ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 640
บทที่ 640 การรวมตัวของปรมาจารย์
“คิดไม่ถึงจริงๆ ปรมาจารย์เฉียวจะมาด้วย”
“จริง ปรมาจารย์เฉียวเป็นถึงหั้วจิ้งชั้นสูงสุดไม่กี่คนในวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย คนระดับปรมาจารย์ ปกติแล้วไม่ค่อยออกมาให้พบเจอ”
“พวกนายไม่รู้อะไรแล้ว ที่ปรมาจารย์เฉียวมาที่นี่ เป็นเพราะเขามีความแค้นกับเทียนจ้าวเจินเหย่ของญี่ปุ่น!”
“มีความแค้น? หมายความว่ายังไง?” ทุกคนพากันสนใจ
“เมื่อก่อนตอนที่ปรมาจารย์เฉียวยังอยู่ในระดับหั้วจิ้งชั้นต้น ได้สู้กับเทียนจ้าวเจินเหย่ซึ่งเป็นหั้วจิ้งชั้นต้นเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเขาแพ้เทียนจ้าวเจินเหย่อยู่ครึ่งกระบวนท่า สิ่งนี้กลายเป็นความเจ็บป่วยในหัวใจของเขา เดิมทีเขาอยากจะหาโอกาสในการสู้กับเทียนจ้าวเจินเหย่อีกสักครั้ง เพื่อที่จะทวงคืนศักดิ์ศรีของตนเองกลับมา ทว่าคิดไม่ถึง เมื่อหลายวันก่อนเทียนจ้าวเจินเหย่กลับถูกเฉินเฟิงระเบิดจนตาย”
“นายว่า ถ้านายเป็นปรมาจารย์เฉียว นายจะไม่มาดูหรอ คนที่ระเบิดศัตรูของตนเองหน้าตาเป็นยังไง?”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
เมื่อได้รับคำอธิบายของคนๆนั้น ทุกคนก็พากันเข้าใจ ถึงจุดประสงค์การมาของปรมาจารย์เฉียว
“จากที่ฉันดู วันนี้ต้องไม่ได้มีแค่ปรมาจารย์เฉียวที่เป็นมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้มาเท่านั้น เจ้าสำนักอื่นๆโดยมากก็ต้องมาเหมือนกัน!”
คนๆนั้นพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค
“หวิงชุนปรมาจารย์หวังมาถึง!”
“เจ้าสำนักปากั้วปรมาจารย์จ้าวอู๋เต้ามาถึง!”
“เจ้าสำนักอู่ตังปรมาจารย์จางเทียนซือมาถึง!”
“สำนักเส้าหลินปรมาจารย์คงเหมิงมาถึง!”
…………
คล้ายกับว่ายืนยันในสิ่งที่คนๆนั้นพูด เป็นไปตามกาลเวลา มหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้แต่ละคนค่อยๆทยอยมาที่นี่ รวมถึงเส้าหลิน อู่ตังและปากั้วซึ่งเป็นธงที่เด่นชัดของบูโดหวาเซี่ย
“พระเจ้า นี่เพิ่งเที่ยง นอกจากคนสำคัญของสหพันธ์บูโดแล้ว แทบจะทุกคนที่มีหน้ามีตาในบูโดหวาเซี่ยต่างก็มากันหมด เหลือเชื่อจริงๆ!” บนเรือลำใหญ่ จอมยุทธ์ถะลึงดวงตากลมโต อุทานด้วยความตกใจ
“ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นจนถึงทุกวันนี้เฉินเฟิงยังไม่ให้คำตอบใดๆ การประลองในครั้งนี้จะมีหรือไม่ยังไม่อาจรู้ได้ สำนักต่างๆ มหาปรมาจารย์ต่างๆล้วนมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบูโดหวาเซี่ย!”
มีคนพูดคล้อยตาม พูดคำพูดที่อยู่ในใจของทุกคน
เวลาเที่ยงตรง การประลองในครั้งนี้ยังไม่มีการตกลงแน่ชัดว่าจะทำการประลองไหม เกือบทั้งบูโดหวาเซี่ยต่างก็มากันหมด!
