ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 474
บทที่ 474 ว่ากันไปตามเรื่อง
“พี่เฟิง อย่าโกรธพี่สาวผมเลยนะ พี่ผมก็เจ้าอารมณ์แบบนี้แหละ เธอเป็นมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ อารมณ์เลยเป็นฟืนเป็นไฟ…”
“หวู่เหวินโป๋!” หวู่เหวินเชี่ยนยืนกระทืบเท้าอยู่กับที่อย่างโกรธจัด ทำท่าจะเข้าไปตบหวู่เหวินโป๋ แต่กลับโดนหวู่เหวินโป๋หลบเอาง่ายๆ
สองพี่น้องเลยวิ่งไล่จับกันขึ้นมาซะงั้น
พอเห็นฉากนี้ เฉินเฟิงส่ายหัวขำอย่างหน่ายใจ พี่น้องคู่นี้สนิทกันดีจริง
วิ่งไล่จับกันไปสักพัก หวู่เหวินเชี่ยนก็ยังไม่ชนะ
สุดท้ายเธอวิ่งมายืนหน้าเฉินเฟิงอย่างโกรธจัด: “เฉินเฟิงใช่ไหม? ฉันจะบอกนายให้นะว่า น้องชายฉันกลัวนาย แต่ฉันไม่กลัวนายหรอก”
“เรื่องที่นายตบเขา ไม่ช้าก็เร็วนายต้องชดใช้ให้ฉันแน่”
“ได้ ผมจะรอนะ” เฉินเฟิงยิ้มบาง หวู่เหวินเชี่ยนเห็นได้ชัดว่าเป็นคุณหนูที่โดนตามใจตั้งแต่เด็ก ถึงจะไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ แต่จิตใจดี คนแบบนี้ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะทำอะไรไม่ดี
“จริงสิ พี่เฟิง พี่มาทำอะไรที่นี่น่ะ?” ตอนนี้เองหวู่เหวินโป๋ยิ้มร่าเดินเข้ามาหา
“พอดีจะถึงวันเกิดญาติผู้ใหญ่น่ะ พี่เลยมาหาซื้อของขวัญให้เขาน่ะ” เฉินเฟิงบอก
“ซื้อได้หรือยังล่ะ? พี่เฟิง ถ้ายังไม่ได้เดี๋ยวผมช่วยพี่ดู ผมพอมีฝีมือเลือกของขวัญอยู่บ้างนะ” หวู่เหวินโป๋บอก
“งั้นนายช่วยฉันเลือกหน่อยละกัน” เฉินเฟิงยิ้มเศร้าหน่ายใจ เขาไม่ถนัดด้านเลือกของขวัญจริงๆ โดยเฉพาะเลือกของขวัญให้คนแก่ เขาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้จริงๆ
“แหะ พี่เฟิง งั้นผมช่วยเองนะ” หวู่เหวินโป๋หัวเราะแหะๆ พลางถามว่า: “พี่เฟิง ญาติผู้ใหญ่ที่พี่จะให้ของขวัญน่ะ ปีนี้อายุเท่าไหร่หรอ ปกติชอบหรือไม่ชอบอะไรล่ะ?”
