ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 516
บทที่ 516 จายเถิงจวั่นจู้
“เดี๋ยวอีกพักทางจอมยุทธ์ของสมาคมการค้าจงไห่กับจอมยุทธ์ของสมาคมการค้าเชียสุ่ยจะขึ้นเวทีพร้อมกัน ทางผู้ร่วมเข้าแข่งขันจะของทางสมาคมจงไห่จะเลือกหยิบฉลากสีขาว ผู้ลงแข่งของทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยจะหยิบสีดำ”
“หลังจากผู้เข้าร่วมแข่งขันได้หยิบฉลากแล้วทุกคน จะทำการเปิดออกในตอนนั้นทันที จากนั้นก็บอกเลขที่ตนเองจับฉลากได้”
“จับได้สีดำเลข1 และสีขาวเลข1ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้กัน”
“จับได้สีดำเลข 2 จับได้สีขาวเลข 2เป็นคู่ต่อสู้กัน เป็นเช่นนี้ จนถึงทั้ง 10 เลข”
“อีกอย่าง ลำดับผู้เข้าลงแข่งของอีกฝั่ง ก็จับฉลากเช่นกัน สีดำเลข 1 คู่กับสีขาวเลข 1 ถ้าสีดำหมายเลข 1 แพ้ สีขาวหมายเลข 1 ชนะ งั้นสีดำหมายเลข 1 ลงจากเวทีไป”
“จากนั้น สีขาวหมายเลข 1ยังสามารถเลือกที่จะอยู่บนเวทีเพื่อจะสู้กับ สีดำหมายเลข 2 หรือจะเลือกลงจากเวทีก็ได้ เพื่อให้สีดำหมายเลข 2 กับสีขาวหมายเลข 2 ได้ทำการประลองฝีมือบนเวที”
“การประลองก็จะเป็นลักษณะเช่นนี้ จอมยุทธ์ที่สามารถอยู่บนเวทีได้คนสุดท้ายนั้นถือว่าเป็นคนชนะในการแข่งขันการเดิมพันประลองฝีมือในครั้งนี้”
“กฎเกณฑ์ก็เป็นเช่นนี้ ทุกคนเข้าใจไหม?”
เจ้าหน้าที่ของสหพันธ์บูโดถามย้ำอีกครั้ง
แต่คนที่อยู่บนเวทีต่างไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด
ความจริงแล้ว ก่อนที่จะขึ้นไปบนเวทีนั้น เฉินเฟิงและคนอื่นๆ ต่างรู้กฎกติกาของการจับฉลากในการแข่งครั้งนี้แล้ว
เจ้าหน้าที่สหพันธ์บูโดพูดย้ำอีกครั้งนั้น ความจริงแล้วคือการบอกให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินแจ่มแจ้งกันอย่างทุกคน
การเดิมพันในครั้งนี้ นอกจากจอมยุทธ์ของทั้งสองสมาคมแล้ว ยังมีวงการศิลปะการต่อสู้ของจงไห่จำนวนไม่น้อยและคนมีชื่อเสียงอันโด่งดังของวงการศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นมาด้วย คนที่ไม่รู้เรื่องกฎเกณฑ์การเดิมพันในครั้งนี้ ทางสหพันธ์ต้องการให้พวกเขาต่างรับทราบให้หมด
