ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 552
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 552 หลินชิงตี้ยังมีชีวิตอยู่
“นายมั่นใจว่าเสี่ยวเฟิงเป็นคนทำเรื่องนี้?!” สือโพ่จุนโมโหเป็นอย่างมาก เขาคิดไม่ถึง ส้งลี่เฉิงจะพูดจาหาว่าเฉินเฟิงส่งคนไปประเทศญี่ปุ่นแบบนี้ออกมาได้
“เจ้าสำนักสือ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้ เพียงแต่ คุณไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดที่สามารถลบล้างความน่าสงสัยในตัวเฉินเฟิง……” ส้งลี่เฉิงกัดฟันพูดออกไป ถ้าเป็นไปได้ เขาเองก็ไม่อยากมีปัญหากับสือโพ่จุน เพราะถึงอย่างไรสือโพ่จุนก็เป็นตัวแทนของสหพันธ์สงคราม การมีปัญหากับสือโพ่จุน เท่ากับว่ามีปัญหากับสหพันธ์สงคราม
เพียงแต่ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่สามารถถอยหนีได้แล้ว เขาจำเป็นต้องยืนกรานในสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้
ในเวลานี้เอง ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก
หญิงสาวตัวสูงสวมชุดนักรบสีดำเดินเข้ามา
“เจ้าสำนักสือ ข้อมูลใหม่ล่าสุด……”
“พูด” สือโพ่จุนกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง
“เมื่อกี้ที่ผ่านมา เพื่อนร่วมงานต่างสำนักในสหพันธ์สงครามประเทศญี่ปุ่นส่งจดหมายลับมาค่ะ พวกเขาบอกว่าคลิปวิดีโอที่มีคุณหลินอยู่นั้นพิกัดอยู่ที่สำนักใหญ่ขวัญนินจาของประเทศญี่ปุ่นค่ะ” หญิงตัวสูงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“สำนักใหญ่ขวัญนินจา?!”
ม่านตาของสือโพ่จุนหดเล็กลง
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสบตากัน สำนักใหญ่ขวัญนินจาคือที่ไหน?
“ขวัญนินจา เป็นกองกำลังใต้ดินกองหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น” มองดูท่าทีที่ไม่เข้าใจของทุกคน หญิงตัวสูงจนพูดอธิบาย
“กองกำลังใต้ดิน?”
ทุกคนมองหน้ากัน ยังคงไม่เข้าใจ ทำไมจู่ๆถึงไปเกี่ยวข้องกับกองกำลังใต้ดินได้?
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ ทุกคนน่าจะทราบดี ในประเทศญี่ปุ่นกองกำลังใต้ดินเป็นสิ่งถูกกฎหมาย”
“กองกำลังใต้ดินของพวกเขา สามารถส่งผลต่อการเลือกพรรคการเมืองในประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ร่ำรวยในยุโรปและอเมริกาที่ส่งผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่น”
“ขวัญนินจาที่ลักพาตัวคุณหลินไป เป็นกองกำลังใต้ดินขนาดใหญ่กองหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น”
“อำนาจของกองกำลังนี้ในประเทศญี่ปุ่น แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ากลุ่มซานโข่ว”
หลังจากฟังคำอธิบายของหญิงสาว สีหน้าของทุกคนฉายความเข้าใจขึ้นมาทันที
ในขณะเดียวกัน ก็ตกใจกับความสามารถของขวัญนินจา เพราะมีอำนาจแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ากลุ่มซานโข่ว
