่าแม่ก็ยังไม่เข้าใจ”
“ลูกสาว แกหมายความว่ายังไง?” หลินหลันเอ่ยปากเสียงสั่น เพราะว่าเธอมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
“แม่ก็รู้ว่าโครงการที่ยู่ฉวนซานมีมูลค่าถึงห้าหมื่นล้าน ใครเป็นคนลงทุนรู้ไหม?” เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้ตอบคำถามหลินหลัน แต่ถามอีกคำถามกลับแทน
“ตระกูลเฉินไง” หลินหลันกลืนน้ำลายลงคอ
“แล้วทำไมตระกูลเฉินต้องมาลงทุนทำโครงการยู่ฉวนซานกับเมืองชางโจวที่บ้านนอกขนาดนี้ด้วย? แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่ไปลงทุนที่อื่น?”
เสี้ยเมิ่งเหยาถามกลับมาเป็นชุด
ใช่สิ? ทำไมกัน? พูดตามความจริงแล้ว เมืองชางโจวเป็นเมืองเล็กๆ มันไม่คุ้มเลยที่ตระกูลเฉินจะมาลงทุนตั้งห้าหมื่นล้าน?
หรือว่า…
เหมือนว่าคิดเรื่องหนึ่งออก หลินหลันหรี่ตาลง ปากสั่น ขนาดจะพูดยังพูดไม่ออก
“แม่ ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายไว้เรื่องหนึ่ง เฉินเฟิงเขา แซ่เฉินนะ!” เสี้ยเมิ่งเหย่าเน้นพูดทีละคำ แต่พูดด้วยน้ำเสียงปกติ
คำพูดที่หลุดออกมานั้น มันเหมือนสายฟ้าฟาด ฟาดลงบนสติสัมปชัญญะของหลินหลัน
“โครม” เสียงดังลั่น
หลินหลันที่สติเลื่อนลอย นั่งพับเพียบลงไปกองกับพื้นทันที
ตระกูลเฉิน เฉินเฟิง!
ตระกูลเฉิน เฉินเฟิง!!!
เธอดูถูกไอ้ไร้ประโยชน์นั่นมาโดยตลอด ที่แท้ก็เป็นคนในตระกูลเฉิน!
อีกอย่างเป็นถึงทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน! ขนาดที่ทายาทของตระกูลเฉินเอาเงินมาลงทุนได้ตั้งห้าหมื่นล้าน!
เสียใจ!
เสียใจที่สุด!
หลังจากรู้ความจริงแล้ว หลินหลันรู้ทันทีว่าลำไส้ของตนเอง ว่าในบิดจนเขียวไปหมดแล้ว!
ทำไม?!
แล้วทำไมตนของตระกูลเฉินที่เป็นอภิมหาเศรษฐีเป็นล้านล้าน ถึงได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวเล็กๆ อย่างตระกูลเสี้ยด้วย!
ทำไม?!
ทำไมตอนแรกเฉินเฟิง ถึงไม่บอกฐานะที่แท้จริงของตนเองออกมา?!
ถ้าเฉินเฟิงบอกฐานะของตนเอง งั้นเธอก็คงไม่ทำแบบนั้นกับเฉินเฟิง!
เธอจะยกเฉินเฟิงไว้สูงเหนือหัว จะพะเน้าพะนอเฉินเฟิงให้เหมือนกับคุณปู่เลย!
อภิมหาเศรษฐีล้านล้าน!
เมื่อเอาเฉินเฟิงมาเปรียบแล้ว พวกเสิ่นจุนเหวิน ประธานหวางพวกนี้ ต่ำต้อยไปเลย!
เอาพวกเขาไปถือรองเท้าให้เฉินเฟิงยังไม่คู่ควรเลย!
“เพี๊ยะ”
หลินหลันชูมือขึ้น จากนั้นก็ตบหน้าตนเองอย่างโหดเหี้ยม
การตบหน้าครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เธอเสียใจที่สุดในชีวิต เลยทำแบบนี้ลงไป
ในเวลาเดียวกัน เป็นการลงโทษความโง่งมงายของตนเองที่มีก่อนหน้านี้ด้วย
สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ลูกเขยที่เป็นอภิมหาเศรษฐีล้านล้านมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอกลับไม่หวงแหนเอาไว้…