ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 520
บทที่ 520 เลวทรามต่ำช้า
“หั้วจิ้ง?” ท่านเต๋าชิงเย้นตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ หั้วจิ้งที่มาที่เกาะมุ๋ยลายในครั้งนี้ มีทั้งหมดสิบกว่าคน ในสิบกว่าคนนั้นล้วนอยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย เขารู้จักทั้งหมด แต่ตอนนั้น คนเหล่านั้นก็นั่งอยู่กับเขา พวกเขาก็อยู่ห่างจากเวทีเกือบร้อยเมตรเช่นกัน พวกเขาแทบไม่มีโอกาสในการช่วยเห้อซงด้วยซ้ำ…
“ท่านอาจารย์อาก่วนรู้ไหมว่าหั้วจิ้งคนนั้นคือใคร? ” ท่านเต๋าชิงเย้นอดถามไม่ได้ ว่าอีกฝ่ายที่เข้ามาช่วยเห้อซงนั้นเป็นใคร เช่นนั้นสำนักบู๊ตั๊งของพวกเรา ก็เท่ากับติดค้างบุญคุณอีกฝ่ายเอาไว้
บุญคุณเช่นนี้ พวกเขาต้องทดแทน
“ไม่รู้ ตอนนั้นคนอยู่เยอะมาก ฉันมองเห็นไม่ชัด” ก่วนหนานเทียนส่ายหน้าไปมา ถึงแม้ว่าพลังภายในของเขาจะเป็นหั้วจิ้งขั้นสุดแล้ว แต่ในเหตุการณ์นั้นมีคนจำนวนมากมาย เขาเองย่อมไม่สามารถจ้องมองทุกคนได้ เขาแค่รู้ว่า คนที่เข้ามาช่วยในตอนนี้ อยู่ใกล้กับเวทีมาก
“ได้” ท่านเต๋าชิงเย้นเริ่มเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขาเพิ่งจะเคยเห็นแบบนี้เป็นครั้งแรก ทำเรื่องดีๆ แล้วไม่ยอมบอกชื่อแซ่นี่แหละ
อีกฝั่ง จายเถิงจวั่นจู้เพิ่งจะกลับมาที่ทีมสมาคมการค้าเชียสุ่ย จนที่สุดมีคนทนไม่ไหวจนพูดออกมา “จวั่นจู้ เมื่อครู่ทำไมแกไม่ฆ่าไอ้หวาเซี่ยคนนั้นไปเลย?”
จายเถิงจวั่นจู้มองไปที่คนที่พูด ด้วยสีหน้าถมึงทึง “แกคิดว่าฉันไม่อยากฆ่าหรือไง?”
คนนั้นตะลึง “หมายความว่าไง?”
“มีคนแอบขัดขวางฉันเอาไว้” จายเถิงจวั่นจู้พูดเสียงเข้ม ตอนที่อยู่บนเวที เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมีดสั้นถึงได้หักเหไป แต่เมื่อลงจากเวทีแล้ว เขาก็คิดออกทันควัน
ตอนที่เขากำลังลงมือนั้น มีคนปล่อยพลังภายในออกมา พลังภายในนั้นทำให้มีดสั้นของเขาหักเหไปหลายเซนติเมตร
เวลานั้นเอง เปียนตู้ไท่อีและชายชราหั้วจิ้งของญี่ปุ่นอีกสองคนก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นทั้งสามคน จายเถิงจวั่นจู้และจอมยุทธ์หนุ่มก็รับโค้งคำนับทำความเคารพทันที “ท่านอาจารย์!”
“ลำบากเจ้าแล้ว จวั่นจู้” ชายชราหั้วจิ้งคนตรงกลางมองมาที่จายเถิงจวั่นจู้อย่างพอใจ จายเถิงจวั่นจู้ในวันนี้ สามารถทำให้จอมยุทธ์ทางฝั่งหวาเซี่ยเสียหน้าไปได้ เขาไม่เพียงทำให้จอมยุทธ์ทางหวาเซี่ยพ่ายแพ้อย่างราบคาบอย่างเดียว แถมยังทำให้พวกนั้นอับอายไปด้วย
“ท่านอาจารย์ชมเกินไป สามารถทำให้อาจารย์พอใจ ถือว่าเป็นความโชคดีแก่จวั่นจู้แล้ว” แววตาจายเถิงจวั่นจู้เปล่งประกายอย่างตื้นตัน ชายชราที่อยู่ตรงหน้าชื่อว่ากงปุ่นป้านฉาง เขาดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าองการเทียนซาเขตการปกครองของญี่ปุ่น ห้าปีก่อน พลังวรยุทธ์ของกงปุ่นป้านฉางก็ไปถึงขั้นสุดนินจาแล้ว
ในระยะหลายปีนี้ในประเทศญี่ปุ่น เขาหวังเป็นอย่างมากที่จะฝึกวรยุทธ์ให้อยู่ในขั้นนินจาเทพของนินจาชั้นสูง!
