ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 465
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 465 เฉินเฟิงในสายตาของหลี่สื้อผิง
“พ่อครับ พ่อ……อย่าขู่ให้ผมตกใจสิ” ลิ้นของหวู่เหวินโป๋พันกัน พูดได้อย่างไม่ไหลลื่น
หวู่เหวินเฉิงยิงเคยบอกเขา ในแดนหวาเซี่ย มีหกตระกูลใหญ่ที่ไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้ ในหกตระกูลใหญ่นี้ ตระกูลเฉินเป็นตระกูลที่มีอำนาจที่สุด
“ลูกคิดว่าพ่อจะเอาเรื่องแบบนี้มาขู่ให้ลูกตกใจหรอ?” สีหน้าของหวู่เหวินเฉฺงยิงเคร่งขรึม ในความเป็นจริง เขาไม่มีหลักฐานว่าเฉินเฟิงเป็นคนตระกูลเฉิน แต่ที่เขาพูดแบบนี้ เป็นเพียงเพราะเอาข้อมูลต่างๆมาปะติดปะต่อแล้วคาดเดาเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นแค่การคาดเดา แต่ก็มั่นใจมากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเฟิง ต้องไม่ใช่แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านธรรมดาๆอย่างแน่นอน
“แล้ว……แล้วตอนนี้ควรทำอย่างไรดีครับ?” เสียงของหวู่เหวินโป๋มีความสั่นเครือเหมือนร้องไห้ ในเมืองจงไห่แห่งนี้ ตระกูลหวู่เหวินถือเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง อาศัยอำนาจของตระกูลหวู่เหวิน เขาหวู่เหวินโป๋ขับรถหรูมีบ้านหรู อยากเที่ยวเล่นกับผู้ หญิงแบบไหนก็สามารถเที่ยวเล่นกับผู้หญิงแบบนั้นได้
แต่ว่าวันนี้ เขากลับมีเรื่องกับคนของตระกูลเฉิน
ตระกูลเฉิน สามารถจัดการตระกูลหวู่เหวินได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงใดๆ
“หึ จะทำอะไรได้?” หวู่เหวินเฉิงยิงหัวเราะในลำคอ “ช่วงนี้ลูกก็อยู่บ้านไปก่อน ห้ามออกไปไหน ส่วนเรื่องของเฉินเฟิง ลูกก็ไม่ต้องบอกใคร ถ้ามีคนถามถึง ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
“พ่อครับ แบบนี้……เฉินเฟิงคนนั้นคงไม่มาหาเรื่องผมหรอกใช่ไหมครับ?” หวู่เหวินโป๋ถามลองเชิง
“น่าจะไม่ เรื่องนี้ถือว่าลูกจัดการได้อย่างฉลาด ตอนที่ยอมรับผิดได้แสดงความจริงใจออกไปแล้ว ฝ่ายนั้นเห็นความจริงใจของลูก อีกทั้งไม่ได้มีความแค้นอะไรที่ไม่ได้ไม่สามารถหายโกรธได้ น่าจะไว้ชีวิตลูกแล้ว” หวู่เหวินเฉิงยิงพูดเสียงเรียบ ถึงแม้หวู่เหวินโป๋จะเป็นคนโง่ แต่ก็ไม่ได้โง่จนถึงไม่มียาอะไรมารักษาได้ ตอนที่รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาไม่สามารถจัดการได้นั้น ก็ได้ยอมรับผิดกับเฉินเฟิง อีกทั้งยังได้ให้ของตอบแทนเขาแล้ว
พูดให้น่าฟังหน่อยก็คือ รู้ว่าควรทำอะไรในเวลาที่ถูกต้อง พูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็คือ เป็นคนขี้กลัว!