“พี่รู้แค่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของเขา แต่เรื่องความชอบของเขานี่พี่ไม่รู้เลย” เฉินเฟิงยิ้มขืนบอก
“ไม่รู้เลยหรอ?” หวู่เหวินโป๋ขมวดคิ้ว บ่นพึมพำว่า: “งั้นยากละงานนี้”
การเลือกของขวัญถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ไม่เพียงต้องคิดถึงอายุและเพศของคนรับ ยังต้องคำนึงถึงความชอบหรือไม่ชอบของคนรับด้วย เฉินเฟิงแทบจะไม่รู้อะไร แบบนี้ยากละ
“พอจะบอกความสัมพันธ์ของพี่กับเขาให้ผมรู้ได้ไหม?” หวู่เหวินโป๋ถาม
“เขาเป็นคุณตาของภรรยาพี่” เฉินเฟิงบอก
“ภรรยา? นายหย่าแล้วไม่ใช่หรือไง?” หวู่เหวินเชี่ยนขมวดคิ้วมองเฉินเฟิง เธอเคยอ่านข้อมูลที่หวู่เหวินเฉินอิงสืบมา เธอเลยรู้เรื่องที่เฉินเฟิงไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียที่ชางโจวมาสามปี และนี่เป็นสิ่งที่เธอไม่เข้าใจที่สุดด้วย เธอไม่เข้าใจว่า ลูกหลานตระกูลเฉินทำไมต้องวิ่งไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียในที่เล็กๆแบบนั้นตั้งสามปี นี่มันน่าอัศจรรย์กว่ามีของตกจากฟ้าอีก
เฉินเฟิงมองบน และไม่ได้สนใจหวู่เหวินเชี่ยน
หวู่เหวินโป๋เองก็เมินเฉยหวู่เหวินเชี่ยนเหมือนกัน
“พี่เฟิง ในเมื่อเขาเป็นคุณตาของพี่สะใภ้ งั้นพี่ต้องตั้งใจเลือกของขวัญนะ จะมาระดับต่ำไม่ได้…
“เอางี้ละกัน พี่เฟิง ผมมีภาพที่พึ่งซื้อมาพอดี ถ้าพี่ไม่รังเกียจ เอาภาพนี้ไปเป็นของขวัญให้ญาติผู้ใหญ่คนนั้น คนอายุแบบเขาชอบภาพแบบนี้กันทั้งนั้น ไม่น่าจะมีปัญหา” หวู่เหวินโป๋พูดพลางหยิบภาพม้วนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เตรียมจะยื่นให้เฉินเฟิง
หวู่เหวินเชี่ยนกลับก้าวเท้าออกมาอย่างโกรธจัด: “หวู่เหวินโป๋ นายทำอะไรน่ะ? ภาพนี้ฉันซื้อมาจะให้ผู้อาวุโสหลี่นะ นายเอาไปให้เขา แล้วฉันเอาอะไรให้ผู้อาวุโสหลี่ล่ะ?”
หวู่เหวินโป๋มองบน: “พี่ พี่เฟิงเขารีบกว่านี่นา ทางด้านผู้อาวุโสหลี่ไม่รีบซะหน่อย วันหลังผมจะเลือกให้ดีกว่าภาพนี้อีก”
หวู่เหวินโป๋พูดพลางแย่งภาพจากมือหวู่เหวินเชี่ยนมา
“อ้ะ พี่เฟิง พี่เอาภาพนี้ไปให้ญาติผู้ใหญ่คนนั้น รับรองต้องยิ้มรับโดยดีแน่” หวู่เหวินโป๋ยื่นภาพโบราณมาตรงหน้าเฉินเฟิง
เฉินเฟิงหัวเราะพลางยื่นมือรับมา: “ภาพนี้ราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวพี่โอนให้นาย”
“พี่เฟิง เกรงใจเกินไปแล้วนะ ระหว่างพวกเราไม่คุยกันเรื่องเงิน ภาพนี้คิดซะว่าผมให้พี่ละกัน ถ้าพี่ไม่รังเกียจก็รับไว้เลย เงินไม่ต้องโอนมาหรอก” หวู่เหวินโป๋บอก
“ไม่ได้ ว่ากันไปตามเรื่องสิ” เฉินเฟิงส่ายหัว “ต้องโอนเงิน”
ดูจากการใช้จ่ายเงินของหวู่เหวินโป๋แล้ว ราคาของภาพนี้คงไม่ถูกแน่ อย่างน้อยน่าจะมีล้านหนึ่งล่ะ
อีกอย่างหวู่เหวินโป๋มอบของสำคัญขนาดนี้เพื่อช่วยเขา ถ้าเขารับมาเฉยๆ จะต่างอะไรกับปล้นล่ะ
พอเห็นเฉินเฟิงยืนยันหนักแน่น หวู่เหวินโป๋แอบเซ็ง เขากลอกตาไปมาพลางว่า: “เอาอย่างนี้ พี่เฟิง ภาพนี้ผมซื้อมาแสนสาม พี่โอนให้ผมแสนเดียวพอ”
“หวู่เหวินโป๋ นายบ้าไปแล้วหรอ!” หวู่เหวินเชี่ยนขมวดคิ้วมุ่น กัดฟันบอก: “นายใช้เงินสามล้านกว่าซื้อภาพนี้มาแท้ๆ แสนสามที่ไหนกัน!”