กลุ่มซานโข่ว ถือเป็นมังกรของกองกำลังใต้ดินในประเทศญี่ปุ่น จากคำเล่าลือ แค่คนของกลุ่มซานโข่ว ก็มีมากกว่าหนึ่งแสนคนแล้ว
นอกจากจำนวนสมาชิกที่มีมาก กลุ่มซานโข่วและประเทศญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดด้านการเงิน
ทรัพย์สินของบริษัทมัตสึชิตะและมิตซุยนับล้านล้าน ทั้งหมดล้วนมีกลุ่มซานโข่วคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
แค่คิดก็รู้ ขวัญนินจาที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ากลุ่มซานโข่ว จะน่ากลัวแค่ไหน
คิดถึงตรงนี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองส้งลี่เฉิง
อย่างชัดเจน คนที่จับตัวหลินหวั่นชีวไปคือขวัญนินจา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเฉินเฟิง
อำนาจของเฉินเฟิงไม่มีทางยิ่งใหญ่ไปจนถึงระดับกองกำลังใต้ดินของประเทศญี่ปุ่น
“ตอนนี้ สามารถลบล้างความน่าสงสัยในตัวเสี่ยวเฟิงได้หรือยัง?” สือโพ่จุนมองไปทางส้งลี่เฉิงด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูด
ตอนที่สบตาเย็นชาของสือโพ่จุน ส้งลี่เฉิงรู้สึกว่าหน้าของตนเองปวดแสบปวดร้อนไปหมด
“ขอโทษครับ เจ้าสำนักสือ……”
“บอกขอโทษฉันทำไม บอกเสี่ยวเฟิง!” สือโพ่จุนพูดขัดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก
น้ำเสียงของส้งลี่เฉิงนิ่งลง มองไปทางเฉินเฟิงด้วยความอับอายขายหน้า แล้วพูด:“ขอโทษด้วย เฉินเฟิง ฉันเข้าใจนายผิด ฉันไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับวีรบุรุษอย่างนาย……”
“พี่สือ พูดเรื่องของขวัญนินจาให้ผมฟังเถอะครับ” เฉินเฟิงไม่ได้สนใจส้งลี่เฉิง สำหรับเขาแล้ว เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลินหวั่นชีวเป็นอย่างไง สำหรับคนต่ำต้อยอย่างส้งลี่เฉิง มีปากอยู่บนตัว เขาอยากพูดอะไรก็พูดไป
“ขวัญนินจามีอำนาจมากที่ประเทศญี่ปุ่น” สือโพ่จุนพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาองค์กรนี้รับเฉพาะคนที่มีความสามารถ คนของพวกเขาอาจจะมีไม่มากเท่ากลุ่มซานโข่ว แต่ความสามารถของคนของพวกเขากลับเหนือชั้นกว่ากลุ่มซานโข่ว”
“พวกเขาเกี่ยวข้องยังไงกับสมาคมการค้าเชียสุ่ย?” เฉินเฟิงเอ่ยถาม เขาไม่รู้สึกว่ากองกำลังใต้ดินอย่างขวัญนินจา จะสนใจจี๋เจ้าเจินเจี่ย เบื้องหลังของขวัญนินจา ต้องมีจอมยุทธ์ที่มีอำนาจคอยสนับสนุนอย่างแน่นอน
“ความสัมพันธ์ของพวกเขากับสมาคมการค้าเชียสุ่ยไม่ได้ชัดเจน อย่างมากก็แค่เกี่ยวข้องกันทางการค้าเท่านั้น” สือโพ่จุนพูดเสียงหนักแน่น
ไม่ได้มีความสัมพันธ์ชัดเจน?
เฉินเฟิงขมวดคิ้วเป็นปม ไม่ได้มีความสัมพันธ์ชัดเจน ถ้าอย่างนั้นก็ไม่สามารถมั่นใจว่าเป็นฝีมือของสมาคมการค้าเชียสุ่ย
“ถึงแม้ระหว่างพวกเขาจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ชัดเจน แต่ฉันเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าสมาคมการค้าเชียสุ่ยเป็นคนสั่งให้จับตัวหลั่นชีว” สือโพ่จุนพูด
“ทำไมครับ?”
