ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 542
บทที่ 542 สองหมื่นล้านหยวน
“แต่ว่า พวกเขาไม่มาด้วยตนเอง ทว่าพวกเขาสามารถส่งลูกศิษย์ของพวกเขามาได้ นายต้องป้องกันตัวเอาไว้” หวังเฉียนพูดเตือน
เฉินเฟิงพยักหน้า ข้อนี้เขาเองก็คิดเหมือนกัน
ถึงแม้เป็นไปไม่ได้ที่สองคนนี้จะมาหาเรื่องเขาถึงหวาเซี่ย แต่การส่งลูกศิษย์ประจำสำนักมานั้นไม่ใช่ปัญหา
แต่ลูกศิษย์ประจำสำนักที่ส่งมานั้นต้องคิดพิจารณาเสียหน่อย อันดับแรกไม่สามารถส่งคนที่ความสามารถต่ำมา ต่ำกว่าระดับหั้วจิ้งไม่ต้องคิดให้มากแล้ว มากี่คน เขาก็ฆ่ากี่คน
ระดับหั้วจิ้งขึ้นไป หั้วจิ้งชั้นต้นถือว่ายังมีความเสี่ยง มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นหัวจิ้งชั้นกลางและหัวจิ้งชั้นสุด
แต่จอมยุทธ์ระดับนี้ มีจำนวนน้อยมาก
แม้จะเป็นสำนักศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เสินอิ่น ก็หาจอมยุทธ์ระดับหัวจิ้งชั้นสุดได้แค่ไม่กี่คน
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องในอนาคต เขายังไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องพวกนี้ชั่วคราว
การประลองที่ดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งสองประเทศจบลงเหมือนอย่างในละคร
คืนวันนั้น เฉินเฟิงขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับไปหวาเซี่ยพร้อมกับก่วนหนานเทียน
หวางหงอี้ถูกกุมตัวส่งกลับไป สหพันธ์สงครามและสหพันธ์บูโดร่วมมือกันกลายเป็นกลุ่มตรวจสอบ ส่งคนมารับผิดชอบเรื่องของหวางหงอี้โดยเฉพาะ
หลังจากที่เพิ้งเย้นฟาง หวางซือหยวนและหลี่สื้อผิงทั้งสามคนตื่นขึ้นมานั้น ถูกสอบปากคำไปรอบหนึ่ง ผลสอบปากคำเป็นไปตามที่เฉินเฟิงคาดเอาไว้ ทั้งสามไม่รู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งสามไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าหวางหงอี้วางยาพิษในอาหาร แม้แต่เรื่องที่หวางหงอี้เป็นจอมยุทธ์ รวมถึงเรื่องที่มีตำแหน่งในสหพันธ์สงครามก็ไม่รู้แม้แต่น้อย
สุดท้าย กลุ่มตรวจสอบปล่อยทั้งสามคนออกมา
ทว่าเฉินเฟิงในเวลานี้ ได้กลับไปที่หวาเซี่ยแล้ว
เพิ่งลงจากเฮลิคอปเตอร์ เฉินเฟิงได้รับสายของฉู่ยี่เฟย
“เสี่ยวเฟิง ถึงหวาเซี่ยหรือยัง?” น้ำเสียงของฉู่ยี่เฟยดูมีความสุขมาก เห็นได้ชัดว่าหลังจากชนะการเดิมพัน อารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ถึงแล้วครับ พี่ใหญ่ฉู่” เฉินเฟิงพูดแล้วคลายยิ้ม ฉู่ยี่เฟยไม่ได้กลับมาพร้อมกับเขาและท่านผู้อาวุโสก่วน เวลานี้ฉู่ยี่เฟยและวังไห่หยางน่าจะไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปเอาของล้ำค่าและเงินค่าเดิมพันหนึ่งแสนล้านหยวนกับสมาคมการค้าเชียสุ่ยแล้ว
“ตลอดการเดินทางนี้ ไม่มีใครทำอะไรนายใช่ไหม?” ฉู่ยี่เฟยเอ่ยถาม ที่ให้เฉินเฟิงและท่านผู้อาวุโสก่วนกลับพร้อมกันนั้น เป็นเพราะมีใจคิดอยากจะปกป้องเฉินเฟิง เพราะถึงอย่างไรเมื่อวานเฉินเฟิงก็ได้แสดงความสามารถระดับหั้วจิ้งบนเวทีแล้ว
ความสามารถระดับนี้ ทำให้จอมยุทธ์ทั่วไปทั้งประเทศญี่ปุ่นรู้สึกหวาดกลัว
หั้วจิ้งในวัยยี่สิบห้าปี ไม่สามารถใช้ว่าอัจฉริยะมาบรรยายได้แล้ว ต้องใช้คำว่าปีศาจมาอธิบายจึงจะเหมาะสมกว่า
ถ้าเฉินเฟิงสามารถเป็นแบบนี้ต่อไปอย่างปลอดภัย เขาต้องไปมหาปรมาจารย์แห่งบูโดคนที่สิบของหวาเซี่ยอย่างแน่นอน!
