ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 659
บทที่ 659 เกิดมาเพื่อเล่นละคร
ในขณะเดียวกัน ฉู่ชีงฉือกับหลินหวั่นชีวต่างก็มองดูเสี้ยเมิ่งเหยา แววตาซับซ้อน พวกเธอจะดูไม่ออกหรือว่า เสี้ยเมิ่งเหยากำลังแสดงความเป็นเจ้าของต่อพวกเธอใช่ไหมล่ะ?
หลังจากนั้น ภายใต้เสียงครึกครื้น เฉินเฟิงใช้น้ำแทนเหล้าชนแก้วกับทุกคน หลังจากนั้นก็นั่งลงตรงโต๊ะของพวกเสี้ยเมิ่งเหยา
“มัวแต่ขอเชิญดื่มเหล้า ยังไม่ได้ทานอะไรเลยใช่ไหม? ทานอะไรหน่อยก่อน พวกเขาขอเชิญดื่มเหล้า เดี๋ยวฉันห้ามไว้ให้”
เสี้ยเมิ่งเหยายิ้มพูดขึ้น แล้วก็ใช้ตะเกียบของตนเองคีบกับข้าวใส่ในถ้วยเฉินเฟิง ดูอ่อนโยน รู้ใจกันจริง
ได้ยินคำพูดของเสี้ยเมิ่งเหยาอีกครั้ง และเห็นการกระทำของเสี้ยเมิ่งเหยา ท่าทีของฉู่ชีงฉือกับหลินหวั่นชีวยิ่งดูไม่เป็นระมัดระวังยิ่งขึ้น
“มา เรามาดื่มด้วยกัน” เห็นภาพนี้แล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาไม่สนใจเลย กลับยิ่งยิ้มแย้มทักทายฉู่ชีงฉือกับหลินหวั่นชีว
“เอ่อ พวกคุณทานกันก่อน ผมไปเดินทานที่โต๊ะอื่นๆ แบบนี้จะได้สนุกกัน” เฉินเฟิงเลือกที่จะหนีไปก่อน จากการกระทำที่ผิดปกติของเสี้ยเมิ่งเหยา แสดงให้เห็นว่าเสี้ยเมิ่งเหยาไม่พอใจ เขาสัมผัสถึงความเป็นเจ้าของที่เสี้ยเมิ่งเหยาแสดงต่อฉู่ชีงฉือกับหลินหวั่นชีวว่า เฉินเฟิงเป็นผู้ชายของฉัน
ในสถานการณ์แบบนี้ วิธีที่ดีที่สุดของเขาก็คือรีบหนีไป
เมื่อพูดเสร็จ เฉินเฟิงไม่รอให้เสี้ยเมิ่งเหยาพูดอะไร รีบเดินตรงออกไปทันที
หลังจากนั้น เฉินเฟิงก็ทำอย่างที่เขาพูด เดินวนทานอยู่หลายโต๊ะ ระหว่างนั้นก็ไม่หยุดที่จะพูดคุย ชนแก้วกับทุกคน แต่ก็ดื่มน้ำเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน เขาก็แอบสังเกตการณ์โต๊ะของเสี้ยเมิ่งเหยา กลับพบว่าพวกผู้หญิงพวกนั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดคุยหัวเราะ ดื่มเหล้ากัน ดูแล้วก็เหมือนดั่งเพื่อนสนิทกัน
“ผู้หญิงเกิดมาเพื่อแสดงละครจริงๆ”
เฉินเฟิงแอบคิดในใจ และก็รู้สึกว่าเรื่องความรู้สึกแบบนี้จะต้องไม่ผ่านไปได้ง่ายๆแน่ กลับกัน ตอนนี้อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
เหมือนเป็นการพิสูจน์สิ่งที่เฉินเฟิงคาดเดา เมื่องานเลี้ยงจบสิ้นแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาเคียงคู่กับเฉินเฟิง ส่งแขกกลับพร้อมกัน และยังควงแขนเฉินเฟิงไว้อย่างเป็นเรื่องปกติ เห็นภาพนี้ ฉู่ชีงฉือกับหลินหวั่นชีวต่างก็อึ้ง แล้วก็มีท่าทีซับซ้อน ทั้งอิจฉา ริษยา และก็ไม่พอใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือหดหู่