ไม่ว่าสถานที่ไหน ล้วนให้ความสำคัญกับแวดวงสังคมและฐานะกับตำแหน่ง บูโดเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
ทางขึ้นเรือมีทั้งหมดสามทาง ลูกศิษย์ที่มาจากสำนักต่างๆขึ้นเรือจากทางเข้าที่หนึ่ง ซึ่งรวมถึงลูกศิษย์ของอัจฉริยะสำนักใหญ่ๆอย่างสำนักอู่ตัง สำนักปากั้วและสำนักเส้นหลิน ความสามารถของทุกคนล้วนต่ำกว่าระดับหั้วจิ้ง ส่วนมากอยู่ในระดับอ้านจิ้ง ต่อจากนั้น อัจฉริยะของสำนักต่างๆที่มาพร้อมกับเจ้าสำนัก แม้ว่าแค่มาชมการประลอง แต่ก็มาหาช่องว่างจากการประลองของเฉินเฟิงและจิ่งเถิง ใช้การประลองนี้ทำให้ตนเองขยันฝึกซ้อมมากกว่าเดิม รีบพัฒนาความสามารถ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปีศาจอย่างจิ่งเถิงและเฉินเฟิงนำไปไกลจนเกินไป
ทางขึ้นเรือทางที่สองล้วนเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ระดับหั้วจิ้งขึ้นไป รวมถึงเจ้าสำนักอู่ตังจางเทียนซือ เจ้าสำนักปากั้วจ้าวอู๋เต้าและเจ้าสำนักเส้าหลินปรมาจารย์คงเหมิงทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงสุดของบูโดหวาเซี่ย
“วันนี้มีคนมาตั้งมากมาย ถ้าเฉินเฟิงไม่รับคำท้า ก็สนุกแล้วสิ” จ้าวอู๋เต้าจากสำนักปากั้วจิบชา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“คุณจ้าว คุณคิดมากเกินไปแล้ว ถึงแม้พวกเราจะไม่เคยเจอเจ้าเด็กคนนั้น แต่ฉันคิดว่า ด้วยนิสัยหัวรั้นของเจ้าเด็กคนนั้น เขาไม่มีวันเป็นเต่าหดอยู่ในกระดองแน่นอน”
เจ้าสำนักอู่ตังจางเทียนซือยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา พร้อมกับพูดขึ้น:“จากที่ฉันดู แม้ว่าความสามารถของเขาจะไม่ถึง แต่เขาก็จะมาสู้อย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอน”
“เทียนซือพูดถูก นี่จึงเป็นสาเหตุที่วันนี้พวกเรามาที่นี่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเราต่างคิดว่าเจ้าเด็กคนนั้นต้องรับคำท้าแน่นอน” ปรมาจารย์คงเหมิงพยักหน้า พูดเห็นด้วยกับความคิดเห็นของจางเทียนซือ
“ปรมาจารย์ทั้งสาม พวกคุณคิดว่าการต่อสู้ของเฉินเฟิงและจิ่งเถิงผู้สืบทอดตระกูลจิ่ง สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะ?” สิ้นเสียงของปรมาจารย์คงเหมิง เจ้าสำนักเส้าเป่ยปรมาจารย์เฉียวอู่โต่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
เป็นจริงตามที่เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ตรงหน้าประตูคาดเดา ที่เขามาดูการประลองในครั้งนี้ ล้วนมาเพราะเฉินเฟิง
เขาอยากรู้ คนที่สามารถฆ่าอันดับเทพอันดับที่สิบแปดอย่างเทียนจ้าวเจินเหย่ เป็นสุดยอดปีศาจแบบไหน
ฉึบๆๆๆ….
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์เฉียวอู่โต่ มหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คนอื่นๆบนเรือต่างหันมามองปรมาจารย์คงเหมิง จางเทียนซือและจ้าวอู๋เต้าทั้งสามคนอย่างไม่ได้นัดหมาย รอคอยคำตอบของทั้งสามคน
จากที่พวกเขาดู พวกเขาทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงสุดของบูโดหวาเซี่ย วิชาความสามารถสูง สายตาเฉียบแหลม น่าจะสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
ได้ฟังคำพูดของปรมาจารย์เฉียวอู่โต่ รับรู้ถึงสายตาคาดหวังที่อยู่รอบๆ ปรมาจารย์คงเหมิงทั้งสามคนมองหน้ากัน ยิ้มแล้วส่ายหน้า แสดงท่าทีว่าตนก็ไม่รู้
“ท่านประมุขก่วนมาถึง!”