แต่เพราะความขี้กลัวนี้ ทำให้รอดชีวิตกลับมา
“ขอบคุณครับพ่อ”
เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของหวู่เหวินเฉิงยิง หวู่เหวินโป๋จึงโล่งใจ
ตอนที่หวู่เหวินเฉิงยิงตรวจสอบประวัติของเฉินเฟิง ทางด้านซงเต่าเฟิงเองก็ไม่ได้ว่างเว้น
แทบจะตอนที่ออกมาจากคฤหาสน์ฉู่ ซงเต่าเฟิงก็ได้เอกสารข้อมูลของเฉินเฟิงแล้ว
เอกสารในมือเฉินเฟิง กับเอกสารในมือหวู่เหวินเฉิงยิงแทบจะเหมือนกัน เพียงแต่มีข้อมูลบางส่วนในเอกสารที่ซงเต่าเฟิงได้รับ อธิบายได้ละเอียดกว่าของหวู่เหวินเฉิงยิง
ภายในห้องเพรสซิเดนท์สูท ซงเต่าเฟิงนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาคือนายหน้ารายใหญ่หลี่อี้ เวลานี้หลี่อี้โค้งลำตัวลง มองดูซงเต่าเฟิงด้วยความประจบ:“คุณชายซงเต่า นี่คือเอกสารข้อมูลทั้งหมดของเฉินเฟิง จากเท่าที่ดู เฉินเฟิงคนนั้น ไม่ได้มีตัวตนอื่น”
ซงเต่าเฟิงหรี่ตาลง เขาไม่ได้พูดอะไร นิ้วมือของเขาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“จริงด้วย คุณชายซงเต่า คนของผมสองคนนี้ รู้จักกับเฉินเฟิงพอดี ถ้าคุณชายซงเต่าต้องการ ผมสามารถเรียกพวกเขามาถามได้” หลี่อี้พูดด้วยความเคารพ
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่อี้ ซงเต่าเฟิงอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา เขาพูดเสียงเรียบ:“เรียกมาสิ”
“ครับ คุณชายซงเต่า”
หลี่อี้พยักหน้า จากนั้นเดินออกไปด้านนอกประตู เขาเรียกหลี่สื้อผิงและหวางซือหยวนที่ยืนรออยู่ด้านนอกเข้ามา
เวลานี้ สีหน้าของทั้งสองคนดูระมัดระวัง
โดยเฉพาะหลังจากที่เข้ามาในห้องเพรสซิเดนท์สูท ตอนที่เห็นดวงตาหรี่เล็กของซงเต่าเฟิง
ซงเต่าเฟิงที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้หน้าตาจะไม่ค่อยทะเลาะ ถึงขั้นเรียกได้ว่าหน้าตาน่าเกลียด แต่ฐานะของเขา กลับไม่มีใครกล้าเพิกเฉย
นอกจากจะเป็นลูกชายของประธานสมาคมการค้าเชียสุ่ยแล้วนั้น ซงเต่าเฟิงยังเป็นผู้สืบทอดอันดับที่สามของซงเต่ากรุ๊ปซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่สิบอันดับแรกในญี่ปุ่น
จากการประมาณคร่าวๆ มูลค่าในตัวของซงเต่าเฟิง สูงถึงแสนล้านหยวน
อีกทั้งในอนาคตเขายังต้องเป็นผู้สืบทอดของซงเต่ากรุ๊ป เมื่อเขาสืบทอดซงเต่ากรุ๊ป มูลค่าในตัวเขา ก็จะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าตัว!
สูงถึงล้านล้านหยวน!
เมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ ซงเต่าเฟิงถือเป็นคนที่จัดอยู่ในอันดับสูงสุดของโลก
แม้แต่ประมุขของประเทศเล็กๆ ยังไม่สามารถเทียบกับเขาได้
หลี่สื้อผิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาเริ่มพูดก่อน:“คุณชายซงเต่า คุณเรียกตัวผมมา……”
“แกรู้จักกับเฉินเฟิง?”
