ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 705
บทที่ 705 ความแค้น
เฉินเฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สายตาจากรอบข้างไม่ได้มีผลอะไรกับเขา ถึงแม้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะยิ่งใหญ่แต่ไม่อาจสั่นสะเทือนเฉินเฟิงได้ เฉินเฟิงที่เดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนทว่าสายตาเขากลับสอดส่องหาร่างของวิลเลียมอยู่ตลอดเวลา
เทียบกับในอดีตแล้ว ตอนนี้เฉินเฟิงรู้ข้อมูลของศัตรูพอสมควร แต่ก่อนตอนที่เย่หนานเทียนถูกรุมทำร้ายจนสุดท้ายต้องเสียขาทั้งสองข้าง ทั้งหมดนี้เขาจดจำได้อย่างขึ้นใจ
เฉินเฟิงกวาดสายตาไปทั่วอย่างแนบเนียน ดูเหมือนเขาไม่ได้ตั้งใจหากแต่ความจริงแล้วเขากำลังจดจำใบหน้าของทุกคน
เขาเจอหงอี้อยู่ท่ามกลางฝูงชนและยังเจอศัตรูอีกหลายคน ตอนนี้สายตาของคนพวกนั้นที่จับจ้องมายังเฉินเฟิงปรากฏความอาฆาตมาดร้ายอย่างชัดเจน
ท่ามกลางฝูงชน จั่วจู้อัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นสวมชุดกิโมโนสีขาว สวมรองเท้าเกี๊ยะ ดูโดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางกลุ่มคน ตอนนี้จั่วจู้ก็จับจ้องมาที่เฉินเฟิงด้วยสายตาอาฆาตเช่นเดียวกัน มุมปากของเขายกขึ้นจนปรากฏเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยการดูถูกราวกับเฉินเฟิงเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือของเขา
สำหรับความอาฆาตมาดร้ายของจั่วจู้และหงอี้เฉินเฟิงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เมื่อจดจำใบหน้าของพวกเขาแล้วก็กวาดสายตาผ่านไป กระทั่งไปเจอกับอาเธอร์ เฉินเฟิงจึงหรี่ตามอง
อาเธอร์หัวหน้าราชองครักษ์แห่งวาติกัน รูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายได้รูป เส้นผมสีบรอนด์ทอง สวมชุดเกราะสีขาว ในมือถือปืนยาว มองไกลๆก็สัมผัสได้ถึงการประกาศสงครามจากตัวอีกฝ่าย
เฉินเฟิงจึงนึกถึงข้อมูลที่บรรยายประวัติของอาเธอร์
เนื่องจากวาติกันเป็นศูนย์กลางการแข่งขันในครั้งนี้ ชื่อเสียงของอาเธอร์หัวหน้าราชองครักษ์ท่านนี้จึงโด่งดังพอๆกับเฉินเฟิง
ตอนแรกอาเธอร์ไม่ได้ใส่ใจและไม่ได้แสดงทีท่าอะไรเมื่อเจอเฉินเฟิง ทว่าเมื่อเขาเห็นสายตาของเฉินเฟิงที่จับจ้องมา สายตาของเขาก็ฉายแววประกาศสงคราม ราวกับดวงตาทั้งสองข้างมีกองไฟกำลังลุกโชน ถึงแม้จะมีระยะห่างที่ไกลกันแต่เฉินเฟิงก็สัมผัสได้
“อาเธอร์ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงในรุ่นเยาวชน!”
