ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 655
บทที่ 655 ตระกูลจิ่งแพ้ไม่เป็น
“หยุดนะ!” วินาทีต่อมา ไม่รอเฉินเฟิงลงมือ จิ่งเซ่อเหมิงตะคอกออกมาเสียงดัง และคิดจะลงมาที่กาบเรือเพื่อยับยั้งไม่ให้เฉินเฟิงฆ่าจิ่งเถิง
จากนั้น—ในตอนที่จิ่งเซ่อเหมิงพึ่งขยับตัว ก็โดนอู่จื่อโจวขวางหน้าเอาไว้: “จิ่งเซ่อเหมิง ก่อนพวกเขาเริ่มประลองผมบอกไว้ก่อนแล้วว่า นี่เป็นการประลองความเป็นความตาย ใครตายใครรอด คนอื่นไม่มีสิทธิ์แทรกแซงหรือรบกวนการประลอง—คุณคิดจะทำอะไร?”
“ไอ้หนุ่มแซ่เฉิน ละเว้นชีวิตเถิงเอ๋อซะ!”
เมื่อเผชิญหน้าการขัดขวางของอู่จื่อโจว จิ่งเซ่อเหมิงสีหน้าเปลี่ยน คิ้วขมวดมุ่น แต่หลังจากวิเคราะห์แล้วก็ไม่ได้ลงมืออะไร และไม่ตอบคำอู่จื่อโจวด้วยซ้ำ เขาจ้องมองเฉินเฟิงอย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ขั้นสุด “ไม่งั้น แกจะกลายเป็นศัตรูของตระกูลจิ่ง!”
“ตระกูลจิ่งเก่งมากงั้นหรอ?” เฉินเฟิงตอบเสียงเย็น และยกเท้าขวาขึ้นทันที
“แกกล้า?”
จิ่งเซ่อเหมิงสีหน้าเปลี่ยน ตะคอกอีกครั้ง น้ำเสียงดังราวฟ้าผ่า
“ปึ้ก!!”
สิ่งที่ตอบจิ่งเซ่อเหมิงกลับเป็นเสียงหนึ่งดังขึ้น
ท่ามกลางสายตาประชาชี เฉินเฟิงยกเท้าเหยียบสมองจิ่งเถิงแตก!
ตอนเผชิญหน้าการเตือนและข่มขู่จากจิ่งเซ่อเหมิง เฉินเฟิงไม่หวาดหวั่นเลยสักนิด เขายกเท้าเหยียบกะโหลกจิ่งเถิงแตกละเอียดต่อหน้าทุกคน ทำจิ่งเถิงตายคาที่!
ท่าทีแข็งแกร่งของเฉินเฟิงสั่นสะท้านจิตใจทุกคนอีกครั้ง!
นั่นน่ะตระกูลจิ่งนะ…
หนึ่งในตระกูลศิลปะการต่อสู้ที่มีประวัติมาช้านานกว่าพันปีของหวาเซี่ย ทุกครั้งที่ออกสู่ยุทธภพจะสะเทือนไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย!
ด้วยสถานการณ์อย่างนี้ เฉินเฟิงเหยียบจิ่งเถิงตายในขาเดียว ไม่ง่ายดายแค่เพราะฆ่าผู้สืบทอดตระกูลจิ่งหรอก แต่ยังเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและความภูมิใจของตระกูลจิ่งด้วย เท่ากับวางตัวเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับตระกูลจิ่ง! จากนั้นพอพวกเขานึกถึงประวัติเฉินเฟิงก็พากันเข้าใจ
เพราะนี่เป็นคนที่เคยบุกเดี่ยวท้าทายนินจาทั่วทั้งญี่ปุ่นมาแล้ว!
ในเวลาเดียวกัน สองพ่อลูกจิ่งหยุนเฟิงและจิ่งเซ่อเหมิงปวดใจมาก
จิ่งเถิงไม่เพียงเป็นทายาทของพวกเขา และยังเป็นผู้สืบทอดที่ผ่านการคัดกรองและฝึกฝนมาอย่างพิถีพิถันของตระกูลจิ่งอีกด้วย เป็นเสมือนอนาคตของตระกูลจิ่ง— เฉินเฟิงฆ่าจิ่งเถิงลง เท่ากับควักดวงใจของพวกเขาออกไป!
