ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 463
บทที่ 463 ภาพที่น่าตกใจ
ท่าทีของเฉินเฟิงตอนให้รถหรูมูลค่าสิบล้านหยวนกับหลี่เล่ออย่างไม่กระพริบตานั้น ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากพากันตกใจ ก็เป็นความอิจฉา
ไม่มีใครคาดคิด เฉินเฟิงจะใจกว้างแบบนี้ ดูแล้วเขากับหลี่เล่อ เป็นแค่เพื่อนทั่วไปเท่านั้น แต่สุดท้ายกลับยกรถหรูมูลค่าสิบล้านหยวนให้ง่ายๆ
“เรื่องรถก็จบไปแล้ว”
เวลานี้ เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ
เมื่อได้ยินเฉินเฟิงพูดแบบนี้ หวู่เหวินโป๋ที่เพิ่งจะโล่งอก ทว่าคิดไม่ถึง เฉินเฟิงกลับพูดเสริม:“ต่อจากนี้พวกเรามาคุยกัน เรื่องที่แกส่งนักฆ่ามาฆ่าฉันดีกว่า”
“นัก……นักฆ่า…….”
ลิ้นของหวู่เหวินโป๋พันกันไปหมด เขาแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว นึกว่ารถยนต์คันเดียวสามารถทำให้เฉินเฟิงหายโมโหได้เสียอีก แต่คิดไม่ถึง เฉินเฟิงยังคงผูกใจเจ็บเรื่องนักฆ่า
“เฟิง…….พี่เฟิง พี่มีที่อยู่หรือยังครับ?” หวู่เหวินโป๋อดทนกับความเจ็บปวดแล้วเอ่ยถาม
“หืม?” เฉินเฟิงขมวดคิ้วเป็นปม
“พี่ว่าวิลล่าของผมเป็นยังไงครับ?” หวู่เหวินโป๋ถามต่อ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องฝากความหวังเอาไว้ที่ วิลล่าตุงกงเบอร์18ของเขา ที่จะทำให้เฉินเฟิงหายโมโห
เมื่อได้ยินหวู่เหวินโป๋ถามแบบนี้ สีหน้าของเฉินเฟิงก็แปลกใจขึ้นมาทันที เหมือนว่าหวู่เหวินโป๋จะเข้าใจเขาผิด อันที่จริงความหมายของเขาคืออยากจะบอกให้หวู่เหวินโป๋ว่าหลังจากนี้รับปากว่าจะไม่ยุ่งกับเขาอีก
ทว่าคิดไม่ถึง หวู่เหวินโป๋เข้าใจความหมายเขาผิด นึกว่าสิ่งที่เขาบอกว่าเรามาคุยกันหน่อย คือกำลังหาเรื่อง
“ใช้ได้” หลังจากกวาดตามองการตกแต่งของวิลล่าตุงกงแล้วนั้น วิลล่าตุงกงหลังนี้ ไม่เลวเลยจริงๆ ถึงแม้จะไม่ดีเท่ากับTianshan Living Area แต่ในเมืองจงไห่ ถือเป็นวิลล่าหรูอันดับต้นๆแล้ว
แน่นอน ต่อให้ไม่หรูหราก็ไม่เป็นไร
เพราะถึงอย่างไรของที่ยกให้ฟรี ไม่เอาก็สูญเปล่า
“นับตั้งแต่ตอนนี้ วิลล่าหลังนี้ เป็นของพี่ครับ พี่เฟิง” หวู่เหวินโป๋อดทนกับความเจ็บปวดแล้วเอ่ยพูด วินาทีนี้ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังมีเลือดไหลออกมา ยกรถยนต์แลมโบกินี่ให้กับเฉินเฟิง ยังไม่เท่าไหร่ เงินมูลค่าสิบล้านหยวน เป็นแค่ค่าขนมสองสามเดือนของเขาเท่านั้น
แต่วิลล่าตุงกง อย่ามองว่าเขาซื้อมาในราคาห้าสิบล้านหยวน แต่ตอนนี้ถ้าประกาศขายออกไป อย่างน้อยๆต้องใช้เงินกว่าสามร้อยล้านหยวนถึงจะซื้อได้!
