ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 703
บทที่ 703 รายการแสดงการจัดอันดับ
ระหว่างที่เฉินเฟิงกำลังเดินเข้าไปก็มีแขกที่ทานอาหารเรียบร้อยแล้วและกลับออกไป เมื่อพวกเขาเดินผ่านเฉินเฟิงก็พยักหน้าทักทาย เห็นได้ว่าตำแหน่งของเฉินเฟิงในใจของพวกเขานั้นสูงพอสมควร
ด้านเฉินเฟิงก็เผยยิ้มตอบรับเช่นกัน
“กว่านายจะมาได้!”
ศีลสามเอ่ยพลางขยับที่ให้เฉินเฟิงนั่งลง
ที่นี่ไม่ได้มีแค่ศีลสามคนเดียว ยังมีจียุ่นและเทียนอิงนั่งอยู่ด้วย
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงนั่งลงแล้วจียุ่นก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เฉินเฟิง เห็นได้ว่าคณะกรรมการจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้จะดูแลนายเป็นอย่างดีนะ!”
“หืม? หมายความว่ายังไง?” เฉินเฟิงเอ่ยถามอย่างข้องใจ
“เรื่องมันเป็นแบบนี้!” จียุ่นเอ่ยอธิบาย “ครั้งนี้มีการจัดโรงแรมสำหรับเป็นที่พักให้กับจอมยุทธ์อยู่สองที่ พวกเราอยู่ที่หนึ่ง ฉันไปสืบมานายลองเดาสิว่าเป็นยังไง?”
จียุ่นตั้งใจเล่นแง่แต่สามคนที่เหลือไม่มีใครเล่นด้วย เขาจึงต้องเอ่ยต่อ “โรงแรมที่พวกเราอยู่นี้ไม่มีคนที่เป็นศัตรูกับนายเลยสักคน!”
จียุ่นรู้เรื่องพวกนี้นั้นไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด ตระกูลของเขามีอำนาจอีกทั้งยังมีหน่วยข่าวเป็นของตัวเอง อยากรู้เรื่องพวกนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก
“คณะกรรมการจัดงานก็เป็นห่วงว่าหากเฉินเฟิงอยู่ร่วมกับพวกเขาจะเกิดปัญหาจนเกิดการลงไม้ลงมือกันน่ะสิ!”
“อืม มีเหตุผล!”
เฉินเฟิงพยักหน้ารับพลางคิดว่าจียุ่นวิเคราะห์ได้ถูกต้อง
การเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ ทางคูเรียของวาติกันออกกฎไว้ว่าห้ามจอมยุทธ์มีเรื่องกันก่อนการแข่งขัน ถึงแม้กฎข้อนี้จะกำหนดมาแล้วแต่กลับไม่ได้มีความหมายในเชิงปฏิบัติมากนัก ต้องรู้ว่าการเตือนและความน่าเกรงขามมีนิยามไม่เหมือนกัน
“เห้พวก!” ศีลสามตบไหล่เฉินเฟิงพลางเอ่ย “ก่อนหน้านี้จียุ่นบอกฉันว่านายคือประเด็นร้อนของการแข่งขันในครั้งนี้ มีตัวตนในสายตาของทุกคนแต่ขณะเดียวกันก็เป็นการมีตัวตนแบบที่ไม่ซื่อสัตย์นัก!”
ศีลสามยังพูดไม่จบ จียุ่นก็ด่าว่าโง่อยู่ในใจ พูดเรื่องนี้ต่อหน้าเฉินเฟิงนั่นเท่ากับว่าศีลสามขายเขาอยู่น่ะสิ
เฉินเฟิงยิ้มเล็กน้อยโดยไม่ได้ใส่ใจ เป้าหมายในครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงจากการได้แชมป์แบบครั้งก่อน แต่เพื่อแก้แค้นให้กับเย่หนานเทียนและหาโอกาสกำจัดทายาทของศัตรูทีละคนๆ
มองจากมุมนี้เฉินเฟิงคือคนที่ไม่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง
“ฉันนึกขึ้นได้แล้ว การแข่งขันในครั้งนี้ทั่วทุกมุมโลกล้วนมีการลงเดิมพันเพื่อสร้างสีสันให้กับการแข่งขัน มีการคาดคะเนโอกาสชนะของผู้เข้าแข่งขัน นายอยู่ในลำดับที่สี่ ก่อนหน้านี้ที่นายยังไม่มาฉัน เทียนอิงและศีลสามกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่เลย!”
