ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 458
บทที่ 458 วิธีการของหวู่เหวินโป๋
“คุณเฉินเฟิง คุณคิดเห็นว่ายังไง?” ฉู่ยี่เฟยเบนสายตาไปทางเฉินเฟิง ที่พูดชักแม่น้ำทั้งห้ามาทั้งหมด สุดท้ายก็ยังคงให้เฉินเฟิงเลือกอยู่ดี ถ้าเฉินเฟิงไม่ยอมเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ งั้นการวางแผนอันแยบยลของเขาอย่างที่สุด มันก็เป็นการเหนื่อยฟรี
“การประลองฝีมือเริ่มเมื่อไหร่?” เฉินเฟิงยิ้มแล้วถามกลับ
สีหน้าฉู่ยี่เฟยยินดี “สามวันหลังจากนี้”
“ได้ ถึงเวลานี้ฉันจะไปเข้าร่วม” เฉินเฟิงยิ้มให้เล็กน้อย เมื่อก่อนไม่รู้รายละเอียดในการประลองฝีมือ เขาก็คงไม่คิดจะเข้าร่วมแข่งขัน ทว่าตอนนี้รู้เรื่องรายละเอียดในการต่อสู้แล้ว งั้นเขาก็ต้องเข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น ก็เพราะว่าจัดการลูกศิษย์ของเสินอิ่นและนักบุญมีด
เพราะว่าลูกศิษย์ของนักบุญมีดก่อนหน้านี้ก็เคยลักลอบฆ่าเขามาหนึ่งครั้งแล้ว จะพูดยังไง เขาก็ต้องเอาคืนเช่นกัน
“ขอบคุณมาก เฉินเฟิง” ฉู่ยี่เฟยทำท่าคารวะขอบคุณอย่างหนักแน่น ความจริงแล้ว การที่เฉินเฟิงลงแข่งนั้น สำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ส่งผลดีสักเท่าไหร่ เพราะว่าจะสร้างศัตรูกับสมาคมการค้าเชียสุ่ย เฉินเฟิงเข้าใจข้อนี้ดี แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจ ยังคงต้องเข้าร่วมการแข่งขัน เรื่องนี้ทำให้ฉู่ยี่เฟยซาบซึ้งขึ้นมาบ้าง
“ใช่สิ คุณเฉินเฟิง ระยะนี้คุณมีความต้องการอะไร ก็รีบแจ้งทันที ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือว่ายาเม็ดในการเพิ่มพลังวิทยายุทธ์ ขอแค่ตระกูลฉู่ของพวกเรามีทาง พวกเราก็ต้องเอาออกมาให้ได้ ถึงว่าเอาออกมาไม่ได้ พวกเราก็จะหาวิธีให้ได้มันมาให้คุณ” ฉู่ยี่เฟยพูดอย่างดีอกดีใจ สำหรับเหล่านินจาแล้ว การเพิ่มกำลังวิทยายุทธ์ในระยะเวลาสั้นนั้นมีวิธีการหลากหลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายดายที่สุดก็คือการทำอาวุธให้เหมาะมือและจัดการกลืนยาเม็ดเพื่อเพิ่มพลังวิทยายุทธ์ให้เพิ่มขึ้น
แน่นอนกว่า เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับอาวุธแล้ว การเพิ่มพละกำลังด้วยการใช้ยาเม็ดมันเห็นได้น้อยมาก แต่ด้วยความสามารถของตระกูลฉู่นั้น การที่อยากจะทำตัวยาเม็ดเช่นนั้นขึ้นมา มันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
“ขอบคุณพี่ฉู่ แต่ว่าฉันไม่มีอะไรที่ต้องการเลย แค่รอเวลานั้นให้ฉันสามารถลงสนามแข่งขันได้ก็พอ” เฉินเฟิงยิ้มให้อย่างเฮฮา อาศัยพลังของเขาในเวลานี้ ทางด้านประเทศญี่ปุ่นนั้นขอแค่ไม่ใช่เปียนตู้ไท่อีลงการแข่งขันด้วย เรื่องอื่น เขาสามารถจัดการได้อย่างสิ้นซาก
แน่นอนว่า ฉู่ยี่เฟยไม่รู้เรื่องนี้ ฉู่ยี่เฟย หรือว่าทางตระกูลฉู่เอง ในตอนนี้ต่างก็คิดว่าเขาคงอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นสุด พวกเขาคงไม่คิดว่าตอนนี้เขาอยู่ในขั้นหั้วจิ้งชั้นต้นแล้ว
