ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 535
บทที่ 535 ให้ความสำคัญ
เมื่อก่อนโลกภายนอกมีเศรษฐีมาขอซื้อยาถอนพิษจากก่วนหนานเทียนในราคาพันล้านทว่าก่วนหนานเทียนปฏิเสธ แต่วันนี้ก่วนหนานเทียนกลับมอบยาถอนพิษนี้ให้กับเฉินเฟิง
“ขอบคุณครับท่านผู้อาวุโสก่วน”
เฉินเฟิงไม่ได้ลังเลอะไรมาก หลังจากกล่าวขอบคุณแล้วเขาก็หยิบยาถอนพิษมาจากก่วนหนานเทียนเลย
เขาไม่คิดว่าก่วนหนานเทียนจะปองร้ายเขาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ อีกอย่างชื่อเสียงของยาถอนพิษนี้เขาก็เคยได้ยินมาบ้าง
นี่เป็นยาถอนพิษพิเศษของภายในสหพันธ์บูโด สรรพคุณของมันวิเศษมากสามารถถอนพิษได้เกือบทุกชนิดในใต้หล้านี้
ในช่วงเวลาสำคัญ ยาถอนพิษนี้เทียบได้กับชีวิตหนึ่งชีวิต
ยาชนิดนี้แม้แต่ภายในสหพันธ์บูโดเองก็มีเพียงคนระดับประมุขเท่านั้นที่มีสิทธิ์ครอบครอง
หลังจากรับยาถอนพิษมาแล้วเฉินเฟิงก็กลืนมันลงไปทันที
ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็รู้สึกได้ถึงพลังความเย็นระลอกหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็คือรอยแผลที่ถูกหวางหงอี้แทงเกิดความรู้สึกชาหนึบ
ยาถอนพิษนี้ไม่เพียงแต่มีสรรพคุณแก้พิษเท่านั้นแต่ยังมีสรรพคุณสมานแผลอีกด้วย
“การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ คุณยังขึ้นเวทีได้ไหม?” ฉับพลันก่วนหนานเทียนก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ได้ครับ” เฉินเฟิงพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ก่อนที่จะกลืนยาถอนพิษนี้เขาอาจจะไม่กล้าพูดแบบนี้ เพราะว่าเขาเจ็บหนักพอสมควร
ทว่าหลังจากกลืนยาถอนพิษลงไปเขากลับมั่นใจเต็มร้อย
ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้สภาพเขาอาจจะไม่เต็มร้อยแต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถจัดการคนที่เหลือของสมาคมการค้าเชียสุ่ยได้
“อย่างนั้นก็ดี” ก่วนหนานเทียนพยักหน้ารับก่อนเอ่ย “ผมรอดูฝีมือคุณในวันพรุ่งนี้ อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ”
เอ่ยจบก่วนหนานเทียนก็เดินเอามือไขว้หลังจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
คนของทางสหพันธ์บูโดหลายคนมองเฉินเฟิงอย่างอิจฉา โดยปกติแล้วก่วนหนานเทียนมักจะเคร่งครัดตรงไปตรงมากับทุกคน ทว่าวันนี้ก่วนหนานเทียนกลับให้ความสำคัญต่อเฉินเฟิงอย่างเห็นได้ชัด ให้ยาถอนพิษราคาไม่ธรรมดาไม่พอแถมยังพูดต่อหน้าทุกคนว่ารอดูฝีมือของเฉินเฟิงในวันพรุ่งนี้อีก
“เสี่ยงเฟิง นายเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากก่วนหนานเทียนจากไปฉู่ยี่เฟยจึงอดถามไม่ได้ เฉินเฟิงเป็นความหวังเดียวของทางสมาคมการค้าจงไห่ หากตอนนี้เขาเป็นอะไรขึ้นมาการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ทางสมาคมการค้าจงไห่คงต้องประกาศยอมแพ้แล้ว