สามร้อยล้านหยวน ยกให้เฉินเฟิงฟรีๆแบบนี้ เขาจะไม่ปวดใจได้ยังไง?
“ดี”
เฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความพอใจ ในเมื่อหวู่เหวินโป๋รู้จักคิดมากขนาดนี้ เขาเองก็ต้องให้เกียรติหวู่เหวินโป๋ สำหรับเรื่องรับประกัน มีวิลล่าหลังนี้แล้ว ยังมีอะไรที่ต้องรับประกันอีก?
หวู่เหวินโป๋คิดอยากจะทำร้ายเขาอีก คงต้องคิดก่อนว่าตนเองอยู่ในระดับไหน
ยิ่งไปกว่านั้น จนถึงขั้นนี้ หวู่เหวินโป๋ต้องเดาได้แล้วว่าเขาคือจอมยุทธ์ เดาได้ว่าเขาคือจอมยุทธ์ เขาไม่เชื่อว่าหวู่เหวินโป๋จะกล้าทำอะไรเขาอีก?
“ไปกันเถอะ” เฉินเฟิงหันไปมองหลี่เล่อ ในเมื่อได้รับผลประโยชน์มาเต็มเปี่ยมขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะที่กลับ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถึงแม้วิลล่าหลังนี้ ตอนนี้จะกลายเป็นของเขาแล้ว แต่เขาไม่อยากพักในห้องที่หวู่เหวินโป๋เคยพัก อย่างน้อยๆก็ควรที่จะจัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน
“พี่เฟิง ปืนสองกระบอกนี้……”
เวลานี้ หลี่เล่อหยิบปืนออกมาสองกระบอก เมื่อกี้หลังจากที่เฉินเฟิงจัดการชายฉกรรจ์ชุดดำทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วนั้น เพื่อที่จะป้องกันไม่ไม่ให้เกิดอันตราย เขาจึงเก็บปืนของทั้งสองคนไว้ที่ตนเอง
ตอนนี้จะไปแล้ว เขาไม่สามารถพกปืนกลับไปได้ แต่การเอาคืนให้หวังเปียว ก็ดูไม่ใช่เรื่อง
“เอามาให้ฉัน”
เฉินเฟิงยื่นมือออกไป เขาหยิบปืนสองกระบอกจากมือหลี่เล่อ
จากนั้นฝ่ามือของเขาประสานเข้าด้วยกัน หยิบปืนที่ทำมาจากเหล็ก ราวกับเป็นปืนของเล่น ปืนค่อยๆเปลี่ยนรูปทรง จากนั้นเสียงแสบแก้วหูก็ดังขึ้น ปืนทั้งสองกระบอกความเร็วนั้นสามารถมองเห็นได้ด้วยตา กลายเป็นเหล็กสองอันกระแทกเข้าด้วยกัน
ภาพนี้ ทำให้หวู่เหวินโป๋ หวังทาวและหวังเปียวตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมา
หวู่เหวินโป๋สูดลมหายใจเข้า เรื่องมาถึงขั้นนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ทำไมหวังเปียวเอาปืนไปด้วยแต่กลับแพ้
ต่อหน้าคนที่ไม่ใช่มนุษย์ ต่อให้หวังเปียวเอาปืนแก็ตลิงก็ไม่มีประโยชน์
ทิ้งเหล็กทั้งสองก้อนทิ้งไปด้านหลัง เฉินเฟิงปรบมือ หันไปมองหลี่เล่อ พูดขึ้น:“ไปกันเถอะ”
หลี่เล่อดึงสติตนเองกลับมาจากความตกใจ เขารีบพยักหน้า แล้วเดินตามหลังเฉินเฟิง
ตอนออกไป หลี่เล่อขับรถแลมโบกินี่ของตนเองโดยไม่ลังเล
หลังจากมองรถยนต์แลมโบกินี่ขับไกลออกไป หวู่เหวินโป๋จึงโล่งใจ เขาจับแผ่นหลังของตนเอง เพิ่งรู้ว่าแผ่นหลังของตนเอง เปียกไปด้วยเหงื่อนานแล้ว
แล้วหันไปมองหวังทาวและหลิวเถียนเหล่านั้น น่าอนาถเสียยิ่งกว่าเขา