ภาพนี้ ตกอยู่ในสายตาของพวกหวู่เหวินโป๋ ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสงครามที่ฟุ้งอยู่เต็มอากาศ ต่างก็ทำเป็นมองไม่เห็นอะไร
หนึ่งในนั้น หวู่เหวินโป๋เงยหน้ามองดูเดือน ถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “พระจันทร์คืนนี้กลมจังเลย…”
ได้ยินเสียงถอนหายใจของหวู่เหวินโป๋ สี่พี่น้องตระกูลเฉิน อยากหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะ อดกลั้นไว้อยู่อย่างทรมาน
เมื่อเทียบกันแล้ว เฉินเฟิงที่อยู่ท่ามกลางพวกผู้หญิงยิ่งทรมาน แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มแล้วปล่อยให้เสี้ยเมิ่งเหยาควงแขนของเขา แล้วส่งแขกกลับ
“ฉันพักอยู่ที่โรงแรมฮิลตัน เรากลับไปด้วยกัน” หลังจากที่คนวงการศิลปะการต่อสู้ นักธุรกิจกับคนของทางการกลับไปแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาหันหน้ามายิ้มพูดกับเฉินเฟิง สายตาเป็นประกาย อย่างที่เรียกว่ารักใคร่
หากเป็นปกติ อยู่ด้วยกันตามลำพัง เสี้ยเมิ่งเหยาพูดเช่นนี้ เฉินเฟิงคงจะเนื้อเต้น แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงแค่อึ้ง
“ได้ ผมส่งคุณกลับไป” หลังจากที่อึ้งแล้ว เฉินเฟิงก็พูดตอบอย่างไม่รู้ตัว
“ส่งฉันกลับไปหรือ? คืนนี้คุณไม่นอนที่นั่นหรือ?” ใบหน้าเสี้ยเมิ่งเหยายังคงยิ้มแย้ม แต่ดูยังไงก็เหมือนเป็นการข่มขู่
“นอนสิครับ”
เฉินเฟิงยิ้มตอบ ไม่กล้าแม้แต่จะมองพวกฉู่ชีงฉือหลินหวั่นชีว ยกมือโบกขึ้นพร้อมพูดว่า “เอาล่ะ คืนนี้ทุกคนพักผ่อนกันเช้าๆหน่อย พรุ่งนี้เจอกัน”
เมื่อพูดเสร็จ เฉินเฟิงก็จูงมือเสี้ยเมิ่งเหยา เดินไปยังรถคันหนึ่งที่จัดเตรียมไว้แล้วแต่แรก หลังจากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถพร้อมกับเสี้ยเมิ่งเหยา ภายใต้สายตาทุกคน
หลังจากครึ่งชั่วโมง เฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยามาถึงโรงแรมฮิลตัน
หลังจากลงรถ เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้ควงแขนเฉินเฟิงอีก แต่เดินไปข้างหน้าคนเดียว อกผายไหล่ผึ่ง เหมือนดั่งนกยูงน้อยหยิ่งผยอง
เฉินเฟิงแอบถอนหายใจ เดินตามอยู่ด้านหลังอย่าเงียบๆ เขาไม่รู้ว่าช่วงที่ผ่านมาเสี้ยเมิ่งเหยาเจออะไรมาบ้าง แต่เสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้ เปลี่ยนไปมากสำหรับเขา
เสี้ยเมิ่งเหยาคนเดิมไม่ต่อสู้หรือไขว่คว้า เป็นฝ่ายยอมทุกอย่าง แต่เสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้ กลับเป็นฝ่ายรุกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ห้องชุดมีเตียงใหญ่เพียงเตียงเดียว ฉันนอนบนเตียง คุณนอนบนโซฟา” หลังจากเข้าห้องแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาก็พูดขึ้น
“นี่…”
“ทำไม? คุณมีปัญหาหรือ?”