หั้วจิ้ง ความเป็นจริงไม่ได้น่ากลัว
หวาเซี่ยมีจอมยุทธ์ระดับหัวจิ้งนับรอยคน
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หั้งจิ้งที่มีโอกาสบรรลุเป็นมหาปรมาจารย์แห่งบูโด!
วงการศิลปะการต่อสู้ของหวาเซี่ยและวงการศิลปะการต่อสู้ของประเทศญี่ปุ่นเหมือนน้ำกับไฟ วงการศิลปะการต่อสู้ของหวาเซี่ยมีมหาปรมาจารย์แห่งบูโดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน สำหรับวงการศิลปะการต่อสู้ของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นภัยพิบัติ
เซียวกั่วจงในตอนนั้นก็เป็นแบบนี้ หลังจากการต่อสู้ในยุคมืดแล้วนั้น เขาได้บรรลุกลายเป็นมหาปรมาจารย์แห่งบูโด หลังจากนั้น เขาก็ได้ฆ่าสำนักสูงสุงของวงการศิลปะการต่อสู้ในประเทศญี่ปุ่น——เสินอิ่น
หลังจากการต่อสู้ในครั้งนั้น เขาฆ่าเสินอิ่นจนต้องปิดประตู ทำให้วงการศิลปะการต่อสู้ของประเทศญี่ปุ่น ฆ่าจนแบ่งออกเป็นหลายระดับ
วันนี้ มีโอกาสที่หวาเซี่ยจะมีเซียวกั่วจงคนที่สอง
วงการศิลปะการต่อสู้ในประเทศญี่ปุ่นต้องไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่นอน ดังนั้น พวกเขามีโอกาสที่จะส่งจอมยุทธ์ฝีมือดีมาฆ่าเฉินเฟิง
ระหว่างอยู่ที่เกาะมุ๋ยลายขณะกลับหวาเซี่ย ถือเป็นโอกาสที่ดี
“ไม่มีครับ” เฉินเฟิงส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น:“มีท่านผู้อาวุโสก่วนอยู่ด้วย พวกเขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก นอกจากว่าพวกเขาจะส่งระดับมหาปรมาจารย์แห่งบูโดมา”
“มหาปรมาจารย์แห่งบูโด?” ฉู่ยี่เฟยคลายยิ้ม มหาปรมาจารย์แห่งบูโดไม่ใช่ผักกาดขาวเสียหน่อย ประเทศญี่ปุ่นจะส่งมาได้ยังไง
“จริงด้วย พี่ใหญ่ฉู่ ของเอาได้หรือยังครับ?”
เฉินเฟิงเอ่ยถาม การเดิมพันได้จบลงแล้ว ตามหลักการแล้ว ประเทศญี่ปุ่นควรจะเอาของล้ำค่าชิ้นนั้นคืนให้กับหวาเซี่ย แต่จากนิสัยไร้ยางอายของคนญี่ปุ่น เป็นเรื่องยากที่จะรับประกันว่าพวกเขาจะไม่เล่นลูกไม้
“เอาได้แล้ว ผ่านไปด้วยความราบรื่น ราบรื่นจนฉันรู้สึกแปลกใจ”
ฉู่ยี่เฟยยิ้มแล้วพูดขึ้น ตอนแรกเขาคิดว่า สมาคมการค้าเชียสุ่ยไม่มีให้ของชิ้นนั้นกับพวกเขาง่ายๆ ทว่าคิดไม่ถึง หลังจากที่เขากับวังไห่หยางไปถึงคฤหาสน์สมาคมการค้าเชียสุ่ย พนักงานไม่เพียงแต่ไม่ทำให้พวกเขาลำบากใจ แต่ยังนำของออกมาให้พวกเขาอีกด้วย
อีกทั้งยังส่งเครื่องบินทหารและคนที่เข้มแข็งส่งพวกเขาไปยังสนามบิน
“เอามาได้ก็ดีแล้ว” เฉินเฟิงพยักหน้า ไม่ได้คิดอะไรมาก
การที่สมาคมการค้าเชียสุ่ยส่งของมาให้ง่ายๆแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะว่า ก่อนทำการเดิมพัน พวกเขาและสมาคมการค้าจงไห่ได้ทำการเซ็นสัญญาต่อหน้าสหพันธ์วูซูนานาชาติ
สหพันธ์วูซูนานาชาติ เป็นถึงองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทุกประเทศ มีมหาปรมาจารย์นั่งประจำสหพันธ์วูซูนานาชาติ
