ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 531
บทที่ 531 วางยา
“ศิษย์พี่หยางอย่าโทษตัวเองเลย พี่ทำดีที่สุดแล้ว” หวู่เหวินเชี่ยนเอ่ยปลอบใจ
ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเฉินเฟิงก็มีเสียงดังขึ้น
คนที่โทรมาคือหวางหงอี้
“เสี่ยวเฟิง พรุ่งนี้ฉันจะออกจากเกาะมุ๋ยลายแล้ว คืนนี้แกมีเวลาว่างไหม? ถ้าว่างมากินข้าวด้วยกันหน่อย”
“ผมว่างครับ ตอนนี้อาหวางอยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่ที่ตงลูตัน ซือหยวนและสื้อผิงก็อยู่ด้วย”
“ครับ เดี๋ยวผมไปหา”
หลังจากวางสายเฉินเฟิงก็เหลือบตามองคนอื่นแวบหนึ่งก่อนเอ่ย “ผมมีธุระนิดหน่อยขอตัวก่อนนะครับ”
“ไปไหน?” หูฉี่ซิงขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“ตงลูตัน”
“ไปทำอะไรที่ตงลูตัน? พรุ่งนี้นายยังต้องเข้าร่วมการต่อสู้นะ ตอนนี้นายควรพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้เผื่อพรุ่งนี้นายจะได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย……”
น้ำเสียงของหูฉี่ซิงแฝงไปด้วยการตำหนิทว่าเขายังพูดไม่จบก็ถูกเฉินเฟิงเอ่ยตัดบทขึ้นก่อน “หูฉี่ซิง ผมจะไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณนะ”
“เฉินเฟิง นายหมายความว่ายังไง?อะไรคือไม่เกี่ยวกับฉัน?” สีหน้าของหูฉี่ซิงไม่น่าดูนัก “ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับนาย นายไม่เข้าใจหรือ? นายเป็นจอมยุทธ์ฝึกเองความสามารถเลยด้อยกว่าพวกเรา ตอนนี้สิ่งที่นายควรทำคือการฝึกวิชาไม่ใช่ออกไปเที่ยวข้างนอก นายให้ความสำคัญกับการต่อสู้ในครั้งนี้บ้างหรือเปล่า?”
หูฉี่ซิงตั้งคำถามราวกับตัวเองอยู่บนจุดสูงสุดของคุณธรรม
เฉินเฟิงหัวเราะเสียงเย็น “หูฉี่ซิง เรื่องของผมคุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณจัดการเรื่องของตัวเองก็พอ!”
เอ่ยจบเฉินเฟิงก็เดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง
หูฉี่ซิงที่อยู่เบื้องหลังกลับมีสีหน้าเขียวคล้ำ
“ไอ้ขยะนี่ไม่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้เลยสักนิด!”