“เรื่องการขึ้นเวทีนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงไป ฉันจัดการได้แน่นอน’ ฉู่ยี่เฟยตบหน้าอกตนเองอย่างรับประกัน ความจริงแล้วทางด้านสมาคมการค้าเชียสุ่ยนั้นเกรงกลัวที่สุดคือคนของสหพันธ์ทั้งสาม ขอแค่เฉินเฟิงไม่ได้มาจากสหพันธ์ยักษ์ใหญ่ทั้งสามนั้น งั้นพวกเขาก็ทำได้แค่ปิดหูปิดตาไปเท่านั้น แต่ไม่ใช่การบีบสมาคมการค้าจงไห่ให้หนักเกินไป
หลังจากที่พูดคุยกับฉู่ยี่เฟยเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉินเฟิงก็ออกจากคฤหาสน์ฉู่ และเดินมาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินกับหลี่เล่อ
เมื่อมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน สีหน้าของเฉินเฟิงก็เคร่งขรึมลง
ตำแหน่งรถที่จอดไว้เมื่อครู่ รถออดี้รุ่น A6 ที่เขาเพิ่งซื้อได้ไม่กี่วันเอง ในเวลานี้ถูกคนทุบซะไม่เหลือซาก จนกลายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว
กระจกที่เอาไว้กันลม ยังมีขวานดับเพลิงที่สูงครึ่งเอวได้วางเอาไว้ เห็นได้ชัดว่า หลังจากที่เขากับหลี่เล่อเดินไปแล้ว ก็มีคนเอามันมาทุบจะแหลกละเอียด
“ต้องเป็นไอ้เวรหวู่เหวินโป๋!” ดวงตาหลี่เล่อฉายความโกรธออกมา นอกจากหวู่เหวินโป๋แล้ว ก็ไม่มีใครโมโหกับรถของพวกเขามากมายขนาดนี้
“ต้องเป็นฝีมือหวู่เหวินโป๋แน่ๆ” เฉินเฟิงหรี่ตามอง รถโดนทุบเป็นเศษเหล็ก แต่ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขา ว่าหวู่เหวินโป๋สามารถทำเรื่องนี้ได้
“พี่เฟิง พวกเราไปหาไอ้เวรนั่นกันไหม ให้มันซื้อรถคืนให้?” หลี่เล่อลองถาม หลังจากที่ชกต่อยหวู่เหวินโป๋แล้ว ความกล้าบ้าบิ่นของเขาก็ไม่น้อยเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าพูดเรื่องรถยนต์จะมาที่โดนหวู่เหวินโป๋ทุบจนเป็นเศษเหล็กเลย ขนาดหวู่เหวินโป๋มาตัดขาเขาไปข้างหนึ่ง เขายังไม่กล้าไปหาเรื่องหวู่เหวินโป๋เลย แต่ตอนนี้…
“ไม่ต้องไปหาเขาหรอก เดี๋ยวเขาก็มาหาเราเอง” เฉินเฟิงส่ายศีรษะไปมา
“เขาจะมาหาพวกเราเอง?” หลี่เล่อตกตะลึง
“อืม แกคิดว่าทำลายรถของเราแล้ว มันทำให้เขาหายโกรธได้เหรอ?” เฉินเฟิงยิ้มให้ตอนตอบ
“พี่เฟิงความหมายของพี่คือ…” รูม่านตาของหลี่เล่อหดตัวลง ในเวลานั้นเม็ดเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเอามาเทียบกับเฉินเฟิงแล้ว เขาอายุยังน้อยมาก สำหรับคนไฮโซที่ทำตัวเย่อหยิ่งไม่ยอมก้มหัวให้ใครอย่างหวู่เหวินโป๋แล้ว การทุบรถ เกรงว่าคงเป็นเหมือนแค่ของเล่นของเด็กเท่านั้นเอง
ละครฉากต่อไปจริงๆ มันยังมีภาคต่อ!
“ไปกันเถอะ”
เฉินเฟิงยิ้มตามปกติ ถึงแม้ว่าหวู่เหวินโป๋จะมาหาเรื่องตาย งั้นเขาก็อยากจะสะสางหวู่เหวินโป๋อยู่พอดี
หลี่เล่อคิดว่าเฉินเฟิงได้แต่ตีตนไปก่อนไข้ แต่ว่าเมื่อออกมาจากลานจอดรถแล้ว ก็มีรถนักธุรกิจสีดำจอดอยู่ด้านหน้าของเขาและเฉินเฟิง
เมื่อประตูรถเปิดออกมา ปากกระบอกปืนสีดำก็ชี้มาที่แผ่นอกของเฉินเฟิง ทันใดนั้น ก็มีเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ดังออกมาจากในรถ “ขึ้นรถ หรือว่า ตาย!”