“สารเลว ฉันจะฆ่าแก!” นอกเหนือจากปวดใจแล้ว ความโกรธและความแค้นเข้าครอบงำสติของจิ่งเซ่อเหมิงทั้งหมด เขาตะคอกเสียงดัง ทำท่าจะเข้าไปฆ่าเฉินเฟิงต่อหน้าทุกคน เพื่อระบายความโกรธในใจ
“จิ่งเซ่อเหมิง นี่คุณคิดจะทำผิดกฎการประลองความเป็นความตายซึ่งๆหน้าเลยหรอ หรือคุณจะบอกว่า คุณไม่เห็นสหพันธ์บูโดอยู่ในสายตาว่างั้น?” อู่คงเข้ามาขวางหน้าจิ่งเซ่อเหมิงอีกครั้งเพื่อดูแลความปลอดภัยของเฉินเฟิง ในขณะเดียวกันก็เอ่ยเตือนออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ตระกูลจิ่ง พวกแกมันแพ้ไม่เป็นหรือไง? หรือคิดว่า ตระกูลจิ่งของพวกแกคิดอยากจะทำอะไรในหวาเซี่ยก็ได้?” เฉินเฟิงจ้องมองจิ่งเซ่อเหมิงอย่างเย็นชา ทั้งประชดประชันตระกูลจิ่ง และยังเป็นการเตือนตระกูลจิ่งทางอ้อมด้วยว่า ถึงตระกูลจิ่งจะยิ่งใหญ่ แต่ก็ต้องเคารพกฎของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย พร้อมทั้งยอมรับการชี้นำของสหพันธ์บูโด ไม่งั้นตระกูลจะล่มสลายแน่
“แม่งเอ๊ย ตกลงกันแล้วว่าประลองเป็นตาย พวกตระกูลจิ่งของพวกแกนี่มันหน้าด้านขนาดนี้เลยหรือไง?” หวู่เหวินโป๋ด่ากราดอย่างเดือดดาล
“กล้าแตะต้องอาจารย์อาเฉินของเรา ฆ่ามันแลย!” เฉินจื๋อหลี่และเฉินจื๋อเหวินพูดออกมา
“เซ่อเหมิง กลับมา!” พอได้ยินคำตะโกนต่อว่าของพวกหวู่เหวินโป๋ จิ่งหยุนเฟิงก็เอ่ยปากบอกให้จิ่งเซ่อเหมิงจากไป
ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง ดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่สายตาที่มองไปทางเฉินเฟิงอย่างเย็นชาและรังสีอำมหิตเย็นเฉียบ บ่งบอกให้รู้ว่าความรู้สึกในใจเขาตอนนี้โกรธมากแค่ไหน
เขาแทบอยากเข้าไปตบเฉินเฟิงตายคามือตอนนี้เลย!
จากนั้น—-
สติบอกเขาว่า ตอนนี้จะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นตระกูลจิ่งจะกลายเป็นศัตรูของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยทันที และต้องได้รับการลงโทษจากสหพันธ์บูโดด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นลืมเรื่องสหพันธ์บูโดไปก่อน เบื้องหลังเฉินเฟิงยังคงมีกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งมากอยู่ ที่ทำให้ตระกูลใหญ่ระดับตระกูลเฉินยังไม่กล้าฆ่าเขาง่ายๆ แต่ต้องมาฆ่าเขาในการประลองถูกกฎแบบนี้ซะอีก
พอได้ยินคำของจิ่งหยุนเฟิง จิ่งเซ่อเหมิงได้สติกลับมา เขาจ้องมองเฉินเฟิงเขม็ง ราวกับจะจดจำใบหน้าเฉินเฟิงไว้ในจิตวิญญาณ
พอมองเสร็จ เขาก็หมุนตัวเดินไปหาจิ่งหยุนเฟิง และเดินไปที่เรือกับจิ่งหยุนเฟิง
เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว วันนี้เป็นวันอัปยศของตระกูลจิ่ง พวกเขายืนอยู่ที่นี่นานขึ้นหนึ่งนาที ก็เหมือนเพิ่มความทุกข์ทรมานมากไปอีกหนึ่งนาที!
พอเห็นสองพ่อลูกจิ่งหยุนเฟิงและจิ่งเซ่อเหมิงจากไป จิ่งหรินรีบผลุดลุกขึ้นตามไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับกลัวว่าจะเป็นเหมือนจิ่งเถิงที่ต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่
“ปรมาจารย์อู่ ขอบคุณครับ” พอเห็นพวกจิ่งหยุนเฟิงสามคนเดินเข้าท้องเรือ เฉินเฟิงหันไปคำนับอู่คงเป็นการแสดงความขอบคุณ เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะอู่คงห้ามปรามจิ่งเซ่อเหมิงได้ทันเวลา เขาน่าจะไม่รอด จิ่งหยุนเฟิงเป็นยอดฝีมือที่เข้าชั้นครึ่งปรมาจารย์แล้ว ถ้ายอดฝีมือแบบนี้อยากฆ่าเขา แค่สามกระบวนท่าเขาก็คงรับไม่ไหวแน่
“มันเป็นหน้าที่ ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
อู่คงโบกมือไม่ยี่หระ ครั้งนี้เขามาที่นี่ตามที่เบื้องบนขอร้องมา เพื่อให้แน่ใจว่าการประลองความเป็นความตายครั้งนี้จะดำเนินการอย่างยุติธรรม และป้องกันการแก้แค้นหลังรู้ผลแพ้ชนะ
“เดินเรือ กลับ!”