“พี่ฉู่ไม่ต้องห่วง ผมดีขึ้นมากแล้ว” เฉินเฟิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ท่าทีของก่วนหนานเทียนนั้นเหนือความคาดหมายของเขาพอสมควร ถึงแม้ก่วนหนานเทียนจะบอกว่าการที่เขาถูกลอบฆ่าในครั้งนี้เป็นเพราะอีกฝ่ายดูแลไม่ดี ทว่าเฉินเฟิงรู้ดีแก่ใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวเขาไม่น้อย
ในฐานะผู้เข้าร่วมการต่อสู้ ความจริงแล้วในช่วงเวลาแบบนี้เขาไม่ควรจะออกจากเขตวิลล่ามาทานข้าวด้านนอกแบบนี้
หากอยู่ภายในเขตวิลล่าคนของสมาคมการค้าเชียสุ่ยไม่มีโอกาสได้ลงมือแน่นอน
“กลับกันเถอะ พอพวกเขาได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับนายก็ร้อนรนกันมาก แต่ว่าฉันไม่ได้พาพวกเขามาด้วย” ฉู่ยี่เฟยเอ่ยเสียงเรียบ เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล ตอนที่เขาออกมาเขาจึงพามาแค่บอดี้การ์ดตระกูลฉู่ไม่กี่คนเท่านั้น หวู่เหวินเชี่ยนฉู่ชีงฉือรวมถึงหูฉี่ซิงและคนอื่นๆก็จะตามมาด้วยแต่ถูกเขาห้ามไว้
หากคนพวกนั้นมาเห็นภาพที่เฉินเฟิงถูกลอบฆ่า ยากที่จะรับประกันว่าพวกเขาจะไม่หวั่นใจ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเฉินเฟิงก็กลับมาถึงเขตวิลล่าอีกครั้ง
ซึ่งสภาพไม่ได้ดูสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนไป เฉินเฟิงตอนกลับมาอยู่ในสภาพเลือดเต็มตัวดูน่าอนาถพอสมควร
“พี่เฉิน ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉู่ชีงฉือเดินเข้ามาถามไถ่อย่างเป็นห่วง
หวู่เหวินเชี่ยนก็มาด้วยกันทว่าเธอไม่พูดไม่จา
“ฉันไม่เป็นไร” เฉินเฟิงส่ายหน้าปฏิเสธพลางกวาดสายตามองคนที่มารอแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยที่รบกวนเวลาพักผ่อนของทุกคน”
“เหอะ ขอโทษอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้มาพูดแบบนี้มีประโยชน์อะไร?!”
หูฉี่ซิงมองเฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชาพลางเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าไป ให้ฝึกวิชาอยู่ในวิลล่า?”
เฉินเฟิงขมวดคิ้วมุ่นทว่าไม่ได้ตอบโต้ ก่อนหน้านี้หูฉี่ซิงพูดแบบนั้นจริงๆทว่าตอนนั้นเขาไม่คิดว่าหวางหงอี้จะทำร้ายเขา แต่เพื่อความปลอดภัยก่อนทานข้าวเขาเลยส่งข้อความไปหาเจ้าสามหวงให้รีบตามไป
“หูฉี่ซิง คุณมาพูดประชดตอนนี้มันเกิดประโยชน์ไหม? คุณทำไมไม่เป็นห่วงว่าพี่เฉินถูกใครลอบฆ่า?” ฉู่ชีงฉือเอ่ยเสียงเย็น
“เป็นห่วงมันหรือ?” หูฉี่ซิงหัวเราะ
“เป็นห่วงมันทำไม?มันไม่เชื่อที่ผมพูด ตายก็สมควรแล้ว!”
