ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 506
บทที่ 506 คนช่างประจบ
เฉินเฟิงเดินยิ้มเข้ามาจนถึงโต๊ะทานอาหาร
เมื่อเห็นฉู่ยี่เฟยและจางเทียนเซออยู่ด้วย เฉินเฟิงก็เริ่มทักทายก่อน “อรุณสวัสดิ์ครับ พี่ฉู่ รุ่นพี่จาง”
“อรุณสวัสดิ์” ฉู่ยี่เฟยยิ้มรับ
จางเทียนเซอมองหน้าเฉินเฟิงแวบหนึ่งก่อนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “รุ่นน้องเฉินเมื่อคืนหลับสบายดีไหม?”
“ก็ดีครับ”
เฉินเฟิงตอบกลับ ห้องพักของเขาเป็นห้องพักที่หรูหราที่สุดของเรือลำนี้ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกถึงความโคลงเคลงของเรือมากนัก เขาจึงหลับสนิททั้งคืน
“อืมดีแล้ว” จางเทียนเซอพยักหน้ารับยิ้มๆ
จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรือสำราญคงจะถึงเกาะตอนค่ำของวันนี้และการต่อสู้จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้”
“ในระหว่างนี้คุณควรพักผ่อนเก็บแรงไว้ให้เต็มที่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้”
เฉินเฟิงยิ้มตอบ ในขณะที่กำลังจะพยักหน้ารับ หูฉี่ซิงที่นั่งข้างจางเทียนเซอก็เอ่ยปากขึ้นก่อน “รุ่นพี่จาง รุ่นน้องเฉินจะพักผ่อนเต็มที่หรือไม่ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือรุ่นพี่ที่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ”
“การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ รุ่นพี่และมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ต่างหากที่เป็นตัวเด่น พวกเราและรุ่นน้องเฉินต่างก็เป็นเพียงตัวประกอบของรุ่นพี่และมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่เท่านั้น ดังนั้นวันพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องฝากความหวังไว้ที่รุ่นพี่แล้วล่ะ ขอแค่รุ่นพี่และมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ทำได้ดี การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ก็ชนะเกินครึ่งแล้ว ”
น้ำเสียงของหูฉี่ซิงแฝงไว้ซึ่งความหมายหลายชั้น คำพูดของเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังประจบจางเทียนเซอ ในขณะเดียวกันก็เป็นการดูถูกเฉินเฟิงไปในตัว
หยางเสี่ยนหมิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะแต่ไม่พูดอะไรออกมา เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดที่หูฉี่ซิงจะพูดแบบนี้
เขารู้จักหูฉี่ซิงดี ด้านความสามารถของเจ้าตัวนั้นด้อยมาก แต่เรื่องประจบสอพลอนี่เก่งที่สุด
ถึงแม้เขาจะเป็นศิษย์เอกของสำนักสิงยี่แต่ความสามารถของเขานั้นไม่อยู่ในสามอันดับแรกของจำนวนลูกศิษย์ทั้งหมดด้วยซ้ำ
ทว่าครั้งนี้สำนักสิงยี่กลับส่งเขามาเป็นตัวแทนในการต่อสู้
เรื่องนี้ยังไงก็เกี่ยวกับความช่างประจบสอพลอของหูฉี่ซิง
ภายในสำนักสิงยี่ หูฉี่ซิงคือคนที่ช่างประจบเจ้าสำนักมากที่สุด
ตอนนี้เห็นทีว่าหูฉี่ซิงคงจะประจบจางเทียนเซอเป็นรายต่อไป
