ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 495
บทที่ 495 เฉินเจิ้นหนาน
เฉินเฟิงวางสายเสร็จ พนักงานเสิร์ฟสาวสวยยิ้มหยัน: “นี่มันเวลาอะไรแล้ว นายยังแกล้งทำนิ่งอีกหรอ?”
“น้าเล็กของคุณชายฉิน คนกระจอกอย่างนายจะรู้จักหรือไง?”
“รู้จักหรือเปล่า อีกเดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ” เฉินเฟิงมองพนักงานเสิร์ฟสาวสวยเรียบๆ
หลายนาทีผ่านไป
รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งก็แล่นปราดมาจอดที่หน้าประตูร้านอาหารตะวันตก ทะเลอีเจียน
ฉินเจิ้นในชุดสูทลงจากรถด้วยสีหน้าถมึงทึง
พอเขาก้าวเข้าร้านอาหาร พวกชายหนุ่มเจาะหูก็ปราดเข้ามาทักทายอย่างนอบน้อมทันที: “คุณอาฉิน”
“คนอยู่ที่ไหน?” ฉินเจิ้นถามอย่างเย็นชา
“อยู่นั่นครับ” ชายหนุ่มเจาะหูชี้นิ้วไปที่เฉินเฟิงที่นั่งทานอาหารอยู่
ฉินเจิ้นมุมปากกระตุก: “ฉันหมายถึงไอ้ลูกไม่รักดีนั่น!”
ลูกไม่รักดี?
ชายหนุ่มเจาะหูอึ้งก่อนสีหน้าเปลี่ยน ฉินเจิ้นหมายถึงคุณชายฉิน?
“คุณชายฉิน เขาอยู่ตรงนั้น…” เห็นสีหน้าฉินเจิ้นผิดปกติ ชายหนุ่มเจาะหูมีทีท่าอ่อนลงทันที
ฉินเจิ้นแค่นเสียงหึ สาวเท้ายาวไปหาฉินหมิง
“พ่อ มาแล้วหรอ!” พอเห็นฉินเจิ้น ฉินหมิงมีสีหน้าลิงโลดทันที
“พ่อ ช่วยผมสับมันให้เละที พ่อดูบาดแผลบนหน้าผมสิ เป็นฝีมือมันทั้งนั้น” ฉินหมิงพูดด้วยท่าทางเจ็บปวด
เขาไม่ทำท่าเจ็บปวดยังดี พอเขาทำ ความโกรธในใจฉินเจิ้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
“เพี๊ยะ”
ฉินเจิ้นไม่พูดพล่ามทำเพลง ยกมือตบหน้าฉินหมิงอย่างจัง
เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังขึ้น ใบหน้าบวมฉุแต่เดิมของฉินหมิงมีรอยฝ่ามือห้านิ้วปรากฏขึ้นมาเด่นชัด
งงเต็ก
งงเต็กจริงๆ
ทุกคนในที่นั้นงงเต็กไปตามๆกัน
ฉินเจิ้นไม่ใช่พ่อของฉินหมิงหรอ? ทำไมถึงตบฉินหมิงล่ะ?
“พ่อ พ่อตบผมทำไม?”
ฉินหมิงมือกุมหน้าถาม สายตาเขาทอประกายเหลือเชื่อ
“ไอ้ลูกเวร ใครให้แกไปหาเรื่องข้างนอกฮะ?!”
ฉินเจิ้นตะคอก น้ำเสียงดังราวสายฟ้าฟาดสะท้านไปถึงทุกคนในที่นั้นจนหูอื้อไปหมด
ฉินหมิงยิ่งไม่เข้าใจหนักขึ้น: “พ่อ ผมโดนคนทำร้ายนะ ลูกชายพ่อโดนทำร้าย จะตายอยู่แล้วเนี่ย พ่อไม่ไปล้างแค้นคนที่มันทำลูกพ่อ นี่พ่อยัง…”
“เพี๊ยะ”
ไม่รอฉินหมิงพูดจบ ฉินเจิ้นตบหน้าเขาให้อีกฉาด
ตบนี้ตบหนักและเน้น!
