ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 593
บทที่ 593 การแข่งขันบูโดระดับโลก
“ไม่มีอะไรน่าถามครับ” เฉินเฟิงยิ้มพูด
ได้ยินคำตอบของเฉินเฟิง โจวโพ่คองอึ้งไปก่อน หลังจากนั้นก็ยิ้มพูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่พอใจในตัวพ่อของคุณอย่างมาก”
ไม่พอใจ?
เฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ เขาไม่พอใจเฉินห้าวเทียนจริงๆ
เพราะในฐานะที่เป็นพ่อคนหนึ่ง เฉินห้าวเทียนไม่ได้ทำหน้าที่ของคนที่เป็นพ่อคนหนึ่งควรทำ
เขาไม่ได้ปกป้องดูแลแม่เป็นอย่างดี และไม่ได้ปกป้องดูแลตนเอง
“ที่จริงพ่อของคุณมีความจำเป็น” โจวโพ่คองถอนหายใจ “เขาหายสาบสูญไปก็เพื่อต้องการช่วยชีงตี้”
ช่วยชีงตี้?
เฉินเฟิงอึ้งไป หมายความว่าอย่างไร? ชีงตี้ที่โจวโพ่คองพูดถึงคือ…หลินชีงตี้
“อืม ชีงตี้ที่ผมพูดถึงก็คือพ่อของเธอ…หลินชีงตี้” โจวโพ่คองหันไปมองหลินหวั่นชีว ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
คราวนี้หลินหวั่นชีวเองก็อึ้งเหมือนกัน ความหมายของโจวโพ่คองก็คือ พ่อของเฉินเฟิงรู้จักพ่อของเธอ และพ่อของเฉินเฟิง ก็หายสาบสูญไปเพื่อช่วยชีวิตพ่อของเธอ
“ความหมายของท่านผู้อาวุโสโจวก็คือ เมื่อสิบแปดปีก่อน พ่อของผมกับปรมาจารย์หลิน หายสาบสูญไปด้วยกันหรือ?” เฉินเฟิงพูดขึ้นด้วยเสียงเครียด ก่อนวันนี้ เขาไม่เคยคิดว่าเฉินห้าวเทียนกับหลินชีงตี้ มีความเกี่ยวข้องกัน เพราะหลินชีงตี้เป็นหนึ่งในเก้าปรมาจารย์บูโดของหวาเซี่ย
และเฉินห้าวเทียนพ่อของเขา ต่อให้มีวรยุทธอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับหลินชีงตี้ เกรงว่าคงห่างไกลกันอย่างมาก
แต่ตอนนี้ คำพูดของโจวโพ่คอง กลับพลิกการคาดเดาในก่อนหน้านี้ของเขาอย่างสิ้นเชิง
เฉินห้าวเทียนหายสาบสูญไปเพื่อช่วยชีวิตหลินชีงตี้
คำพูดนี้แสดงว่าความสามารถของเฉินห้าวเทียน มีความเป็นไปได้ว่าแข็งแกร่งกว่าหลินชีงตี้เท่านั้น
“ใช่ ตอนนั้นห้าวเทียนกับชีงตี้ หายสาบสูญไปพร้อมกันจริง” โจวโพ่คองพยักหัว น้ำเสียงค่อยข้างสับสน
เขากับเฉินห้าวเทียน กับหลินชีงตี้เป็นรุ่นเดียวกัน เมื่อพูดจริงๆแล้ว เขาถือว่าเป็นศิษย์พี่ของเฉินห้าวเทียนกับหลินชีงตี้ แต่ทว่า ความสามารถของเขาสู้เฉินห้าวเทียนกับหลินชีงตี้ไม่ได้
ภายหลังเฉินห้าวเทียนกับหลินชีงตี้ ต่างก็กลายเป็นปรมาจารย์บูโด แต่เขากลับติดอยู่ตรงที่ครึ่งปรมาจารย์
“พ่อของผมเป็นปรมาจารย์บูโดหรือ?” ถึงแม้ในใจก็คิดอยู่แล้ว แต่เฉินเฟิงก็อดที่จะถามไม่ได้ เขาไม่ค่อยอยากเชื่อ พ่อที่เคยเห็นหน้าเพียงไม่กี่ครั้งคนนั้น เป็นถึงปรมาจารย์บูโดคนหนึ่ง
“ใช่ ห้าวเทียนก็เป็นปรมาจารย์บูโดคนหนึ่ง” โจวโพ่คองยืนยันสิ่งที่เฉินเฟิงคาดคิด
เวลานี้ เฉินเฟิงตกตะลึงอย่างมาก
เฉินห้าวเทียน เป็นปรมาจารย์บูโดจริงๆด้วย
เช่นนี้ เท่ากับว่าตระกูลเฉินมีปรมาจารย์ถึงสองคน
“พวกเขาหายสาบสูญไปได้อย่างไร?” หลังจากตกตะลึงแล้ว เฉินเฟิงก็ถามคำถามนี้ออกมา ตอนนี้เขายิ่งแปลกใจ ความอัตรายที่หลินชีงตี้ พบเจอในตอนนั้นคืออะไรกันแน่ ความอัตรายนี้สามารถทำให้ปรมาจารย์บูโรสองคน หายสาบสูญไปพร้อมกัน
“เรื่องที่เกี่ยวกับการหายสาบสูญไปของพวกเขา ตอนนี้ผมยังบอกคุณไม่ได้”
“นี่เป็นความลับสูงสุดของหวาเซี่ย” โจวโพ่คองส่ายหัว ปฏิเสธเฉินเฟิง
ไม่รอให้เฉินเฟิงได้พูดอะไร โจวโพ่คองก็พูดขึ้นอีกว่า “แต่ผมสามารถบอกคุณได้ว่า ตอนนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่”
ยังมีชีวิตอยู่?