“เช่นนั้นทุกคนต่างเข้าใจกันหมดแล้ว เช่นนั้นเรียนเชิญให้ทุกคนขึ้นเวทีขึ้นมาจับฉลากเถอะ”
เจ้าหน้าที่สหพันธ์มองมาทางทุกคน แล้วกล่าวขึ้น
เมื่อสิ้นเสียงของเขา ทางด้านจอมยุทธ์ของสมาคมการค้าเชียสุ่ยก็เริ่มขยับตัวก่อน
เมื่อเอามาเทียบกับทางด้านสมาคมการค้าจงไห่นั้น วินัยของเหล่าจอมยุทธ์ทางฝั่งสมาคมการค้าเชียสุ่ยเห็นได้ชัดว่าเข้มงวดอยู่ไม่น้อย
ในเวลาเดียว อายุของพวกเขาค่อนข้างสูงวัยนิดหน่อย โดยรวมอายุอยู่ที่เกือบจะสามสิบปีเห็นจะได้ อายุมากกว่าจอมยุทธ์ทางฝั่งสมาคมการค้าจงไห่อยู่สามสีปี
“ไปกันเถอะ”
จางเทียนเซอมองคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
เมื่อขึ้นไปบนเวทีแล้ว ทุกคนต่างต่อแถวเพื่อทำการจับฉลาก
ไม่ถึงสิบนาที ลูกบอลฉลากทั้งยี่สิบลูกก็ถูกหยิบไปทั้งหมด
ในมือของเฉินเฟิงก็มีลูกบอลฉลากสีขาวที่ให้ความรู้สึกสว่างไสวอยู่ในมือ
หลังจากที่เปิดออกมาแล้ว ด้านในมีตัวเลข 8 เขียนเอาไว้
หมายเลข 8 เป็นตัวเลขที่เฉินเฟิงจับฉลากได้ นั่นย่อมหมายความว่า เฉินเฟิงจะขึ้นเวทีเป็นคนที่8 ในการเป็นผู้เข้าแข่งขัน
เฉินเฟิงมองไปทางจอมยุทธ์คนอื่นๆ ของสมาคมการค้าจงไห่ พลันเห็นว่าบนหน้าของเหล่าจอมยุทธ์หลายคนไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย นอกจากหูฉี่ซิงคนเดียว
สีหน้าของหูฉี่ซิงดูย่ำแย่จนดูไม่ได้ เพราะว่าเขาจับฉลากได้หมายเลข 1
ย่อมหมายถึง เขาจะเป็นคนแรกในการขึ้นเวที
“เอาล่ะ ทุกคนเอาลูกบอลฉลากของตนเองเอามาคืนเถอะ” เจ้าหน้าที่สหพันธ์บูโดมองไปที่ทุกคน
จากนั้น จอมยุทธ์ทางฝั่งสมาคมการค้าเชียสุ่ยก็เริ่มเอาลูกบอลฉลากมาคืน
เวลานั้นเอง หูฉี่ซิง ทำตาพริ้มพรายเดินไปหาจางเทียนเซอทางด้านข้าง แล้วเอ่ยถามเสียงกระซิบ “ศิษย์พี่จาง พี่จับฉลากได้หมายเลขอะไร?”
“เลข 3” จางเทียนเซอพูดแล้วก็หันไปหาหูฉี่ซิง “ทำไม?”