“ศิษย์น้องเฉินคงไม่เห็นแววที่จะชนะเลยปล่อยเลยตามเลย” มีคนเอ่ยขึ้นมา ถึงแม้พวกเขาจะคิดว่าการที่เฉินเฟิงออกไปข้างนอกในตอนนี้นั้นไม่เหมาะสม ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงเท่ากับหูฉี่ซิง
เรื่องของหูฉี่ซิงเป็นเพียงฉากคั่นเล็กๆ
ขณะนี้เฉินเฟิงได้มาถึงตงลูตันแล้ว
หวางหงอี้และเพิ้งเย้นฟางยืนอยู่ด้วยกัน หวางซือหยวนและหลี่สื้อผิงอยู่อีกด้านหนึ่ง
เมื่อเห็นเฉินเฟิงมีเพียงหวางหงอี้คนเดียวเท่านั้นที่เผยรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้ามา “เสี่ยวเฟิง ในที่สุดก็มาถึงเสียที”
“อาหวาง” เฉินเฟิงยิ้มตอบก่อนจะหันไปมองเพิ้งเย้นฟางแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเพิ้งเย้นฟางมีสีหน้าไร้อารมณ์เฉินเฟิงก็หมดความรู้สึกที่จะทักทาย เมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจเขาก็ไม่คิดที่จะใส่ใจ
“เสี่ยวเฟิง เราไปกันเถอะ ฉันสั่งอาหารไว้หมดแล้ว” หวางหงอี้เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ครับ”
เฉินเฟิงพยักหน้ารับก่อนที่ทุกคนจะพากันเดินเข้าไปในร้านอาหาร
เนื่องจากหวางหงอี้สั่งอาหารไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อทุกคนเข้ามาในห้องอาหารได้ไม่นานก็มีพนักงานสวมชุดเซ็กซี่เริ่มเสิร์ฟอาหาร
กุ้งเครย์ฟิช หอยเป๋าหื้อ……อาหารทะเลชนิดต่างๆ
หน้าตาน่าทานและส่งกลิ่นหอม
ในระหว่างการเสิร์ฟอาหาร หวางซือหยวนเอาแต่มองโต๊ะอาหารอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา
หลี่สื้อผิงกลับมองเฉินเฟิงเป็นระยะๆลุกลี้ลุกลนนั่งไม่สุขราวกับมีเข็มทิ่มตูด
“เสี่ยวเฟิง กินกันเถอะ” ขณะนั้นเองหวางหงอี้ก็ถือตะเกียบขึ้นมา
เฉินเฟิงพยักหน้ารับและเริ่มกินโดยไม่ได้สนใจท่าทางแปลกๆของหวางซือหยวนและหลี่สื้อผิง
วันนี้ยุ่งมาทั้งวันเขาเองก็เริ่มหิวแล้ว
“เสี่ยวเฟิง แกวางแผนจะกลับไปตอนไหน?” ในขณะที่กำลังทานอาหารฉับพลันหวางหงอี้ก็เอ่ยถามขึ้นมา
เฉินเฟิงวางตะเกียบลงก่อนเอ่ย “หากไม่มีอะไรผิดพลาดจะกลับวันมะรืนครับ”
“วันมะรืนหรือ?”
“ถ้าเป็นวันมะรืนเกรงว่าพวกเราคงไม่ได้กลับด้วยกันแล้วล่ะ ฉันและคนอื่นๆจองตั๋วเรือของพรุ่งนี้เอาไว้” หวางหงอี้เอ่ยอย่างเสียดาย
เฉินเฟิงหัวเราะน้อยๆ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดหลี่สื้อผิงที่อยู่ด้านข้างกลับยกแก้วเหล้าขึ้นมาพลางมองหน้าเฉินเฟิงก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เฉินเฟิง ฉันคารวะนายหนึ่งแก้ว”
เฉินเฟิงแปลกใจเล็กน้อยทว่าก็ยังยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับหลี่สื้อผิง
หลังจากชนแก้วหลี่สื้อผิงก็ยกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
ตึง!
วางแก้วเหล้าลง หลี่สื้อผิงเริ่มมีอาการหน้าแดงเขามองหน้าเฉินเฟิงพลางเอ่ย “เฉินเฟิง เมื่อก่อนฉันไม่รู้ความทำให้ระหว่างเราเกิดความผิดใจกัน”
“หวังว่านายจะเห็นแก่เหล้าแก้วนี้แล้วให้โอกาสฉันแก้ตัวใหม่เพื่อจบสิ้นความบาดหมางในอดีต”
นี่หลี่สื้อผิงกำลังยอมรับผิดกับเขาหรือ?