ถ้าสมาคมการค้าเซียสุ่ยคิดจะเล่นลูกไม้ สหพันธ์วูซูนานาชาติไม่มีวันนิ่งดูดายแน่
“จริงด้วย เฉินเฟิง การที่พวกเราสามารถเอาชนะการเดิมพันต่อสู้ในครั้งนี้ได้นั้น เป็นความดีความชอบของนาย”
“ดังนั้น คนในสมาคมการค้าของเราได้ทำการปรึกษากันแล้ว ตัดสินใจว่าจะนำเงินหนึ่งแสนล้านหยวนนั้น ออกมาให้นายสองหมื่นล้านหยวน เพื่อเป็นค่าตอบแทน นอกจากเงินสองหมื่นล้านหยวนแล้ว ต้องการอะไรอีก นายสามารถบอกได้เลย ขอแค่สมาคมของพวกเราทำได้ พวกเราก็จะช่วยนายอย่างสุดความสามารถ” ฉู่ยี่เฟยพูด
การเดิมพันในครั้งนี้เอาชนะได้นั้น เป็นเพราะความดีความชอบของเฉินเฟิง
ดังนั้นการที่ได้เงินเดิมพันหนึ่งแสนล้านหยวน จึงมีส่วนของเฉินเฟิงอย่างสมเหตุสมผล ถึงขั้นที่ว่าจากที่เขาดูนั้น เงินสองหมื่นล้านหยวนยังน้อยไปเสียอีก
เฉินเฟิงหัวเราะอย่างจนปัญญา:“พี่ใหญ่ฉู่ ไม่ต้องให้ค่าเหนื่อยผมหรอก ที่ผมลงมือทำในครั้งนี้ เป็นเพราะเห็นแก่หน้าพี่และชีงฉือ อีกเรื่องหนึ่ง ผมเองก็เป็นคนหวาเซี่ย การเดิมพันในครั้งนี้มันเกี่ยวข้องกับหน้าตาของวงการศิลปะการต่อสู้ของหวาเซี่ย ต่อให้ไม่มีพวกพี่ ผมก็จะออกมาอยู่ดี”
คำพูดของเฉินเฟิงไม่ได้พูดด้วยความเกรงใจ แต่เป็นคำพูดจากใจจริงของเขา
ถึงแม้จะไม่มีฉู่ชีงฉือและฉู่ยี่เฟย การเดิมพันในครั้งนี้ เขาก็จะเข้าร่วมด้วย
เพราะเขาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของเซียวกั่วจง
“เสี่ยวเฟิง เงินสองหมื่นล้านหยวนนี้นายรับเอาไว้เถอะ น้ำใจก็ส่วนน้ำใจ ค่าตอบแทนก็คือค่าตอบแทน สองอย่างนี้ห้ามนำมาพูดรวมกัน ถ้าทุกคนไม่รับเงินสักบาทเหมือนนาย วันข้างหน้าถ้าเจอเรื่องอะไรขึ้นมาอีก สมาคมของพวกเราจะมีหน้าเอ่ยปากกับพวกนายได้ยังไง” ฉู่ยี่เฟยยิ้มแล้วพูด เขาฟังออกว่า เฉินเฟิงไม่อยากได้เงินสองหมื่นล้านหยวนนี้จริงๆ แต่เรื่องที่เฉินเฟิงไม่รับเงินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สมาคมการค้าจงไห่ไม่ให้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ เงินสองหมื่นล้านหยวนนี้ ผมรับเอาไว้” เฉินเฟิงคลายยิ้มเศร้า วันนี้ธุรกิจของเขาในเมืองชางโจวได้ถูกตระกูลเฉินควบคุมเอาไว้หมดแล้ว เงินสดในมือเขาที่สามารถใช้ได้ก็มีไม่มาก สองหมื่นล้านหยวน สามารถช่วยเขาในการคลี่คลายเรื่องด่วนได้
“จริงด้วย พี่ใหญ่ฉู่ ของนั้นเป็นอะไรกันแน่? สะดวกบอกไหมครับ?”
เหมือนว่าคิดอะไรขึ้นมา เฉินเฟิงถามขึ้นอย่างกะทันหัน
เขารู้ดี การเดิมพันของทั้งสองสมาคมใหญ่ในครั้งนี้ เงินสองแสนล้านหยวนเป็นแค่ตัวหลอกล่อเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ‘สมบัติล้ำค่า’สองชิ้นที่ควรจะรวมเป็นหนึ่ง
เฉินเฟิงแปลกใจมาก ว่ามันเป็น‘สมบัติล้ำค่า’อะไรกันแน่ ที่สำคัญยิ่งกว่าเงินสองแสนล้านหยวน