“วันพรุ่งนี้คู่ต่อสู้ของเจ้าคือจางเทียนเซอ คนคนนี้อาจารย์ตรวจสอบมาแล้วเขาเป็นลูกศิษย์ในสำนักที่เก่าแก่มาคือสำหนักเขาหลงหู่ ความสามารถของเขาเก่งฉกาจกว่าสองคนในวันนี้อยู่มาก เจ้าอย่าได้ดูถูกคนคนนี้เป็นอันขาด” กงปุ่นป้านฉางพูดกำชับเสียงเข้ม วันนี้จายเถิงจวั่นจู้ชนะอย่างขาดลอยทั้งสองการต่อสู้ ความรู้สึกทางจิตใจย่อมโลดโผนเป็นธรรมดา ถ้าพรุ่งนี้เขาต่อสู้กับจางเทียนเซอ แล้วยังดูถูกจางเทียนเซออีก เช่นนั้นเขาก็คงต้องประสบชะตากรรมพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าแน่
“อาจารย์โปรดวางใจ ศิษย์จะไม่ดูถูกคนคนนั้นเป็นอันขาด ศิษย์จะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี” จายเถิงจวั่นจู้รีบรับปากในทันที ชื่อของเขาหลงหู่ เขาก็ได้ยินมาตั้งแต่แรก ที่นั่นเป็นสำนักด้านศิลปะการต่อสู้ที่มีประวัติสืบทอดมายาวนานเป็นพันๆ ปีในหลายสำนักของหวาเซี่ย ถ้าเขายังทำตัวหยิ่งผยองสักเพียงใด ก็ไม่กล้าที่จะดูถูกผู้สืบทอดของเขาหลงหู่
“ใช่สิท่านอาจารย์ ก่อนหน้าที่ศิษย์จะฆ่าคนหวาเซี่ยในตอนนั้น มีคนขัดขวางศิษย์เอาไว้ คนที่เป็นคนเข้ามาขัดขวางศิษย์เป็นเจ้าหน้าที่ของหวาเซี่ยใช่หรือไม่…” จายเถิงจวั่นจู้เอ่ยปากถามเรื่องที่ตนเองสงสัย ทุกคนที่อยู่ด้วยกันในเวลานี้ มีเพียงกงปุ่นป้านฉางเท่านั้นที่วรยุทธ์สูงที่สุด ดังนั้น ถ้ามีคนทำเล่นตุกติก ก็มีแต่กงปุ่นป้านฉางเท่านั้นที่สามารถมองออก
“ไม่ใช่พวกเขา” สีหน้าของกงปุ่นป้านฉางเคร่งขรึมลงพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา พลางกล่าวว่า “คนที่เป็นคนขัดขวางเจ้าไว้ เป็นคนอื่น”
“คนอื่นหรือ?” จายเถิงจวั่นจู้ตะลึงไปชั่วครู่ ไม่ใช่ท่านอาวุโสก่วน เช่นนั้นเป็นใครกัน
“ไม่ผิดหรอก” กงปุ่นป้านฉางพยักหน้าให้ จากนั้นก็เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม “คนหวาเซี่ยช่างเลวทรามต่ำช้ามาก พวกเขาอาจจะให้จอมยุทธ์หั้วจิ้งแอบซ่อนตัวอยู่ในเหล่าจอมยุทธ์ธรรมดาหนึ่งในห้าคนนั้นก็ได้”
จายเถิงจวั่นจู้ใจเต้น “ท่านอาจารย์ ความหมายของท่านคือ คนหวาเซี่ยเดาทางพวกเราออกว่าพวกเราจะลงมือกับผู้เข้าแข่งขันของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเลยให้จอมยุทธ์หั้วจิ้งแอบซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มจอมยุทธรรมดาทั้งห้าคน ตอนที่พวกเรากำลังลงมือจะฆ่าพวกเขา ก็จะได้คอยช่วยชีวิตผู้เข้าแข่งขันได้?”