ฉินหมิงโดนตบกระเด็นไปบนพื้น และไม่ได้ลุกขึ้นมานานเลย
ทั้งงานเงียบสนิท
ฉินเจิ้นบ้าไปแล้วหรอ?
ทำไมเขา…
ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดว่าทำไมฉินเจิ้นมาถึงก็มาระดมตบฉินหมิงนี่เอง ฉินเจิ้นขยับแล้ว!
เขาเดินไปหาเฉินเฟิง
พอเห็นฉากนี้ พนักงานเสิร์ฟสาวสวยถอนหายใจเฮือก พอสั่งสอนลูกชายตัวเองเสร็จ ฉินเจิ้นคงไปสั่งสอนเฉินเฟิงซักทีล่ะนะ?
ฉินเจิ้นเดินมาหยุดยืนหน้าเฉินเฟิง แต่ไม่ได้ทำตามที่ทุกคนคาดเดาคือ เขาไม่ได้ไปหาเรื่องเฉินเฟิง!
เขาโค้งตัวเล็กน้อย พูดเสียงต่ำว่า:
“คุณเฉิน ผมสั่งสอนไอ้ลูกไม่รักดีไปแล้ว ต้องขอความกรุณาคุณเฉินอย่าได้ถือสาเรื่องก่อนนี้เลยนะครับ”
คุณเฉิน?!
ฉินเจิ้นเรียกไอ้กระจอกนี่ว่า คุณเฉิน?!
พอได้ยินสรรพนามที่ฉินเจิ้นเรียกเฉินเฟิง พนักงานเสิร์ฟสาวสวยตกตะลึง สีหน้าซีดเผือดทันที
แขกมากมายในห้องอาหารมองกันตาค้างแทบกัดลิ้นตาย ฉินเจิ้นเป็นคนมีอำนาจของตระกูลเฉินนะ กวาดตามองไปทั่วจงไห่ เขาเป็นคนที่ยืนอยู่ในระดับสูงเลยนะ
แต่ตอนนี้เขากลับเรียกชายหนุ่มคนหนึ่งว่า คุณเฉิน! แถมดูท่าทางเขาสิ เหมือนกำลังขอโทษชายหนุ่มซะอีกแน่ะ!
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?!
ฉินเจิ้นท่าทีแบบนี้ทำให้เฉินเฟิงอึ้งไปเล็กน้อยเหมือนกัน จากนั้นเฉินเฟิงโบกมือพูดยิ้มๆว่า: “คุณอาฉิน เกรงใจไปแล้วครับ เรื่องเมื่อนี้ผมไม่เก็บมาใส่ใจหรอก ผมกับฉินหมิงก็แค่ไม่ตบตีไม่รู้จักกันเท่านั้นเอง”
ไม่ตบตีไม่รู้จักกัน?
พอได้ยินคำนี้ ฉินเจิ้นมุมปากกระตุก นี่เรียกไม่ตบตีไม่รู้จักกันหรือไง? เห็นได้ชัดว่านายเอาแต่ตบตีฉินหมิงอยู่ฝ่ายเดียว!
ถึงในใจจะคิดแบบนี้ แต่ฉินเจิ้นก็ไม่กล้าพูดมันออกมาหรอก
ก่อนมาเขาได้รู้ฐานะของเฉินเฟิงแล้ว
เป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเฉิน
ถึงจะเป็นแค่ลูกนอกสมรส แต่ฐานะของเฉินเฟิงในตระกูลเฉินกลับสูงส่งซะยิ่งกว่าพวกลูกหลานสายตรงซะอีก!
เพราะเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉินเพียงคนเดียวที่เฉินเจิ้นหนานยอมรับ!
เฉินเจิ้นหนาน…
พอคิดถึงเฉินเจิ้นหนาน ฉินเจิ้นอดใจกระตุกไม่ได้
นี่ต่างหากจิตวิญญาณที่แท้จริงของตระกูลเฉิน
และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อำนาจล้นฟ้าของหวาเซี่ย!
นอกจากจะเป็นผู้ควบคุมตระกูลเฉินที่แท้จริงแล้ว เฉินเจิ้นหนานยังมีอีกฐานะหนึ่งคือ มหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้!
เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้มากที่สุดในบรรดามหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ทั้งเก้าคนของหวาเซี่ย!