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครั้งนี้หูฉี่ซิงประจบจางเทียนเซอได้ถูกจุดมาก
เขาคงมองออกว่าจางเทียนเซอสนใจฉู่ชีงฉือ ทว่าความสนใจของฉู่ชีงฉือกลับอยู่ที่จอมยุทธ์ฝึกเองอย่างเฉินเฟิง
ในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน หูฉี่ซิงจึงรู้ว่าจางเทียนเซอไม่ชอบใจมากแค่ไหน
ถึงแม้จางเทียนเซอจะไม่ชอบใจขนาดไหนแต่ในฐานะศิษย์เอกของภูเขาหลงหู่ จางเทียนเซอจึงต้องรักษาภาพลักษณ์ ไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ อีกทั้ง……โดยเฉพาะเกิดอาการหึงหวงเพราะจอมยุทธ์ฝึกเองคนหนึ่ง เรื่องแบบนี้จางเทียนเซอคงไม่สามารถทำได้
และเรื่องที่จางเทียนเซอทำไม่ได้คงต้องตกเป็นหน้าที่ของหูฉี่ซิง
ในฐานะคนช่างประจบอย่างหูฉี่ซิงซึ่งเข้าใจการประจบอย่างถ่องแท้แล้วนั้น เขาจึงรู้ดีว่าต้องประจบยังไงจางเทียนเซอถึงจะพอใจที่สุด
การโอ้อวดจางเทียนเซอนั้นไม่สามารถขาดได้อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ดูถูกเฉินเฟิงไปในที
มีเพียงการดูถูกเฉินเฟิงเท่านั้นถึงจะทำให้ฉู่ชีงฉือเห็นถึงความห่างชั้นระหว่างเฉินเฟิงและจางเทียนเซอ
ทำแบบนี้ฉู่ชีงฉือจึงจะเปลี่ยนใจมองคนใหม่
ประจบแบบนี้เท่ากับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว!
“ฮ่าฮ่าฮ่า” จางเทียนเซอหัวเราะเสียงดังพร้อมกับอาการหน้าแดง เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจกับคำประจบสอพลอของหูฉี่ซิงมาก
ถึงแม้ภายในใจจะชอบใจขนาดไหนแต่คำพูดของเขายังคงไว้ซึ่งความนอบน้อม “รุ่นน้องหู พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียวหรอก ถึงแม้ว่าการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้จะขึ้นอยู่กับผมและมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่เป็นหลัก แต่พวกคุณก็เป็นพลังที่ไม่อาจมองข้าม……”
จางเทียนเซอหันไปทางเฉินเฟิงก่อนเอ่ยแกมหัวเราะ “โดยเฉพาะรุ่นน้องเฉิน คุณเป็นจอมยุทธ์ฝึกเองเพียงคนเดียวในการต่อสู้ครั้งนี้ หน้าตาของจอมยุทธ์ฝึกเองคงต้องฝากไว้ที่คุณแล้วล่ะ”
“หากคุณทำได้ดี จัดการจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นได้สักคนสองคน เช่นนั้นล่ะก็จะเป็นการเชิดหน้าชูตาให้กับจอมยุทธ์ฝึกเองด้วย”
“หากคุณทำได้ไม่ดี……” จางเทียนเซอเงียบเสียงไปสักพักก่อนเอ่ยต่อ “ทำได้ไม่ดีก็ไม่เป็นไร เพราะจอมยุทธ์ฝึกเองก็ด้อยกว่าจอมยุทธ์จากอาณาสำนักอยู่แล้ว ถึงคุณจะแพ้ให้กับจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่น คนอื่นก็คงไม่ว่าอะไร ดังนั้นอย่ากดดันไปเลยรุ่นน้องเฉิน”
“รุ่นพี่จางคิดมากไปแล้วล่ะ คำว่ากดดันมีน้อยครั้งมากที่จะปรากฏในพจนานุกรมของผม”
“ว่าแต่รุ่นพี่จางเอง……ต้องแบกรับชื่อเสียงของการต่อสู้ระหว่างสองประเทศในครั้งนี้ เกรงว่าจะกดดันมากเป็นพิเศษ หวังว่ารุ่นพี่จางจะตั้งสติได้ดีและทำให้สุดความสามารถในการต่อสู้วันพรุ่งนี้”