“มีความเป็นไปได้สูง” กงปุ่นป้านฉางกล่าว สิ่งที่จายเถิงจวั่นจู้พูดมาทั้งหมด ช่างเหมือนกับการคาดเดาของเขาไม่ผิดเพี้ยนไปเลย ในเวลานั้นเขามั่นใจได้ว่า คนที่ลงมือมาช่วยไม่ใช่พวกของก่วนหนานเทียน เพราะว่าร่างกายของพวกก่วนหนานเทียนไม่ได้ใช้พลังภายในเลยสักนิด
ไม่ใช่พวกก่วนหนานเทียน เช่นนั้นย่อมหมายความว่าเป็นจอมยุทธ์ธรรมดาที่อยู่ใกล้กับเวทีเป็นคนลงมือแล้ว
“งั้นพรุ่งนี้ตอนที่ศิษย์ขึ้นเวทีกับจางเทียนเซอ…” จายเถิงจวั่นจู้เกิดความกังวลใจเล็กน้อย ถ้าพรุ่งนี้เขาเกิดพลาดพลั้งกับจางเทียนเซอในเวลานั้น จอมยุทธ์หั้วจิ้งคนนั้นใช้พลังภายในให้เขาอีก เขาเกรงว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพ่ายแพ้ให้จางเทียนเซอ เพราะการแข่งขันกับผู้มากด้วยฝีมือ ผลกระทบเพียงน้อยนิดก็สามารถทำให้ชนะได้
“เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะให้เปียนตู้คอยจับตามองพวกเขาเอาไว้ ถ้าจอมยุทธ์หั้วจิ้งของพวกเขากล้าลงมืออีกครั้ง งั้นข้าก็จะเอาเรื่องนี้แจ้งไปที่สหพันธ์วูซูนานาชาติ ให้ทางสหพันธ์วูซูนานาชาติช่วยจัดการตัดสินให้พวกเรา” กงปุ่นป้านฉางกล่าวด้วยถ้อยคำเคร่งขรึม ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเดิมพันประลองฝีมือในครั้งนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ของหวาเซี่ยและญี่ปุ่นทั้งสองประเทศ แต่ว่าสหพันธ์วูซูนานาชาติ ก็คอยจับตามองการแข่งขันเดิมพันในครั้งนี้เช่นเดียวกัน
ถ้าจอมยุทธ์หวาเซี่ยมีการแอบทำผิดกฎ เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถแจ้งรายละเอียดไปที่สหพันธ์วูซูนานาชาติ จนให้การเดิมพันประลองฝีมือในครั้งนี้ของทางสมาคมการค้าจงไห่ถูกตัดสินว่าพ่ายแพ้
สหพันธ์วูซูนานาชาติ เป็นสมาคมศิลปะป้องกันตัวที่มีโครงสร้างสูงที่สุดของโลกใบนี้ คำสั่งของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นสหพันธ์บูโดแห่งหวาเซี่ย ย่อมต้องปฏิบัติตาม
หลังจากที่ได้รับคำยืนยันจากกงปุ่นป้านฉางแล้ว จายเถิงจวั่นจู้ถึงได้ถอนหายใจผ่อนคลายลง
ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็มาถึงวันที่สอง
เมื่อเทียบกับเมื่อวาน สภาพความรู้สึกของทุกคนในสมาคมการค้าจงไห่ในวันนี้เคร่งขรึมลงไปไม่น้อย
ขนาดคนที่มีชีวิตชีวาอย่างหวู่เหวินเชี่ยน วันนี้ก็พูดน้อยลงไปเยอะ
ท่ามกลางทุกคน มีเพียงหวังเฉียนเท่านั้น ที่สีหน้ายังไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
การเดิมพันประลองฝีมือจะเริ่มขึ้นในเวลาเก้าโมง ทว่ากลุ่มของเฉินเฟิง แปดโมงกว่าก็มาถึงขอบเวทีแล้ว
เฉินเฟิงและพวกมาถึงบริเวณรอบๆ ขอบเวทีนั้น ในหอประชุมที่ห่างจากขอบเวทีไปร้อยเมตรนั้นก็มีเหล่าจอมยุทธ์มานั่งอยู่เต็มไปตั้งแต่แรกแล้ว
เพิ้งเย้นฟางกับหลี่สื้อผิงก็นั่งอยู่ในแถวด้วย ตำแหน่งของทั้งสองคนค่อนข้างอยู่ด้านหลัง อีกอย่างยังอยู่มุมห้องต้องแถวหลัง เป็นตำแหน่งที่คนไม่สามารถเห็นตำแหน่งตรงนั้นได้
เห็นได้ชัดว่าเผิงจื๋อหลินเป็นคนเข้ามาจัดการเรื่องนี้
“สื้อผิง ระยะนี้ป้าว่าป้าตาฝาดไปไหม? ทำไมเวลามองใครก็เหมือนไอ้ไร้ค่าคนนั้นไม่ซะหมด?” เวลานั้น เพิ้งเย้นฟางขยี้ตาไปด้วย เพราะมองไปที่ด้านล่างเวทีแต่ก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ เธอรู้สึกว่าตนเองเหมือนเห็นด้านหลังของเฉินเฟิง
“ป้า ป้าต้องตาฝาดแน่ สถานที่แห่งนี้มีแต่จอมยุทธ์ถึงเข้ามาได้ ไอ้ไร้ประโยชน์นั้นมันไม่สามารถมาปรากฏตัวที่นี่ได้” หลี่สื้อผิงเอ่ยอย่างมั่นใจ ถ้าเฉินเฟิงมาปรากฏกายบนเกาะมุ๋ยลายในที่แห่งใดก็ตามเขาก็ไม่ได้ดูถูก แต่ที่นี่ ตีเขาให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อ
“ก็ใช่” เพิ้งเย้นฟางบ่นงึมงำ เลยคิดว่าตนเองต้องมองผิดคนไปแน่ๆ
เวลานั้นเอง หวางหงอี้กับหวางซือหยวนพ่อลูกก็เดินเข้ามา
สีหน้าของหวางซือหยวนก็ยังคงดูไม่ได้เช่นเดิม หลายวันมานี้เธอนอนไม่หลับทุกวัน ทุกครั้งที่ตนเองหลับตาลงก็จะเห็นภาพที่เฉินเฟิงมาทับอยู่บนตัวเธอ เธอก็รู้สึกขยะแขยงจนนอนไม่หลับทุกที