“นายอยากเอาใจไอ้เลวนี่ก็ไม่ต้องทำขนาดนี้มั้ง!”
“พี่ พูดบ้าอะไรน่ะ? สามล้านกว่าที่ไหน แสนสามนี่แหละ!” โดนหวู่เหวินเชี่ยนเปิดโปงกลางงาน หวู่เหวินโป๋ก็ไม่กระดาก ยังยีนกรานหนักแน่น
“พี่เฟิง อย่าฟังพี่สาวผมพล่ามเลย ภาพนี้แสนเดียว พี่โอนให้ผมแสนเดียวพอ” หวู่เหวินโป๋เบนสายตากลับมาที่เฉินเฟิง สำหรับเขาแล้ว ภาพนี้จะราคาแสนสามหรือสามล้านกว่ามันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลย ที่สำคัญคือสามารถซื้อใจเฉินเฟิงได้ ถ้าสามารถคบกับเฉินเฟิงสนิทใจได้ ต่อให้ภาพนี้ราคาสามสิบล้านกว่า วันนี้เขาก็จะมอบมันออกไปแน่
เฉินเฟิงยิ้มไม่พูดอะไร ต้องยอมรับจริงๆว่า หวู่เหวินโป๋ฉลาดกว่าหวู่เหวินเชี่ยนมากนัก วิธีนี้ของเขาใช้การลงทุนที่น้อยมากเพื่อให้ได้ประโยชน์ใหญ่มากที่สุด
คำโบราณว่าไว้ดีมาก เพิ่มเติมความสุข ไม่สู้ช่วยเหลือในยามยาก
หวู่เหวินโป๋มอบภาพนี้ออกมาในตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ ประโยชน์ที่ภาพนี้มอบให้เขา จะมีประโยชน์มากกว่าคฤหาสน์หรือรถลัมโบร์กีนีที่เขามอบให้ก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า
ครั้งนี้เขารับภาพนี้ไว้ ไม่เพียงลบข้อบาดหมางที่มีต่อกันกับหวู่เหวินโป๋เมื่อก่อนไปสิ้น เขายังติดค้างน้ำใจหวู่เหวินโป๋หนึ่งครั้ง ต่อไปถ้าหวู่เหวินโป๋เจอปัญหาอะไร เขาต้องยื่นมือเข้าช่วย
“ได้ เดี๋ยวพี่โอนให้แสนหนึ่ง” สุดท้ายเฉินเฟิงตัดสินใจรับภาพของหวู่เหวินโป๋ไว้ คำโบราณว่าไว้ดีมาก อย่าทำลายน้ำใจคนยิ้มแย้ม หวู่เหวินโป๋ทำถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเขายังไม่รับภาพนี้ไว้อีก ดูจะเกินไปหน่อยแล้วล่ะ
“หน้าด้าน!”
พอได้ยินว่าเฉินเฟิงจะโอนแค่แสนเดียว ดวงตางามของหวู่เหวินเชี่ยนมีประกายไฟแห่งความโกรธพุ่งขึ้นมาทันที เธอกัดฟันกรอดกรอด เฉินเฟิงทำให้เธอได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าหน้าด้านจริงๆ
ลูกหลานตระกูลเฉินเป็นแบบนี้หมดหรือไง?
“พี่เฟิง ต่อไปจะไปไหนหรอ? ให้ผมไปส่งไหม?” หวู่เหวินโป๋ถามไถ่ต่อ
เฉินเฟิงกลับโบกมือไม่ยี่หระ: “ไม่ต้องหรอก พี่ขับรถมาเอง”
“งั้นได้ พี่เฟิงกลับระวังๆหน่อยละกันนะ”