เมื่อเห็นปากกระบอกปืนแล้ว รูม่านตาหลี่เล่อหดตัวลงทันที ราวกับเหมือนจิตใต้สำนึกบอกว่าให้หนี แต่ว่าในเวลานั้นเพิ่งรู้ว่า ขาทั้งสองข้างของตนเองนั้นแข็งเป็นเหล็กไปแล้ว ขนาดจะขยับยังยากเลย
จิตวิญญาณส่งสัญญาณความกลัวออกมาให้เขาจนแน่นิ่งไป!
ไม่ว่าเมื่อครู่ที่เขาแสดงท่าทีว่าดุดันมากมายออกมา ทว่าในเวลานี้ อาวุธที่มนุษย์ทุกคนหวาดกลัวที่สุดมาจ่อที่ด้านหน้า เขาก็ย่อมต้องหวาดกลัวอยู่แล้ว เขา ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง!
หลี่เล่อกลืนน้ำลายลงคอ อดไม่ได้ที่จะเหล่ตามองไปที่เฉินเฟิง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเฟิงแล้ว มันช่างสงบนิ่งเหลือเกิน เหมือนว่า ที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่ปืน แต่มันเป็นแค่ของเล่นเท่านั้น
“หวู่เหวินโป๋ใช้ให้พวกแกมาเหรอ?” เฉินเฟิงยิ้มให้ ถึงแม้ว่าปากกระบอกปืนจะอยู่ใกล้ระยะเผาขน แต่ว่าเขากลับไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด
“คำพูดของกู มึงฟังไม่เข้าใจเหรอ?!” ชายกำยำที่โพกผ้าทั้งหน้าแล้วถือปืนสายตาคมกริบ
“กูจะพูดครั้งสุดท้ายอีกรอบ ขึ้นรถ หรือว่า ตาย!”
คำพูดนี้ มือที่อยู่ในมือของชายกำยำที่ใส่ผ้าคลุมหน้าไว้นั้น มันห่างจากสมองของเฉินเฟิงเขยิบเข้าใกล้เรื่อยๆ
ภาพนี้ มันทำให้หลี่เล่อขาอ่อนระทวย
ในเวลานั้นเอง เฉินเฟิงก็หัวเราะร่าออกมา “ฮ่าๆ ขึ้นรถกันเถอะ”
“ถือว่ามึงพูดรู้เรื่อง!”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงยอมร่วมมือด้วย ชายกำยำที่คลุมหน้าก็พูดในลำคอเสียงแข็ง จากนั้นก็เก็บปืนไป
จากนั้น ทางด้านประตูข้างหลังก็เปิดออก
เฉินเฟิงกับหลี่เล่อ –สอดตัวเข้าไปด้านในรถ
หลังจากเข้าไปด้านในรถแล้ว เลยพบว่า ภายในรถนักธุรกิจสีดำคันกว้างขวาง นอกจากชายกำยำที่คลุมหน้าอยู่กับคนขับรถแล้ว ยังมีชายกำยำที่ใส่ชุดสีดำนั่งอยู่อีกสองคน ในมือของชายกำยำสองคนนั้นต่างถือปืนในมือ พร้อมทั้งจ้องมองเฉินเฟิงกับหลี่เล่อด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อเห็นแล้วพลันรู้สึกเหมือนกำลังรบอยู่ ในใจหลี่เล่อตายจนไม่เหลือซาก คนสามคน ปืนสามกระบอก ลำดับต่อไป ความหวังสุดท้าย ก็คงไม่เหลือแล้ว
“ตอนนี้มาตอบคำถามของพวกแกที่ถามมาเมื่อครู่” หลังจากรถนักธุรกิจสีดำเริ่มขยับตัวออกมาแล้ว ชายกำยำที่คลุมหน้าอยู่ก็เบนสายตามาที่ตัวของเฉินเฟิง “คุณชายหวู่เหวินโป๋ให้เรามาจริงๆ”
“อืม ฉันรู้” เฉินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “ก่อนหน้าที่ฉันถามคำถาม เพราะแค่ต้องการคำตอบเท่านั้นเอง”
“ได้คำตอบแล้วจะเป็นยังไง?” ชายกำยำที่คลุมหน้าอยู่ยิ้มให้อย่างถากถาง เมื่อครู่ที่ได้รับคำสั่งจากหวู่เหวินโป๋มานั้น เขายังคิดว่าต้องมาเผชิญหน้า ต้องเป็นคนที่จัดการยุ่งยากยังไงแน่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ มันก็แค่คนไร้ประโยชน์สองคนนี้เนี่ยนะ
ขนาดทำให้ตกใจยังไม่ต้องเลย สองคนขึ้นรถตามเขามาอย่างเชื่อฟัง