เมื่อรู้สึกบรรยากาศเริ่มอึดอัด จียุ่นก็เปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงดูดความสนใจ
“หืม? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? ไหนฉันดูหน่อย!” เฉินเฟิงเอ่ยอย่างสนใจ
จียุนหยิบมือถือออกมาก่อนจะยื่นให้กับเฉินเฟิง จากนั้นก็ชี้ตรงหน้าจอพลางเอ่ย “นายดูอันนี้สิ!”
อาเธอร์:ตำแหน่งหัวหน้าราชองครักษ์ เปอร์เซ็นเสีย 4.5
วิลเลียม:บุตรแห่งสภามืด เปอร์เซ็นเสีย 5.0
เติ้งนี:โพธิแห่งพระพุทธศาสนา เปอร์เซ็นเสีย 6.0
เฉินเฟิง:เทพรุ่นเยาวชนแห่งสหพันธ์บูโดประเทศหวา เปอร์เซ็นเสีย7.0
เฉินเฟิงจ้องหน้าจอตาไม่กระพริบ อาเธอร์แห่งวาติกัน วิลเลียมแห่งสภามืดและเติ้งนีแห่งพระพุทธศาสนาทั้งสามคนนี้ล้วนอยู่ในอันดับที่สูงกว่าเขา
คนที่อยู่ในอันดับต่ำกว่าเขามีมูเนียร์จากประเทศอเมริกา ฉายาเสือจากัวร์ มีข่าวลือว่าเขาคืออาวุธลับชิ้นหนึ่งของประเทศอเมริกาและจะเปิดตัวในการแข่งขันครั้งนี้
และถัดจากประเทศอเมริกาคือล็อกฟ์สะกีจากประเทศรัสเซีย ฉายาหมีขาว เป็นอาวุธลับของประเทศรัสเซียเช่นเดียวกันกับเสือจากัวร์แห่งประเทศอเมริกา
ส่วนอันดับที่เจ็ดถึงสิบ
คือจั่วจู้อัจฉริยะศิลปะการต่อสู้จากประเทศญี่ปุ่น
ชาร์ลีอัจฉริยะศิลปะการต่อสู้จากประเทศอังกฤษ
เฟร์ตีตโตอัจฉริยะศิลปะการต่อสู้จากประเทศอียิปต์
และปาข่าจากชนเผ่าอินเดีย เปอร์เซ็นเสียของพวกเขาคือ 10,1…, 15, 18ตามลำดับ
เฉินเฟิงทำความรู้จักกับสิบอันดับแรกอย่างคร่าวๆ จากนั้นก็ดูอันดับของเทียนอิง ศีลสามและจียุ่น เทียนอิงอยู่ในอันดับที่ยี่สิบหก จียุ่นอันดับที่สามสิบหกและศีลสามถูกจัดอยู่ในอันดับที่สี่สิบแปด
“กลุ่มอัจฉริยะอย่างนั้นหรือ? ไม่มีกลุ่มผู้แข็งแกร่งบ้างหรือไง?”
เฉินเฟิงอดที่จะเอ่ยปากถามออกมาไม่ได้
“อย่าพูดถึงเลย ตอนแรกการแข่งขันในครั้งนี้มีกลุ่มผู้แข็งแกร่งอยู่แต่ไม่รู้ว่าทำไมมหาปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งของแต่ละสำนักหรือแต่ละตระกูลถึงไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้จึงไม่มีผู้แข็งแกร่งซึ่งแทบจะไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน การแข่งขันในครั้งนี้จึงเป็นการแข่งขันที่ไม่มีกลุ่มผู้แข็งแกร่งซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก!”
แววตาของจียุ่นฉายแววครุ่นคิดพลางบอกข้อมูลที่ตนรู้ทั้งหมด
อย่างนี้นี่เอง!”