ถึงเฉินเจิ้นหนานจะอายุน้อยที่สุดในบรรดามหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ทั้งเก้าคน แต่ตำนานเล่าว่า ฝีมือของเขาอยู่ในอันดับสามของมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ทั้งเก้าคน!
อำนาจระดับนี้ตระกูลฉินไม่กล้าไปหาเรื่องหรอก!
ต่อให้เฉินเฟิงเป็นแค่ลูกนอกสมรสของตระกูลเฉิน แต่เขาเกี่ยวเนื่องกับเฉินเจิ้นหนาน ตระกูลฉินไม่กล้าทำอะไรเฉินเฟิงหรอก
ฉินเจิ้นไม่ได้อยู่คุยอะไรกับเฉินเฟิงมากมาย หลังจากขอโทษแล้ว เขาก็พาตัวฉินหมิงจากไป
แต่บรรดาแขกเหรื่อที่อยู่ในห้องอาหารกลับอยู่ในสภาพแข็งเป็นหิน
ฉากเมื่อกี้มันทำพวกเขาตกใจมากเกินไป
เวลาสั้นแค่สิบกว่านาที พวกเขาได้เป็นพยานในเหตุการณ์ที่คุณชายตระกูลสูงที่สุดของจงไห่โดนทำร้าย และยังได้เห็นเจ้าตระกูลอันดับหนึ่งของจงไห่ขอโทษชายหนุ่มคนหนึ่ง…
ทั้งหมดนี้เหมือนฝันไป ทำให้ทุกคนไม่กล้าเชื่อกันเลย
“ของหวานของพวกเราล่ะ?”
ตอนนี้มีเสียงเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องอาหาร ทุกคนที่กำลังตกตะลึงได้สติกลับมา
“ของหวาน?” พนักงานเสิร์ฟสาวสวยอึ้งก่อน และพูดเหมือนคนพึ่งตื่นจากฝันว่า:
“ใกล้…ใกล้แล้วค่ะ สักครู่นะคะ”
“รีบไปเตรียมเถอะ เมียผมหิวแล้ว” เฉินเฟิงขมวดคิ้วท้วงติง ในงานเลี้ยงหลินเซียวเสียนเมื่อกลางวันเขายังมีทานบ้าง แต่เสี้ยเมิ่งเหยาแทบไม่ได้ทานอะไรเลย ถ้าของหวานยังไม่มาอีก เสี้ยเมิ่งเหยาคงหิวแย่เลย
“ฉันจะรีบให้คนเตรียมให้เลยค่ะ ฉันจะรีบให้คนเตรียมให้เลยค่ะ” พนักงานเสิร์ฟสาวสวยพยักหน้าหงึกๆเหมือนไก่ เธอในตอนนี้มีหรือจะเหลือท่าทีเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้อยู่ ถึงจะไม่แน่ใจฐานะที่แท้จริงของเฉินเฟิง แต่ขนาดพ่อของฉินหมิงยังเคารพนบน้อมด้วย คงไม่ด้อยไปไหนหรอก อย่างน้อยจะจัดการพนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆอย่างเธอคงง่ายซะยิ่งกว่าขยี้มดตัวหนึ่งซะอีก
ไม่ถึงสิบนาที ของหวานที่เฉินเฟิงสั่งก็ยกมาเสิร์ฟ
แต่คนยกมาเสิร์ฟกลับไม่ใช่พนักงานสาวสวยคนเมื่อกี้ แต่เป็นผู้จัดการและรองผู้จัดการร้านอาหารแทน
“คุณเฉิน ของหวานได้แล้วครับ”
เขาเสิร์ฟของหวานสองจานบนโต๊ะเฉินเฟิงเสร็จ ผู้จัดการในชุดสูทตะวันตกก็หยิบขวดไวน์สองขวดจากถาดด้านหลังมาวางไว้บนโต๊ะเฉินเฟิง
เฉินเฟิงปรายตามอง พบว่าขวดไวน์สองขวดเป็น Lafiteปี82 ขวดหนึ่งอย่างน้อยต้องมีแสนหนึ่งอัพล่ะ แพงกว่าขวดที่ฉินหมิงเอามาให้เมื่อกี้สามเท่าได้