เฉินเฟิงมีสีหน้าแปลกใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่สื้อผิงจะมาไม้นี้
เฉินเฟิงส่ายหน้าก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมา “เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว”
เป็นการบอกเป็นนัยว่าบอกลาเรื่องในอดีตเสีย
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงยกดื่มหมดแก้ว สีหน้าของหลี่สื้อผิงก็มีความซับซ้อนเล็กน้อย “ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร”
เฉินเฟิงส่ายหน้า ความจริงแล้วระหว่างเขาและหลี่สื้อผิงไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใหญ่โตอะไรมากมาย วันนี้ได้มาเคลียร์เรื่องบาดหมางด้วยการยกแก้วคารวะก็ถือเป็นเรื่องดี
หลังจากได้รับการให้อภัยจากเฉินเฟิง หลี่สื้อผิงก็ดูสบายใจมากขึ้นไม่ได้ลุกลี้ลุกลนเมื่อก่อนหน้านี้
เขายกแก้วคารวะต่อเฉินเฟิงและหวางหงอี้ไม่หยุด
ภาพนี้ก็ตกอยู่ในสายตาของเพิ้งเย้นฟางทำให้เธอทานข้าวไม่ลง
เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่เธอเคยยกตำแหน่งลูกเขยคนสำคัญให้ ในวันนี้กลับดูด้อยค่าต่อหน้าคนบ้านนอกที่เธอดูถูก
เพิ้งเย้นฟางถอนหายใจและเตรียมเทเหล้าให้กับตัวเอง ทว่ามือเพิ่งจับแก้วเหล้าเธอกลับเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นมา
เพิ้งเย้นฟางสะบัดศีรษะไปมาพลางเอ่ย “หงอี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า……เวียนหัว?”
“เวียนหัวหรือ?”
หวางหงอี้มองเพิ้งเย้นฟางด้วยความแปลกใจ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก หลี่สื้อผิงที่อยู่ด้านข้างก็หน้าคว่ำลงกับโต๊ะไปแล้ว
ตามมาติดๆด้วยหวางซือหยวนและเพิ้งเย้นฟางที่ตาเหลือกแล้วหมดสติอยู่ข้างโต๊ะ
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้หวางหงอี้ก็ตกตะลึง “เย้นฟาง ซือหยวน พวกเธอเป็นอะไร?!”
“เกรงว่าคงมีคนวางยาในอาหาร” สีหน้าของเฉินเฟิงไม่ดีนัก ขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการเวียนศีรษะด้วยเช่นกัน
ทว่าเขาคือจอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งจึงไม่ได้หมดสติในทันที
“วางยางั้นหรือ?!” หวางหงอี้หน้าซีดเผือด “ใครเป็นคนทำ?ทำไมต้องวางยาด้วย?”
ปัง!
หวางหงอี้เพิ่งพูดจบ ประตูก็ถูกถีบออก
ฉับพลันก็มีคนชุดดำสวมหน้ากากผีจำนวนหกคนเดินอาดๆเข้ามา
เมื่อทั้งหกคนเดินเข้ามาสายตาก็จับจ้องอยู่ที่เฉินเฟิง
เฉินเฟิงสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เวลานี้เขาคงไม่ถามคำถามโง่ๆอย่างใครเป็นคนส่งพวกแกมา
เขารู้ว่าคนพวกนี้มาเพื่อฆ่าเขา
เพราะว่ามีกลิ่นอายแห่งการฆ่าแผ่ออกมาจากตัวของพวกมันอย่างชัดเจน
“ฉึบ”
เฉินเฟิงเพิ่งคิดได้คนชุดดำทั้งหกคนก็เริ่มลงมือ
ชั่วพริบตา อาวุธหลากหลายแบบก็ล้อมเฉินเฟิงเอาไว้จนทำให้เฉินเฟิงไร้ทางออก
“ระวัง!”
เสียงเตือนของหวางหงอี้ดังมาจากทางด้านหลัง
เฉินเฟิงสบถครั้งหนึ่งก่อนจะยกโต๊ะขึ้นมาด้วยมือเดียวแล้วโยนไปทางคนชุดดำทั้งหกคนอย่างแรง
“โครม!”
หัวหน้าคนชุดดำใช้ดาบฟันโต๊ะจนแยกส่วนในครั้งเดียว