“ศิษย์พี่จาง ฉันจับได้หมายเลข1” หูฉี่ซิงตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เลข 1?” จางเทียนเซอขมวดคิ้วให้ หมายเลข 1 เป็นตัวเลขแรก แต่ความสามารถของหูฉี่ซิง เป็นคนที่ความสามารถอ่อนแอที่สุดของสมาคมการค้าเชียสุ่ย ถ้าเข้าขึ้นเวที เกรงว่าจะทำให้ทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยแพ้ราบคาบเป็นคนแรก
ถ้าหูฉี่ซิงแพ้ ความเชื่อมั่นของทางสมาคมการค้าจงไห่จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก
“ศิษย์พี่จาง สามารถที่จะ….” หูฉี่ซิงอดไม่ได้ที่จะมองจางเทียนเซออยู่สักครู่ เพื่อที่ต้องการจะส่งแผนในการสลับหมายเลขกับจางเทียนเซอ เวลานั้นเอง ทางด้านสหพันธ์ก็พาจอมยุทธ์ของญี่ปุ่นเดินเข้ามาหา จอมยุทธ์ญี่ปุ่นคนนั้นเป็นผู้ตรวจสอบของสมาคมการค้าเชียสุ่ย
“รบกวนสองท่านด้วย เอาลูกบอลฉลากส่งคืน” เจ้าหน้าที่สหพันธ์ยิ้มและมองมาที่จางเทียนเซอและหูฉี่ซิง
“ได้”
จางเทียนเซอพยักหน้ารีบอย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นก็เอาลูกบอลฉลากใส่ลงไปในถาดไม้
ทางด้านเจ้าหน้าที่สหพันธ์กล่าวย้ำ “ศิษย์พี่จางหมายเลข 3 เดี๋ยวรอการแข่งขันรอบสามเกิดขึ้น รบกวนศิษย์พี่จางจำหมายเลขไว้ด้วย”
พูดไป ก็เบนสายตามาทางหูฉี่ซิง
ถึงแม้ว่าจะไม่ยอมรับก็ตาม แต่ต่อหน้าทุกคน หูฉี่ซิงย่อมไม่กล้าเล่นตุกติก
เขาจัดการเอาลูกบอลฉลากวางลงบนถาดไม้อย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็นหมายเลขของหูฉี่ซิง แววตาของทางด้านเจ้าหน้าที่สหพันธ์ก็แปลกใจ “ศิษย์พี่หูได้หมายเลข 1 ..”
“หมายเลข 1 ของสมาคมการค้าเชียสุ่ยคือใคร?” หูฉี่ซิงพยายามกระซิบถาม เขาอยากรู้ ว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือใคร
“จายเถิงจวั่นจู้…” ทางเจ้าหน้าที่สหพันธ์บูโดมองมาทางหูฉี่ซิงอย่างเห็นใจอยู่แวบหนึ่ง
จายเถิงจวั่นจู้ เป็นผู้สมัครลงแข่งที่อยู่ในขั้นเก่งกาจระดับสูงมากสมาคมการค้าเชียสุ่ย เมื่อเอามาเทียบตำแหน่งในสมาคมการค้าเชียสุ่ย ตำแหน่งก็ไม่แตกต่างไปจากจางเทียนเซอที่อยู่ในสมาคมการค้าจงไห่
เมื่อได้ยินชื่อจายเถิงจวั่นจู้ชื่อนี้ สีหน้าของหูฉี่ซิงซีดเผือดลงไปถนัดตา ทำไมถึงเป็นคนนี้?
“ศิษย์พี่หูเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนเถอะ” เจ้าหน้าที่สหพันธ์บูโดถอนหายใจ เขาก็มองหูฉี่ซิงในแง่ลบ ความสามารถของจายเถิงจวั่นจู้ เมื่อเอามาเทียบกับจางเทียนเซอก็ไม่ต่างกันมากนัก
หูฉี่ซิงชนะจางเทียนเซอมาแล้วกี่ครั้ง งั้นเขาต่อสู้กับจายเถิงจวั่นจู้ ก็คือเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องเปลี่ยนหมายเลขนั้น….
เขาแค่พูดได้ว่า หูฉี่ซิงโคตรปัญญาอ่อนเลย
ทางฝั่งญี่ปุ่นมีหั้วจิ้งตัวพ่อทั้งสามคนอยู่ด้วย พวกเขาต่างจับตามองทางนี้อยู่ตลอดเวลา ถ้าพวกเขาเห็นว่าหูฉี่ซิงแอบเปลี่ยนหมายเลข เช่นนั้นหูฉี่ซิงกับจางเทียนเซอ คงหมดสิทธิ์ในการแข่งขันในทันที
หลังจากทำงานเก็บฉลากลูกบอลหมดแล้ว จอมยุทธ์ของทั้งสองสมาคมต่างลงจากเวที
เจ้าหน้าที่ที่เพิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลฉลากก่อนหน้านี้เริ่มขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง พร้อมทั้งพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “การจัดเรียงลำดับขึ้นเวทีและหมายเลขฉลากของทุกท่าน อีกสักครู่ผมจะมาติดประกาศให้ทราบ”
“อีกอย่าง การเดิมพันในการประลองฝีมือจะเริ่มขึ้นเวลาบ่ายสองโมง รบกวนทุกท่านขึ้นเวทีตรงเวลาด้วย”
บ่ายสองเหรอ?