พูดจบ อู่คงก็สั่งการต่อ
การประลองความเป็นความตายครั้งนี้ปิดฉากลงแล้ว ถึงเวลากลับซะที
“ขนาดผู้สืบทอดตระกูลจิ่งในตำนานยังโดนเฉินเฟิงฆ่าเลย นับจากวันนี้เป็นต้นไป เฉินเฟิงจะกลายเป็นสุดยอดฝีมือของคนรุ่นใหม่ในวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยอย่างแท้จริงเลย!”
“นั่นสิ พวกเราห่างชั้นกับเขามากเกินไป ขนาดสิทธิ์ในการเป็นคู่ต่อสู้ด้วยยังไม่มีเลย อยู่กันคนละเกรดเลยนะ”
“เฮ้อ พวกเราดันเกิดมายุคเดียวกับเขานี่ มันน่าเศร้าจริงๆเล้ย!”
เรือใหญ่ทั้งสามลำเดินเรือพร้อมกัน หันหน้าเข้าฝั่ง พวกศิษย์สำนักน้อยใหญ่บนเรือลำที่หนึ่งเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่พวกเขาทอดถอนใจกับความแข็งแกร่งของเฉินเฟิง ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกอ่อนแรงหมดกำลังใจไปด้วย
เหมือนที่พวกเขาพูด พวกเขาโดนเฉินเฟิงทิ้งห่างระยะทางไปไกลโข ชาตินี้คงเป็นได้แค่ไก่รองบ่อนของเฉินเฟิงเท่านั้น ไม่มีทางจะไปถึงระดับที่สูงกว่าเขาได้ เอาแค่ให้ถึงระดับเดียวกับเฉินเฟิงในตอนนี้ยังพูดยากเลย
ในเวลาเดียวกัน เหล่าอาวุโสยุทธภพบนเรือลำที่สามซึ่งรวมถึงลู๋เจิ้งเฟิงด้วย ครั้งนี้ไม่ได้ร่วมวิจารณ์ด้วย ได้แต่มองไปทางเฉินเฟิงอย่างยำเกรง
ศึกนี้เฉินเฟิงชนะแล้ว และยังแสดงฝีมือแท้จริงที่สามารถฆ่าพวกเขาได้โดยง่ายออกมาด้วย ทำเอาพวกเขาสะท้านตะลึง และผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัวว่า: ชาตินี้อย่าคิดเป็นศัตรูกับเฉินเฟิงเด็ดขาด!
“ฉันเคยบอกนานแล้ว พี่เฟิงน่ะไร้เทียมทาน แค่ไม่กี่วินาทีก็ฆ่าเจ้าลูกหมาจิ่งเถิงได้แล้วเนี่ย!” หวู่เหวินโป๋ยืนคุยโม้โอ้อวดอย่างตื่นเต้นอยู่ข้างพวกลู๋เจิ้งเฟิง ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นซะยิ่งกว่าเขาลงมือฆ่าจิ่งเถิงเองแล้วชื่อเสียงขจรกำจายไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยซะอีก
“น้อยๆหน่อย นายเคยพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นั่นสิ มีการเอาดีเข้าตัวเองแบบนายด้วยหรือไง?”
พวกเฉินจื๋อหลี่และหวู่เหวินเชี่ยนพากันมองอย่างเหยียดหยาม
เพราะก่อนเจอกับเฉินเฟิง พวกเขาพากันอกสั่นขวัญหาย กลัวเฉินเฟิงสู้ไม่ไหว และพอเฉินเฟิงโดนจิ่งเถิงโจมตีจนบาดเจ็บ พวกเขายิ่งหวาดหวั่นจนความเป็นห่วงขึ้นมาจุกที่คอหอยก็ไม่ปาน
ยืนมองพวกหวูเหวินโป๋ที่ยิ้มล้อเล่นไปมา เสี้ยเมิ่งเหยา ฉู่ชีงฉือ หลินหวั่นชีวพากันถอนหายใจโล่งอกโดยพร้อมเพรียง เผยให้เห็นรอยยิ้มสบายใจ