“ขอบคุณที่เตือนนะรุ่นน้องเฉิน แต่ว่าจอมยุทธ์ของประเทศเล็กๆอย่างญี่ปุ่นยังไม่มีสิทธิมากพอให้ผมต้องใช้ความสามารถทั้งหมดหรอก จัดการพวกมันผมใช้ความสามารถแค่เจ็ดส่วนจากทั้งหมดก็พอ”
“แค่เจ็ดส่วนก็มากพอที่จะทำให้พวกมันตั้งรับไม่ไหวแล้ว!” จางเทียนเซอเอ่ยอย่างทะนงตน เขาเป็นถึงศิษย์เอกของภูเขาหลงหู่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
ถึงแม้จะอยู่ในรุ่นเยาวชนของศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย เขาก็สามารถอยู่ในสิบอันดับแรกได้
ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะฉู่ชีงฉือ เขาคงไม่มีทางมาเป็นตัวแทนของตระกูลฉู่เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ ให้เขามาจัดการจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
“ฮ่าฮ่าฮ่า รุ่นพี่จางเท่มาก” หูฉี่ซิงเริ่มประจบอีกครั้ง
ด้านเฉินเฟิงกลับส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไรต่อ
ในตอนแรกเขายังรู้สึกดีกับจางเทียนเซอเพราะคนเป็นอาจารย์อย่างจางเสี่ยนจวนแห่งภูเขาหลงหู่
ทว่าตอนนี้……
หมดซึ่งความรู้สึกดีๆ
การต่อสู้ยังไม่ทันเริ่มจางเทียนเซอยังหลงตัวเองขนาดนี้ ไม่เห็นจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นอยู่ในสายตาเลยสักนิด
หากตอนขึ้นเวทีต่อสู้จริงๆ เขายังคงมีท่าทีหลงตัวเองแบบนี้โอกาสแพ้มีมากกว่าชนะแน่นอน
ราวกับเห็นความกังวลใจของเฉินเฟิง ฉู่ยี่เฟยจึงรีบเอ่ยเตือน “เทียนเซอ มั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องดีแต่อย่าดูถูกศัตรูเด็ดขาด การต่อสู้ในครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากว่าทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยจะเชิญคนของนักบุญมืดและเสินอิ่นมา ความสามารถของพวกเขานั้นจอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปของประเทศญี่ปุ่นเทียบไม่ติดเลยล่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่าคนของนักบุญมืดและเสินอิ่น ม่านตาของจางเทียนเซอก็หดเล็กลงโดยอัตโนมัติ ทว่าฝีปากเขายังคงไว้ซึ่งความไม่ใส่ใจ “พี่ฉู่ คนของนักบุญมืดและเสินอิ่นเก่งก็จริง แต่พวกเราคนของภูเขาหลงหู่ก็ไม่ธรรมดา”
“ผมตามอาจารย์ขึ้นเขาไปฝึกวิชาตั้งแต่เด็ก วิชาของภูเขาหลงหู่ผมท่องจำได้ขึ้นใจ ถึงจะต้องปะทะกับคนของนักบุญมีดจริงๆ ผมก็ไม่กลัว”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นก็แล้วกัน” ภายนอกฉู่ยี่เฟยพยักหน้ารับ ทว่าภายในกลับถอนหายใจใส่ หากคนของนักบุญมืดและเสินอิ่นรับมือได้ง่ายขนาดนั้น เช่นนั้นสมาคมการค้าเชียสุ่ยคงไม่ต้องลำบากเชิญคนทั่วทุกสารทิศแบบนี้หรอก
เมื่อเห็นว่าฉู่ยี่เฟยยังคงมีความกังวลอยู่ หูฉี่ซิงก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “พี่ฉู่วางใจเถอะ รุ่นพี่จางคือที่หนึ่งของรุ่นเยาวชนของภูเขาหลงหู่ คนในวัยเดียวกันที่มีวิชามากพอสูสีกับรุ่นพี่จางได้นั้นมีไม่เกินสามคน พรุ่งนี้มีรุ่นพี่จางออกตัว ชัยชนะต้องตกเป็นของสมาคมการค้าจงไห่ของพวกคุณแน่นอน”