ยังไม่รอให้หลี่สื้อผิงพูดจบ ซงเต่าเฟิงพูดแทรกหลี่สื้อผิงขึ้นมาก่อน
“รู้จักครับ”
หลี่สื้อผิงพยักหน้า แต่ในใจของเขากลับรู้สึกสงสัย คนที่ยิ่งใหญ่อย่างซงเต่าเฟิง ทำไมต้องสนใจคนธรรมดาๆเป็นมดตัวเล็กๆอย่างเฉินเฟิงด้วย
“พวกแกเป็นอะไรกัน?” ซงเต่าเฟิงถามต่อ
“พวกเรา…..เฉินเฟิงเป็นลูกน้องของผมครับ” หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลี่สื้อผิงพูดด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะรู้ว่าซงเต่าเฟิงมาเพื่อจุดประสงค์ใด เขาไม่สามารถพูดจาเหลวไหลได้
“ลูกน้อง?” ซงเต่าเฟิงขมวดคิ้วเป็นปม ตามด้วยเงยหน้าขึ้น เขาจ้องมองไปที่หลี่สื้อผิง:“แกรู้สึกว่า เฉินเฟิงเป็นคนยังไง?”
“เขา…..”
หลี่สื้อผิงกระวนกระวายเล็กน้อย จนถึงตอนนี้ เขายังไม่เข้าใจ ซงเต่าเฟิงกับเฉินเฟิงเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันแน่
หลี่สื้อผิงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลี่อี้ คล้ายกำลังร้องขอความช่วยเหลือ แต่หลี่อี้กลับไม่สนใจ ไม่ใบ้ให้หลี่สื้อผิงรู้แม้แต่น้อย
“ไม่ต้องกลัว พูดสิ่งที่นายคิดจากใจจริงออกมาได้เลย” ซงเต่าเฟิงคลายยิ้มบางๆ
“ครับ คุณชายซงเต่า” หลี่สื้อผิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
แล้วพูดขึ้น:“ผมรู้สึกว่า เฉินเฟิงเป็นคนต่ำต้อยที่มุ่งหวังเอากำไรและไม่มียางอาย”
“คนต่ำต้อย?” ซงเต่าเฟิงกระตุกยิ้มมุมปาก
“ถูกต้องครับ” หลี่สื้อผิงพยักหน้า “คุณชายซงเต่า คุณน่าจะรู้นะครับ เฉินเฟิงเคยเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านมาก่อน”
“คุณชายซงเต่า คุณลองคิดดูสิครับ ผู้ชายปกติทั่วไป มีใครบ้างที่จะยอมลดศักดิ์ศรีของตนเองไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้าน”
“ตอนที่เฉินเฟิงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านนั้น ฐานะของเขาในครอบครัวของฝ่ายหญิง แม้แต่สุนัขก็ยังเทียบไม่ได้”
“วันนี้เขายังหลอกลวงคุณอีกว่า ที่เขาไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านนั้น เป็นเพราะความรัก”
“นี่มันเรื่องตลกชัดๆ!”
“ถ้าเขาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเพราะความรักจริงๆ ทำไมเขาต้องหย่ากับภรรยาด้วย?”
ยิ่งพูดหลี่สื้อผิงก็ยิ่งมีอารมณ์ร่วม พูดจนน้ำลายกระเซ็นออกมา
“หลังจากที่มันหย่ากับภรรยา เขาก็อาศัยเส้นสายของพ่อตา ให้พ่อตาแนะนำเขามาที่เมืองจงไห่ มากอดขาพ่อของแฟนผม”
“มากอดขาพ่อของแฟนผมก็ช่างมันแล้ว เขายังมายุ่งกับแฟนผมอีก คุณชายซงเต่า คุณคิดว่า คนแบบนี้เป็นคนไร้ยางอายไหมครับ?”
แววตาของซงเต่าเฟิงคิดเล่นสนุก เขาไม่ได้เห็นด้วยกับหลี่สื้อผิง แต่กลับหันไปมองหวางซือหยวนที่อยู่ข้างๆหลี่สื้อผิงแทน
หวางซือหยวนในวันนี้ สวมชุดเดรสกลางคืนผ้าซีทรูสีดำ ชุดเดรสกลางคืนตัวนี้ ทำให้เนินอกและหุ่นอรชรของเธอเผยออกมา
โดยเฉพาะเนินอกอวบอิ่มสีขาวคู่นั้น ภายใต้แสงไฟ เหมือนผุดที่ออกมาจากชุดเดรสกลางคืนอย่างไรอย่างนั้น