“เพราะว่า พวกเขาไม่อยากให้สหพันธ์วูซูนานาชาติรู้จุดอ่อน”
“การเดิมพันในครั้งนี้ สหพันธ์วูซูนานาชาติจับตาดูตลอด ตามหลักการแล้ว พวกเราชนะการเดิมพันในครั้งนี้ จี๋เต้าเจินเจี่ยก็ต้องเป็นของพวกเรา”
“แต่สมาคมการค้าเชียสุ่ยไม่พอใจที่ต้องยกจี๋เต้าเจินเจี่ยให้กับพวกเรา”
“ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงอยากอาศัยขวัญนินจา ในการนำจี๋เต้าเจินเจี่ยกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น”
สือโพ่จุนวิเคราะห์อย่างใจเย็น
“พี่สือ ความหมายของพี่คือ สมาคมการค้าเชียสุ่ยไม่สามารถเข้ามายุ่งกับจี๋เจ้าเจินเจี่ยโดยตรง พวกเขาจำเป็นต้องยืมมือขวัญนินจา?” เฉินเฟิงถาม
“ถูกต้อง ถ้าพวกเขาจับตัวหวั่นชีวไปอย่างเปิดเผย ถ้าอย่างนั้นก็แสดงชัดเจนว่าไม่เห็นสหพันธ์วูซูนานาชาติอยู่ในสายตา ถึงเวลานั้น สหพันธ์วูซูนานาชาติต้องหาเรื่องพวกเขาอย่างแน่นอน”
“แต่ตอนนี้พวกเขาทำแบบนี้ สหพันธ์วูซูนานาชาติดูไม่ออกหรอว่าเป็นฝีมือของพวกเขา?” เวลานี้ จู่ๆฉู่ยี่เฟยก็ถามขึ้นมา
สือโพ่จุนชำเลืองมองฉู่ยี่เฟย พูด:“สหพันธ์วูซูนานาชาติดูออกอยู่แล้วว่าเรื่องนี้สมาคมการค้าเชียสุ่ยเป็นคนทำ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐาน”
“ไม่มีหลักฐาน พวกเขาก็ไม่สามารถหาเรื่องสมาคมการค้าเชียสุ่ยได้”
เฉินเฟิงขมวดคิ้ว สือโพ่จุนพูดมีเหตุผล สมาคมการค้าเชียสุ่ยถนัดทำเรื่องแบบนี้มาโดยตลอด คราวที่แล้วที่เกาะมุ๋ยลายก็ส่งหวางหงอี้มาลอบฆ่าเขา สมาคมการค้าเชียสุ่ยทำอย่างแนบเนียน ไม่เอาตนเองออกมาเกี่ยวข้องเลยสักนิด
ลักพาตัวหลินหวั่นชีวครั้งนี้ ก็เหมือนกัน
“ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง ซึ่งก็คือพวกเขากลัวมหาปรมาจารย์หลิน” สือโพ่จุนพูดอีกหนึ่งประโยค
เมื่อได้ยินคำว่ามหาปรมาจารย์หลิน หูของทุกคนอดไม่ได้ที่จะตั้งขึ้นมา เพราะถึงอย่างไรหลินชิงตี้ก็หายตัวไปนานเกือบยี่สิบปีแล้ว ทุกวันนี้เขาอยู่หรือตายทุกคนก็ยังไม่รู้
“คิดว่าทุกคนคงรู้ดี เรื่องที่เมื่อสิบแปดปีก่อนมหาปรมาจารย์หลินหายตัวไป”
“เกี่ยวกับมหาปรมาจารย์หลินไปที่ไหน พวกเราไม่กล้าพูด”
“แต่วา พวกเราสามารถมั่นใจได้ว่า มหาปรมาจารย์หลินน่าจะยังมีชีวิตอยู่” สือโพ่จุนพูดเสียงเคร่งขรึม
ยังคงมีชีวิตอยู่?!
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของคนที่ทำหน้าที่รับผิดชอบของตระกูลฉินและส้งลี่เฉิงเปลี่ยนไปทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นคนคัดค้านเรื่องการเอาจี้เต้าเจินเจี่ยไปแลกกับหลินหวั่นชีว
ทำไมพวกเขาถึงคัดค้าน?
ก็เป็นเพราะคิดว่าหลินชิงตี้ตายไปแล้ว
แต่ตอนนี้ สือโพ่จุนกลับบอกว่า หลินชิงตี้อาจจะยังมีชีวิตอยู่
ถ้าหากหลินชิงตี้ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เขากลับมาครั้งนี้ ถ้ารู้เรื่องที่พวกเขาทั้งสองตระกูลคัดค้านการเอาจี๋เต้าเจินเจี่ยไปแลกกับหลินหวั่นชีว คงจะทำลายตระกูลของพวกเขาแน่ๆ