เสี้ยเมิ่งเหยาจ้องมองเฉินเฟิง เธอดูไม่เหมือนนักธุรกิจหญิงผู้แข็งแกร่ง เหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่กำลังโกรธมากกว่า
“ไม่…ไม่มี”
เฉินเฟิงส่ายหัวเหมือนดั่งคลื่น
“งั้นก็ดี”
เสี้ยเมิ่งเหยาเชิดใส่ แล้วก็เริ่มถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเฉินเฟิง
ใช่
เธอถอดตรงนั้นเลย
แม่ง
ทะเลสาบตะวันตกเดือนหก อากาศค่อนข้างร้อน บนตัวเสี้ยเมิ่งเหยา สวมไว้เพียงชุดเดรสสีดำตัวเดียว เธอถอดแบบนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเพียงยกทรงกับกางเกงใน
“เอ่อ….” เฉินเฟิงมองจนอึ้ง จากนั้นก็มีปฏิกิริยาที่ผู้ชายสุขภาพแข็งแรงควรมี หายใจถี่ กระโจมเล็กๆถูกตั้งขึ้นระหว่างขา
“เชอะ” เสี้ยเมิ่งเหยาเชิดใส่ แล้วก็มองดูเฉินเฟิงอย่างสะใจ หลังจากนั้นก็หันตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
เพียงแต่ ตอนที่เธอหันตัว ใบหน้าที่แกล้งทำเป็นโกรธนั้นเผยให้เห็นความเอียงอาย
ถึงแม้เธอจะเป็นภรรยาของเฉินเฟิง แต่เธอก็ไม่เคยกล้ากระทำแบบนี้ต่อหน้าเฉินเฟิง
นี่เป็นครั้งแรก
จากนั้น อายก็ส่วนอาย การกระทำต่อจากนี้ของเสี้ยเมิ่งเหยา ยิ่งไปใหญ่
หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จแล้ว ก็เดินออกมาเลย สวมชุดคลุมอาบน้ำแล้วปรากฏอยู่ตรงหน้าเฉินเฟิง เผยให้เห็นเนินนูนตรงหน้าอก…
วินาทีนั้น เฉินเฟิงรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังหมุน
ท่าทีของเฉินเฟิง เสี้ยเมิ่งเหยามองเห็นทั้งหมด แต่เธอก็ไม่สนใจ เห็นเฉินเฟิงเป็นเหมือนอากาศ เดินผ่านเฉินเฟิงไปด้วยกลิ่นกายที่หอมอ่อนๆ ยังตั้งใจที่จะสะบัดผม เส้นผมปัดผ่านใบหน้าของเฉินเฟิง
“เวิง….”
เฉินเฟิงยิ่งมึนกว่าเดิม เขายื่นมือจะไปกอดเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายถูกเสี้ยเมิ่งเหยาหลบพ้น แล้วก็พูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “อย่าคิดอะไรมาก ไปนอนบนโซฟาดีๆ”
“….” เฉินเฟิงพูดอะไรไม่ออก หลังจากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ใช้น้ำเย็นราดให้อุณหภูมิในร่างกายต่ำลง หลังจากสิบนาที เฉินเฟิงก็สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องอาบน้ำเหมือนกัน แล้วก็เดินไปนอนบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง
เห็นภาพนี้แล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของวันนี้แล้ว สุดท้ายก็ถอนหายใจ หันตัวไป หันก้นงอนกับด้านหลังให้กับเฉินเฟิง แล้วก็ไม่สนใจอีก
คนไม่ใช่ปราชญ์
ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ในด้านความรู้สึกเธอก็เห็นแก่ตัวเหมือนกับผู้หญิงทุกคน มีความรู้มากกว่าผู้หญิง99%ในโลกนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอให้เกียรติเฉินเฟิงต่อหน้าคนอื่นอย่างดีที่สุด
แต่วันนี้ หลังจากที่เธอประกาศความเป็นเจ้าของต่อหน้าผู้หญิงพวกนั้น ยังต้องลงโทษเฉินเฟิงด้วย ต่อไปเฉินเฟิงกับคนอื่นๆจะได้รู้และระวังถึงข้อนี้ว่า
เธอเป็นเจ้าของที่นี่