เฉินเฟิงครุ่นคิด การแข่งขันศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะการแข่งขันระดับโลกถือเป็นเรื่องที่โด่งดังเป็นอย่างมาก จุดประสงค์คือสืบทอดศิลปะการต่อสู้ ขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ในการแสดงศักยภาพด้านศิลปะการต่อสู้ของแต่ละประเทศ ทว่าคิดไม่ถึงว่าการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้จะยกเลิกกลุ่มผู้แข็งแกร่งไป
เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่แทบจะไม่เคยมีมาก่อน เฉินเฟิงก็นึกถึงเรื่องทั้งหมดของอู่จื่อโจวโดยไม่รู้ตัว จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังครุ่นคิด จียุ่นก็อดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ “รายการแสดงเปอร์เซ็นเสียฉบับนี้ได้มาจากบริษัทลอตเตอรีที่คาดคะเนความสามารถของจอมยุทธ์จากแต่ละประเทศอย่างคร่าวๆ แล้วนำมาคำนวณเปอร์เซ็นที่จะเสีย ได้ข่าวว่าพวกเขาคาดคะเนจากความสามารถแต่ฉันคิดว่านี่มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ!”
จียุ่นชะงักไปสักพักก่อนเอ่ยต่อ “ที่น่าโมโหที่สุดคือฉันถูกจัดอยู่ในอันดับที่สามสิบหก ฉันว่าบริษัทพวกนั้นคงตาบอดแล้วล่ะ!”
จียุ่นเอ่ยอย่างมีน้ำโห
“ไอ้หยา นี่เป็นแค่รายการแสดงผลเท่านั้นเอง นายเดือดร้อนอะไรกัน!”
ศีลสามเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ศีลสามถือเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ผ่อนคลายที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้แล้ว เขาไม่สนใจทั้งการจัดอันดับนี้และแชมป์ในการแข่งขัน เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก
ส่วนเทียนอิงนั้นตอนนี้กำลังขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจ ดูแล้วเขาคงมีปัญหากับรายการจัดอันดับนี้พอสมควร
เฉินเฟิงมองหน้าเทียนอิงแวบหนึ่ง เขาเข้าใจอีกฝ่ายได้ เทียนอิงเป็นคู่แข่งของตนมาโดยตลอด ตอนนี้เขาจัดอยู่อันดับสี่แต่เทียนอิงกลับอยู่ในอันดับยี่สิบหก จึงไม่แปลกที่เทียนอิงจะไม่พอใจ อีกอย่างเฉินเฟิงรู้ถึงความสามารถของเทียนอิงดี จากความสามารถของอีกฝ่ายสามารถเข้ามาอยู่ในสิบหกอันดับแรกได้อย่างสบายๆ
ส่วนรายการแสดงการจัดอันดับนี้ ไม่ได้มีแค่จียุ่นและเทียนอิงยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจ
ณ โรงแรมอีกแห่งหนึ่งที่จัดเตรียมไว้สำหรับจอมยุทธ์ มีเยาวชนคนหนึ่งที่มองผลการจัดอันดับด้วยความไม่พอใจ
“รายการจัดอันดับของบริษัทลอตเตอรีนี้หลับตาทำออกมาหรืออย่างไร? ฉันจะอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าเฉินเฟิงจากประเทศหวาได้ยังไง แถมเฉินเฟิงยังได้อยู่ในอันดับที่สี่อีก!”
เยาวชนคนนี้สวมชุดบูโดสีดำ ด้านหลังปักตัวอักษรไว้ว่า “หง”
และใช่เขาคือหงอี้ทายาทสายตรงของหงเทียนป้าเจ้าสำนักของสำนักหงเหมิน
สำหรับการฝึกฝนของหงอี้ เจ้าสำนักอย่างหงเทียนป้าทุ่มเทอย่างเต็มที่ เขาถ่ายทอดเทคนิคศิลปะการต่อสู้ให้กับหงอี้ด้วยตัวเอง อีกทั้งไม่ว่าจะฝนตกฟ้าร้องเขาก็อยู่ดูหงอี้ฝึกฝนมาโดยตลอด ที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อลบล้างความอัปยศที่ถูกเนรเทศออกจากวงการศิลปะการต่อสู้ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งยาพันธุกรรมอันล้ำค่าจากออกัสตัสเจ้าสำนักของสภามืด เพื่อทำให้หงอี้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งในขั้นหั้วจิ้งชั้นกลางได้ในระยะเวลาอันสั้น