เมื่อเจ้าหน้าที่สหพันธ์พูดจบแล้ว คนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างพูดคุยขึ้นมา
“บ่ายสอง? ทั้งหมดมีสิบคู่ บ่ายสองเพิ่งลงแข่งวันนี้ทั้งวันจะแข่งจบไหม?”
“ใครบอกล่ะว่าวันนี้จะแข่งเสร็จกัน? การเดิมพันในครั้งนี้ต้องใช้เวลาในการแข่งทั้งหมดสามวัน วันนี้ทำการแข่งเพียงสองคู่ พรุ่งนี้กับมะรืนนี้แข่งขันวันละ4คู่”
“ทำไมต้องแยกแข่งเป็นสามวันล่ะ? จัดการแข่งให้มันเสร็จสิ้นไปวันเดียวไม่ได้เหรอ?”
“วันเดียว? แกคิดว่าการเดิมพันประลองฝีมือนั้นมันง่ายดายเหมือนแสดงให้เด็กดูหรือไง? วันหนึ่งถึงจะแข่งเสร็จ”
เขาไม่ได้สนใจที่ผู้ชมกำลังพูดคุยกันอยู่ เฉินเฟิงเดินตามผู้ชมของทางสมาคมจงไห่ กลับไปที่เขตชุมชนวิลล่า
ในห้องโถงของวิลล่า
จอมยุทธ์ที่เข้าร่วมการประลองฝีมือในครั้งทั้งหมดสิบคนก็มากันครบ
นอกจากใบหน้าของหูฉี่ซิงที่ดูลำบากใจเอามาก ส่วนคนอื่นๆ สีหน้ายังคงเป็นปกติ
หลายนาทีผ่านไป ฉู่ยี่เฟยกับวังโฉงหยางก็เดินเข้ามา
“ลำดับการขึ้นเวทีและหมายเลขในการจับฉลากของทุกคนก็ออกมาแล้ว” ฉู่ยี่เฟยยิ้มให้พร้อมยกกระดาษสีแดง บนกระดาษสีแดงมีชื่อของตนเองและคู่ต่อสู้เขียนกำกับเอาไว้
“การเดิมพันในวันนี้ ผู้โชคดีที่ขึ้นเวทีท่านแรก เขาต้องต่อสู้กับจายเถิงจวั่นจู้”
จากนั้นก็เอากระดาษสีแดงยื่นด้านหน้าและด้านหลังให้ทุกคนดู ฉู่ยี่เฟยเบนสายตามาทางหูฉี่ซิง
“พี่ฉู่ สามารถเอาเลขฉลากของฉันกับศิษย์พี่จางเปลี่ยนกันได้ไหม? ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจายเถิงจวั่นจู้ ถ้าเป็นศิษย์พี่จางแล้วละก็…เขาขึ้นเวที มี8ถึง9ใน10เปอร์เซ็นต์ที่เขาสามารถชนะจายเถิงจวั่นจู้ได้อย่างดี” เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาทางตนเอง ใบหน้าของหูฉี่ซิงก็ฉีกยิ้มให้ จากนั้นสีหน้าก็ค่อยๆ ยิ้ม
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่สนใจที่จะไม่รักษาภาพพจน์เอาไว้ เขามั่นใจว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจายเถิงจวั่นจู้ มีความเป็นไปได้มากว่า เขาลงมือประลองยุทธ์กับจายเถิงจวั่นจู้แค่สิบท่าก็เอาไม่อยู่แล้ว