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เฉินเฟิงค่อยโล่งอก ยังมีชีวิตอยู่ก็ดี ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ งั้นก็แสดงว่ายังมีความหวัง
“เรื่องที่ห้าวเทียนกับชีงตี้หายสาบสูญ ไม่ใช่สิ่งที่คุณควรคิดในตอนนี้ สิ่งที่คุณควรคิดในตอนนี้คือ ทำยังไงให้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างรวดเร็ว เพราะในไม่ช้า ก็จะมีคนมาหาเรื่องคุณ” หลังจากเงียบไปสักพัก โจวโพ่คองพูดขึ้นด้วยเสียงเครียด
“ท่านผู้อาวุโสโจวหมายถึงประเทศญี่ปุ่นหรือ?” เฉินเฟิงถาม
โจวโพ่คองส่ายหัว พร้อมพูดว่า “ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น คนของประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีความกล้าหาญขนาดนั้น หากคุณยังอยู่ในหวาเซี่ย พวกคนของประเทศญี่ปุ่น ก็จะไม่กล้าแตะต้องคุณตลอดไป”
“คนที่จะมาหาเรื่องคุณ ผมหมายถึงคนมาจากหวาเซี่ยของเรา”
มาจากหวาเซี่ย?
เฉินเฟิงหรี่ตาลง หรือว่าหมายถึงคนของตระกูลเฉิน?
“คุณรู้เรื่องการแข่งขันบูโดระดับโลกไหม?” เวลานี้ โจวโพ่คองเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมากะทันหัน
เฉินเฟิงอึ้งไปก่อน แล้วก็ส่ายหัว เขาไม่รู้เรื่องการแข่งขันบูโดระดับโลกอะไรนั่น
“การแข่งขันบูโดระดับโลก เป็นการแข่งขันบูโดที่จัดขึ้นโดยสหพันธ์วูซูนานาชาติ”
“และนี่ก็เป็นการแข่งขันบูโดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ทุกๆห้าปีจะมีการจัดขึ้นหนึ่งครั้ง”
“ทุกครั้งที่มีการจัด ตระกูลศิลปะการต่อสู้ สำนักต่างๆทั้งหมดในประเทศทั่วโลก ต่างก็จะส่งตัวแทนมาร่วมแข่งขัน”
“หวาเซี่ยของเราก็ไม่ยกเว้น การแข่งขันบูโดระดับโลกของปีนี้ สหพันธ์วูซูให้โควต้าพวกเรามาสี่คน”
พูดถึงตรงนี้ เสียงของโจวโพ่คองก็หยุดไป
เฉินเฟิงเข้าใจขึ้นมาทันที ความหมายของโจวโพ่คองก็คือ “ท่านผู้อาวุโสโจว อยากให้ผมเข้าร่วมแข่งขัน?”