ในเวลานี้เอง เสียงดังก้องขึ้นจากทางขึ้นเรือ ดึงดูดสายตาของผู้คนที่อยู่กับปรมาจารย์คงเหมิงทั้งสามคนทันที
ในสายตาของทุกคน ก่วนหนานเทียนที่เป็นรองประมุขสหพันธ์บูโดแห่งยันเจียงและกลุ่มคนที่ร่วมเดินทาง เดินผ่านสถานที่ปิดล้อม
คนที่ยืนอยู่ข้างก่วนหนานเทียนคือรองประมุขของสหพันธ์บูโดหางโจวและผู้ช่วยของเขา นอกเหนือจากนี้ ยังมีชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำ หน้าตาเย็นชา
“เขามาได้ยังไง?”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคน ปรมาจารย์คงเหมิงและปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ทุกคนต่างตกใจ
เพราะว่า พวกเขารู้ทันทีว่าชายวัยกลางคนเป็นใคร
อู่จื่อโจว
รองประมุขของสหพันธ์สงคราม เคยเป็นหนึ่งในหั้วจิ้งจอมยุทธ์ที่อายุน้อยที่สุดในบูโดหวาเซี่ย ตอนนั้นเขาบรรลุหั้วจิ้งเร็วรองมาจากเจ้าสำนักคุนหลุนโจวโพ่คอง ในยุคสมัยนั้น อู่จื่อโจวคือชื่อเรียกของอัจฉริยะ
ตอนนั้นถ้าไม่มีโจวโพ่คอง อู่จื่อโจวก็จะเป็นจอมยุทธ์หวาเซี่ยที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายที่สุด
ทว่า——โลกย่อมไม่มีอะไรแน่นอน ชื่อเสียงของโจวโพ่คองทำให้อู่จื่อโจวมืดหม่น
แต่ว่า สุดท้ายแล้วอู่จือโจวก็ยังคงเป็นตัวแทนของจอมยุทธ์หวาเซี่ยเข้าไปอยู่ในวิหารของสหพันธ์สงคราม
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด การมาของอู่จื่อโจว ไม่เพียงแต่เห็นความสำคัญกับการประลองในครั้งนี้ แต่เป็นการตักเตือนตระกูลจิ่งทางอ้อมด้วย” เจ้าสำนักปากั้วจ้าวอู๋เต้าพูดอย่างครุ่นคิด
“ตักเตือน? ทำไมปรมาจารย์จ้าวถึงพูดแบบนี้?” จางเทียนซืออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ทำไมฟังจากสิ่งที่จ้าวอู๋เต้าพูด การมาของอู่จื่อโจวเป็นการสนับสนุนเฉินเฟิง?
“จางเทียนซือ นายอาจจะไม่รู้ เฉินเฟิงคนั้น มีความสัมพันธ์ที่หนาแน่นกับสหพันธ์สงคราม” จ้าวอู๋เต้าพูดเสียงเบา
จางเทียนซือชะงัก:“ปรมาจารย์จ้าว ปรมาจารย์หมายความว่า เรื่องที่เฉินเฟิงไปทำภารกิจที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อครั้งที่แล้ว?”
“ไม่เพียงแค่นี้”
จ้าวอู๋เต้าส่ายหน้า มุมปากแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
เมื่อเห็นจ้าวอู๋เต้ามีท่าทีชัดเจน แต่ไม่ยอมพูด จางเทียนซือจึงไม่ได้ถามอีก ทว่าเก็บไปคิดในใจ
จากนั้น ก่วนหนานเทียนมีอู่จื่อโจวและรองประมุขสหพันธ์บูโดหางโจวเดินมาด้วย พวกเขาขึ้นไปยังเรือที่ปรมาจารย์คงเหมิงและมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อยู่
“ท่านประมุขก่วน ปรมาจารย์อู่ ท่านประมุขเฉิน!” ปรมาจารย์คงเหมิงลุกขึ้นแล้วกล่าวทักทายก่วนหนานเทียนทั้งสามคน