เมื่อเผชิญกับสายตาที่ประกาศสงครามอย่างชัดเจนของอาเธอร์ เฉินเฟิงก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไปแต่กลับกวาดสายตาผ่านไปราวกับไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
อาเธอร์เห็นดังนั้นคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากัน สีหน้าเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที
ในฐานะตัวเต็งของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ ความสามารถของเขาเป็นที่ยอมรับของหลายฝ่าย เรียกได้ว่าเขาเป็นตัวอย่างของวงการศิลปะการต่อสู้ในรุ่นเยาวชนเลยก็ว่าได้
ผลการประเมินนี้ เกียรติยศนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสูงส่งโดยจิตใต้สำนึกเมื่อเผชิญกับจอมยุทธ์คนอื่นๆ
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขายกระดับของตัวเองให้สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว อย่าว่าแต่ประชันฝีมือกับเขาเลยแค่ผู้เข้าแข่งขันที่เขากวาดสายตามองก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว ภายใต้ความรู้สึกแบบนี้คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงจะมองข้ามการมีอยู่ของเขาไปเลยซึ่งทำให้อาเธอร์กำปืนยาวในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
ด้านเฉินเฟิงไม่ได้คิดมากกับเรื่องทั้งหมดนี้ และยิ่งไม่ได้สนใจว่าการกระทำของตนจะทำให้อาเธอร์รู้สึกอย่างไร วินาทีนี้สายตาของเขาถูกดึงดูดโดยชายที่สวมชุดดำคนหนึ่ง
ชายคนนั้นรูปร่างไม่ได้สูงนัก เส้นผมสีดำ ผิวเหลือง สวมเสื้อกันลมสีดำ สวมหน้ากากผีบดบังใบหน้าที่แท้จริง สามารถเห็นเพียงแค่ดวงตาเรียวดุจเหยี่ยวที่โผล่ออกมาเท่านั้น
“วิลเลียม!”
เมื่อเห็นชายคนนี้เฉินเฟิงก็นึกถึงชื่อนี้ในทันที
ทั้งหมดนี้ล้วนพึ่งพาข้อมูลฉบับนั้นของสือโพ่จุน เมื่อสักครู่ที่เขากวาดสายตามองผู้คนก็เพราะตรวจเช็กใบหน้ากับข้อมูลฉบับนั้นทีละคนๆ เขาเช็กแล้วว่าทุกคนล้วนมีใบหน้าตรงตามข้อมูลที่เขาได้มา เว้นแต่……
ตอนนั้นในข้อมูลฉบับนั้นมีเพียงวิลเลียมคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีรูปถ่าย
บวกกับทุกคนในที่นี้ล้วนมีใบหน้าตรงตามข้อมูล เฉินเฟิงมองแวบเดียวจึงมั่นใจเลยว่าคนที่สวมหน้ากากผีตรงหน้านี้คือวิลเลียม หัวหน้าองค์กรนักฆ่า
เฉินเฟิงจับจ้องวิลเลียมและวิลเลียมเองก็กำลังสำรวจเฉินเฟิงเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงจับจ้องมา วิลเลียมก็หรี่ตาลงและเขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ส่งมาทางสายตา
“เป็นมันแน่ๆ!”
เฉินเฟิงเห็นแววตาเย็นยะเยือกของวิลเลียม เบื้องลึกในจิตใจก็มั่นใจตัวตนของอีกฝ่ายในทันที
ในอดีตวิลเลียมก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้และเป็นผู้จัดตั้งองค์การนักฆ่าขึ้นมา ความอาฆาตที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป ความอาฆาตนี้เกิดจากการแปดเปื้อนเลือดของคนมากมาย
เมื่อสัมผัสได้ว่าเฉินเฟิงรู้ตัวตนของตนเองแล้ว ความอาฆาตก็เข้มข้นมากกว่าเดิมราวกับกำลังประกาศสงครามกับเฉินเฟิง
“ในที่สุดฉันก็หาแกเจอ แค้นของศิษย์พี่ใกล้จะได้ชำระแล้ว!”