“ใช่” โจวโพ่คองพยักหัว พร้อมพูดว่า “ผมอยากให้คุณเป็นตัวแทนหวาเซี่ย เข้าร่วมแข่งขันบูโดระดับโลกในครั้งนี้”
“เพราะการแข่งขันบูโดระดับโลกในหลายครั้งก่อนหน้านี้ คะแนนของหวาเซี่ยไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ”
“การแข่งขันบูโดระดับโลกครั้งที่ผ่านมา หวาเซี่ยไม่ได้เข้ารอบแม้แต่หนึ่งในแปดคนของผู้แข็งแกร่ง”
“พวกเราเป็นผู้บุกเบิกบูโด เป็นประเทศที่แข็งแกร่งในตอนนี้ แต่ในการแข่งขันระดับโลกแบบนี้ พวกเรากลับ แม้แต่หนึ่งในแปดผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่ได้เข้ารอบ นี่เป็นการเสียหน้าอย่างมาก”
“ท่านผู้อาวุโสโจว ผมเข้าใจความหมายของคุณ แต่การแข่งขันบูโดระดับโลก จะต้องมีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเข้าร่วมแข่งขัน แดนของผมในตอนนี้เป็นเพียงหั้วจิ้งชั้นต้น ในรุ่นเดียวกัน พร้อมยังสามารถเป็นที่หนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับผู้ที่แข็งแกร่งจนมีชื่อเสียงแล้วพวกนั้น ผมคงเทียบอะไรไม่ได้” เฉินเฟิงพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา การแข่งขันบูโดระดับโลก แค่ฟังชื่อก็รู้แล้ว ว่าเป็นการแข่งขันบูโดอย่างยิ่งใหญ่ในระดับโลก
คนที่เข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละประเทศ
นอกจากเป็นปรมาจารย์ที่ไม่เข้าร่วม จอมยุทธ์อื่นๆ คงต่างก็เข้ามาร่วมแข่งขัน เขาเป็นเพียงหั้วจิ้งชั้นต้นคนหนึ่ง ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย
“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่”
“แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วง การแข่งขันบูโดระดับโลก แบ่งออกเป็นกลุ่มผู้แข็งแกร่งกับกลุ่มอัจฉริยะ”
“โควต้าสี่คนที่ผมพูดถึง เป็นโควต้ากลุ่มอัจฉริยะ โควต้ากลุ่มผู้แข็งแกร่ง ถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว” โจวโพ่คองหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
“เกี่ยวกับกลุ่มผู้แข็งแกร่ง ผมจะไม่พูดอะไรมาก คุณต้องรู้เพียงว่า กลุ่มผู้แข็งแกร่งมีไว้สำหรับผู้แข็งแกร่งจนมีชื่อเสียงแล้วพวกนั้นก็พอ”
“ต่อจากนี้ ผมจะเล่าเกี่ยวกับกลุ่มอัจฉริยะให้คุณฟัง”
“กลุ่มอัจฉริยะ ความหมายเป็นเหมือนดั่งชื่อ มีเพียงผู้อัจฉริยะของแต่ละประเทศที่สามารถเข้าร่วม”
“ไม่เหมือนกับการแข่งขันการต่อสู้ที่คุณเข้าร่วมในครั้งก่อน การแข่งขันบูโดระดับโลก สำหรับผู้อัจฉริยะ จะมีการกำหนดจำกัดอายุ สามสิบห้า”
“ขอเพียงมีอายุต่ำกว่าสามสิบห้า อยู่ในแดนชั้นสูง ล้วนสามารถเป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะ ล้วนสามารถเข้าร่วมแข่งขันได้”
“แสดงว่า มีจอมยุทธ์หั้วจิ้งเป็นจำนวนมากหรือ?” เฉินเฟิงถามขึ้น
ก่อนหน้าเขา จอมยุทธ์หั้วจิ้งที่อายุน้อยที่สุดในหวาเซี่ย คือเจ้าสำนักโจวโพ่เทียนของสำนักคุนหลุน คนนั้นขึ้นเป็นหั้วจิ้งชั้นต้นตอนอายุสามสิบสอง
ส่วนการแข่งขันบูโดระดับโลก จำกัดอายุกลับเพียงแค่ต่ำกว่าสามสิบห้าก็พอ
แสดงว่า ทุกประเทศทั่วโลกจะต้องมีจอมยุทธ์ของหั้วจิ้งชั้นต้น เข้าร่วมแข่งขันมากมาย ยังมีแม้กระทั่งที่บ้าคลั่ง สามารถขึ้นเป็นหั้วจิ้งชั้นกลางก่อนอายุสามสิบห้า
“ใช่ แต่มีจอมยุทธ์หั้วจิ้งเป็นจำนวนมาก” โจวโพ่คองพยักหัว และพูดว่า “นี่ก็เป็นสาเหตุที่หลายครั้งก่อน หวาเซี่ยของเรา ได้คะแนนที่ค่อนข้างไม่ดี”