หลังจากเฉินเฟิงจากไป พวกเขาราวกับเป็นดินโคลน ขาอ่อนล้มลงบนพื้น
“พี่เปียว เมื่อกี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” หวู่เหวินโป๋มองไปที่หวังเปียว ถึงแม้จะถูกหวังเปียวหักหลัง แต่เวลานี้ เขากลับไม่กล้าไม่พอใจหวังเปียวแม้แต่น้อย ข้อหนึ่งเป็นเพราะหวังเปียวเป็นนักฆ่า ข้อสองเป็นเพราะสิ่งที่เฉินเฟิงทำก่อนกลับไป เขาเอาปืนทั้งสองอัน มาปั้นเป็นก้อนเหล็ก เผชิญหน้ากับคนระดับนี้ การหักหลังของหวังเปียว ไม่สามารถถือโทษได้
“เมื่อกี้……”
ใบหน้าของหวังเปียวฉายความกังวลออกมา ตามด้วยนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในรถเมื่อครู่
เมื่อได้ยินว่าเฉินเฟิงใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที จัดการนักฆ่าอันดับต้นๆทั้งสามคน ทุกคนพากันเงียบทันที
“คุณชายโป๋ เรื่องนี้ จะบอกอาหวู่เหวินไหมครับ?” หวังทาวอดที่จะถามไม่ได้ ความสามารถของเฉินเฟิงที่แสดงออกมา เกินกว่าที่พวกเขาจะรับรู้
ถ้าอยากจะแก้แค้นเฉินเฟิง ก็ต้องให้คนระดับหวู่เหวินเฉิงยิงลงมือ
“เรื่องนี้ฉันจะเป็นคนบอกพ่อเอง พวกแกไม่ต้องพูดมาก” หวู่เหวินโป๋มองหวังทาวและพวกด้วยสายตาเย็นชา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยคำเตือน
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เฉินเฟิงคือจอมยุทธ์ในตำนานที่ถูกพูดถึง อีกทั้งระดับของเขา ไม่ต่ำด้วย
เมื่อคิดว่าตนเองทำผิดต่อจอมยุทธ์ หวู่เหวินโป๋รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที แต่ว่าเรื่องนี้ เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับหวู่เหวินเฉิงยิง
ทำผิดต่อจอมยุทธ์ไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวก็คือ เขาไม่รู้ว่าจอมยุทธ์มีเบื้องลึกอะไรบ้าง
หลังจากไล่หวังทาวและพวกออกไปจากวิลล่า หวู่เหวินโป๋เดินไปด้านข้าง หยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรหาหวู่เหวินเฉิงยิง
เรื่องจอมยุทธ์ ถือเป็นความลับ ต่อให้เป็นตระกูลหวู่เหวิน ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้ หวังทาวไม่กี่คน ไม่มีสิทธิ์รู้
“พ่อครับ……”
อย่างรวดเร็ว ปลายสายรับสาย เรื่องมาถึงขั้นที่เกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์แล้ว หวู่เหวินโป๋ไม่กล้าปิดบัง เขาบอกเรื่องนี้ออกมาจนหมดเปลือก
ปลายสายหวู่เหวินเฉิงยิง เงียบตลอดการพูดคุย จนกระทั่งหวู่เหวินโป๋พูดจบ หวู่เหวินเฉิงยิงพูดสั้นๆแค่สามคำ :“เข้าใจแล้ว”
“พ่อ……”
“กลับมาตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย” หวู่เหวินโป๋อยากจะพูดอธิบายอีก แต่กลับถูกหวู่เหวินเฉิงยิงพูดขึ้นเสียงเรียบ