ความอาฆาตที่แผ่ออกมาจากตัวของเฉินเฟิงก็ไม่ได้น้อยไปกว่าวิลเลียม เป็นดังคำกล่าวที่ว่าเมื่อศัตรูมาพบกันต่างฝ่ายต่างยั่วโมโหกัน หากไม่ใช่เพราะการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เฉินเฟิงอยากพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายจัดการจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง
ทว่าเฉินเฟิงรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ หากทำแบบนั้นในการแข่งขันระดับโลกนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้แก้แค้นแถมยังทำลายชื่อเสียงของประเทศหวาอีกด้วย
เหตุผลในข้อนี้เฉินเฟิงไม่มีทางไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงสูดหายเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง เก็บความอาฆาตที่แผ่ซ่านออกมา เมื่อจิตใจสงบลงแล้วก็กลับไปยืนอยู่กับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ
ตรงหน้าคือเวที ตอนนี้บนเวทีมีคนยืนอยู่ห้าคน
คนที่ยืนอยู่ตรงกลางของห้าคนนั้นคือชายชราผมขาวคนหนึ่ง ถึงแม้อายุจะเยอะแล้วทว่ารัศมีของเขาไม่ได้ด้อยลงเลยแม้แต่น้อย
ชายชราคนนี้มีชื่อว่าโจ้ส์ เขาคือประธานองค์กรการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้ และเป็นพระสันตะปาปาของคูเรียวาติกัน
ด้านข้างทั้งสองด้านของโจ้ส์คือรองเลขาธิการของสหภาพยุโรป และยังมีตัวแทนของประเทศหวา ประเทศอเมริกาและประเทศรัสเซียอีกสามคน
คนที่เป็นตัวแทนของประเทศหวาที่อยู่บนเวทีคือท่านอาวุโสอู่หรืออู่จื่อโจวแห่งสหพันธ์บูโด
อู่จื่อโจวดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรฮัววู ขณะเดียวกันก็มีตำแหน่งอยู่ในสหภาพศิลปะการต่อสู้ระดับโลก เมื่อทั้งสองตำแหน่งรวมกันเรียกได้ว่าชื่อเสียงโด่งดังไปไกลจนทำให้เขาสามารถยืนอยู่บนเวทีนี้ได้
ตอนนี้เฉินเฟิงและผู้เข้าแข่งขันทุกคนในครั้งนี้ยืนอยู่ด้านล่างเวที โจ้ส์ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ฉับพลันทุกคนที่อยู่ในที่นี้ก็หยุดพูดคุยกัน ทำให้บรรยากาศเงียบสงบลงในทันที สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องอยู่ที่ชายชราผู้น่าเกรงขามคนนี้
“การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันนี้ นี่เป็นการแข่งขันที่คนทั่วโลกจับตามอง และวันนี้ก็เป็นวันที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองเช่นเดียวกัน!”
โจ้ส์ยืนอยู่บนเวทีพลางเอ่ยขึ้นด้วยพลังเสียงที่ดังกังวานจนก้องไปทั่วทุกมุมของสนาม เขาไม่ได้ใช้เครื่องขยายเสียงทว่าเสียงของเขาก็ดังพอที่ทุกคนในสนามได้ยิน
สิ่งที่โจ้ส์เอ่ยก็เป็นเพียงคำพูดเปิดงานตามพิธีเท่านั้น จากนั้นเขาก็กล่าวสรุปรวมถึงแนะนำภาระงานและความคิดเห็นของตำแหน่งประธานสหภาพศิลปะการต่อสู้ระดับโลกของตนตลอดสิบปีที่ผ่านมา
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกไม่เพียงแต่เป็นเวทีในการแสดงความสามารถของจอมยุทธ์ทั่วโลกเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นพิธีเปลี่ยนตำแหน่งประธานของสหภาพศิลปะการต่อสู้ระดับโลกด้วยเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่มีการจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกคือช่วงเวลาที่ประธานคนใหม่ขึ้นรับตำแหน่งด้วยเช่นกัน เมื่อการแข่งขันจบลงวาระของประธานคนก่อนหน้าก็สิ้นสุดลง