“จะเกินไปแล้วนะ! ทำไมคุณถึง……” ฉู่ชีงฉือโกรธมาก ถึงยังไงทุกคนก็เป็นทีมเดียวกันทว่าหูฉี่ซิงกลับพูดว่าเฉินเฟิงสมควรตาย
“เอาล่ะ พอได้แล้ว เรื่องนี้ผมผิดเอง ผมไม่ควรทะเล่อทะล่าออกไป” ขณะนั้นเองเฉินเฟิงก็เอ่ยตัดบทฉู่ชีงฉือเสียงเรียบ หูฉี่ซิงไม่ชอบเขาอยากหาเรื่องเขา เขามองออกตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าเขาขี้เกียจถือสาคนอย่างหูฉี่ซิง
“ศิษย์น้องเฉิน คนที่ลอบฆ่าคุณ จับตัวได้หมดแล้วใช่ไหม?” ขณะนั้นเองคนที่เงียบมาตลอดอย่างจางเทียนเซอก็เอ่ยปากขึ้น สีหน้าของเขาดูซีดเซียว ตั้งแต่เจ็บหนักจากจายเถิงจวั่นจู้หลายวันมานี้สภาพของเขาก็ยังไม่เหมือนเดิม
“จับได้หมดแล้ว”
“ใครส่งพวกมันมา?”
“ไม่รู้ครับ ยังไม่ทันได้ถามก็ตายไปซะก่อน”
“พวกมันล้วนเป็นจอมยุทธ์หรือ?” จางเทียนเซอเอ่ยถาม สามารถทำให้เฉินเฟิงอยู่ในสภาพอนาถขนาดนี้ได้คงไม่มีทางเป็นคนธรรมดา
“เป็นจอมยุทธ์ครับ”
“จอมยุทธ์ในขั้นไหน ทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยส่งพวกมันมาใช่ไหม?” จางเทียนเซอถามอย่างละเอียด
“คงจะอยู่ในขั้นหมิงจิ้งชั้นกลาง ส่วนที่ว่าใช่ทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยส่งมาหรือไม่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เฉินเฟิงมองหน้าจางเทียนเซอพลางเอ่ยตอบอย่างเรียบง่าย ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดความจริงได้ ใครจะไปรู้ว่าในนี้จะมีสายของทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยหรือเปล่า
“หมิงจิ้งชั้นกลางหรือ? แค่หมิงจิ้งชั้นกลางก็ทำให้นายอยู่ในสภาพนี้แล้ว?” หูฉี่ซิงมองเฉินเฟิงอย่างดูถูก
ในโลกของจอมยุทธ์ หมิงจิ้งและอ้านจิ้งมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
โดยทั่วไป จอมยุทธ์อ้านจิ้งชั้นต้นหนึ่งคนสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์หมิงจิ้งชั้นสุดได้อย่างน้อยห้าคน ทว่าเฉินเฟิงที่อยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นแต่เกือบถูกฆ่าโดยหมิงจิ้งชั้นกลางไม่กี่คน
เมื่อเจอการดูถูกจากหูฉี่ซิง เฉินเฟิงก็ได้แต่เอือมระอาอยู่ในใจโดยไม่ได้พูดออกมา
เพราะว่าถึงแม้เขาจะพูดความจริงที่ว่าเขาจัดการจอมยุทธ์อ้านจิ้งชั้นกลางไปหกคน หูฉี่ซิงก็คงไม่เชื่อและอาจจะคิดว่าเขาคุยโว
“คงจะไม่ใช่ทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยหรอก คนของทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยคงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้” จางเทียนเซอเอ่ยอย่างครุ่นคิด จากที่เขาคิดเฉินเฟิงไม่มีค่ามากพอให้ทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยต้องลงทุนทำถึงขนาดนี้ หากเฉินเฟิงเป็นอย่างหวังเฉียนที่มีอิทธิพลมากพอต่อผลแพ้ชนะในการต่อสู้ ไม่แน่ทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยอาจจะมีความคิดที่จะกำจัดเฉินเฟิง ทว่าในฐานะจอมยุทธ์ฝึกเองขั้นอ้านจิ้งชั้นกลางอย่างเฉินเฟิงไม่มีค่ามากพอให้สมาคมการค้าเชียสุ่ยต้องเสี่ยงเลยสักนิด
“ศิษย์พี่จางพูดถูก”
เฉินเฟิงยิ้มจางๆ ฉับพลันเขาก็เริ่มอยากให้ถึงการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้แล้ว ไม่รู้ว่าหากจางเทียนเซอและพวกพ้องเห็นฝีมือเขาบนเวทีในวันพรุ่งนี้แล้วจะมีสีหน้ายังไงกันบ้าง?