ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 713
บทที่ 713 จียุ่นยอมแพ้
เพียงแต่การแข่งขันยังไม่จบ เติ้งนีจึงเข้ามาประชิดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว โจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง จียุ่นรับไปเต็มๆ
“ปัง ปัง ปัง”
เสียงคำรามดังมาจากสนามแข่ง ทั้งสองคนต่อสู่กันไปมาอยู่อย่างเมามัน อารมณ์ของผู้ชมครึกครึ้นขึ้นมาทันที แต่ผ่านไปไม่นานจียุ่นก็รับการโจมตีจากเติ้งนีไม่ไหวแล้ว เติ้งนีโจมตีทั้งหนักทั้งรวดเร็ว เริ่มต้นจียุ่นยังหลบหลีกได้ จนสุดท้ายหลบไม่ทันแล้ว
“เอาล่ะ ไม่สู้แล้ว ผมยอมแพ้”
จียุ่นถอยหลังไปหลายก้าว แล้วรีบพูดขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลัวไม่ปลอดภัย จึงวิ่งไปพูดไปรอบๆสนาม
“หยุด การแข่งขันจบสิ้น”
จียุ่นยังพูดไม่หยุด กรรมการตัดสินก็กระโดดขึ้นมาในสนาม แล้วตะโกนสั่งให้หยุดการต่อสู้
“โยมจี ผมก็บอกแล้ว ว่าจะไม่ลงมือฆ่า ทำไมโยมต้องยอมแพ้”
สีหน้าเติ้งนีแสดงท่าทีบอกไม่ถูก ความตั้งใจในการต่อสู้เมื่อกี้ยังไม่หมดสิ้น เห็นทีการแข่งขันในครั้งนี้ ไม่สามารถทำให้เขาได้ใช้พลังที่แท้จริงของเขา
“ไอ้….”
ได้ยินคำพูดของเติ้งนี บวกกับท่าทีของอีกฝ่าย จียุ่นเกือบที่จะด่าออกมา การแข่งขันในครั้งนี้ เขาถูกโจมตีจนได้แต่ตั้งรับมาตั้งแต่เริ่มแรก ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย
“ด้วยเหตุที่จียุ่นยอมแพ้ การแข่งขันในครั้งนี้ เติ้งนีชนะ”
ณ ตอนนี้ กรรมการตัดสินก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อแล้ว จึงทำการประกาศการแข่งขันจบสิ้นลง เดิมตามกติกาแล้วจะต้องได้รับการยืนยันจากผู้แข่งขันอีกครั้ง บางทีกรรมการตัดสินอาจจะกลัวสภาพจิตใจของจียุ่นย่ำแย่
กลับมามองดูเติ้งนี ไม่มีรอยยิ้มจากที่ได้ชัยชนะเลย สีหน้าดูโศกเศร้า เหมือนเขาต่างหากที่พ่ายแพ้ เขายังไม่สะใจกับการแข่งขันต่อสู้กันเมื่อกี้ สำหรับเขาที่บ้าการต่อสู้ ถือเป็นเรื่องที่ทรมานมาก
แต่การแข่งขันจบสิ้นแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนจียุ่นกระโดดออกไปจากสนามแข่งอย่างไม่ลังเล
“ผมดูยังไง ก็ดูไม่ออกว่าเติ้งนีคนอินเดียคนนี้จะเก่งขนาดไหน รู้สึกเหมือนเขากับจียุ่นก็พอๆกันนะ”
“เฮ้อ เดิมคิดว่าเติ้งนีเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งทั้งสิบหกคน น่าจะมีอะไรพิเศษ แต่ดูแล้วเขาเทียบกับวิลเลียม อาเธอร์แล้วห่างไกลกันมาก แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมเขาถึงเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้ได้รับการแข่งขันในครั้งนี้อย่างล้นหลาม?”
การแข่งขันระหว่างจียุ่นกับเติ้งนีจบสิ้นแล้ว แต่การแข่งขันในครั้งนี้กลับได้รับการพูดถึงอย่างมาก พวกผู้ชมต่างก็พูดคุยกันอยู่อย่างกึกก้อง
แต่คนที่พูดคุยกันพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นแค่คนธรรมดา หรือพวกนักสู้ที่ค่อนข้างอ่อนหัด พวกเขาไม่ได้เห็นการแข่งขันการต่อสู้อย่างตื่นเต้น ดูจากภาพผิวเผิน ก็ตัดสินว่าเติ้งนีไม่มีความสามารถ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีประสบการณ์ ไม่เข้าใจวงการศิลปะการต่อสู้
“พวกคนไร้ปัญญา เติ้งนีไม่ใช่คนธรรมดา”
“ใช่ ความสามารถของเติ้งนีเหนือกว่าจียุ่นอย่างมาก แต่เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างสนุก เขาพยายามควบคุมกำลังของตนเองให้อยู่ในระดับเดียวกับจียุ่น ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังสามารถเอาชนะอีกฝ่าย ต้องรู้ว่าการพยายามควบคุมพลังของตนเอง เป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน จากตรงนี้แสดงให้รู้ว่า พลังความสามารถของเติ้งนีน่ากลัวแค่ไหน” ไม่เหมือนกับพวกคนธรรมดาพวกนั้น คนพวกนี้ล้วนเป็นผู้ถูกคัดเลือกเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งหรือวิสัยทัศน์ต่างก็ไม่ธรรมดา ต่างก็กำลังพูดคุยกันถึงความสามารถของเติ้งนี
“การแข่งขันเพิ่งดำเนินไปไม่นาน อาเธอร์ วิลเลียม เติ้งนี ผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนต่างก็แสดงฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วคนที่สี่เฉินเฟิงจะเป็นอย่างไรล่ะ?”
เหมือนผู้ชมต่างก็รู้แล้วว่าการแข่งขันคู่ต่อไปคือใคร ตอนนี้สายตาทุกคนต่างก็หันมามองเฉินเฟิง รอคอยดูว่าเฉินเฟิงจะมีความสามารถขนาดไหน เทียบกับผู้แข็งแกร่งหลายคนก่อนหน้านี้แล้วจะเป็นอย่างไร?
การแข่งขันครั้งต่อไป เฉินเฟิงกำลังจะขึ้นสู่สนามแข่งขัน
แต่การแข่งขันดำเนินไปแล้วแปดครั้ง ตามกฎแล้วจะต้องมีเวลาพักสองชั่วโมง
การแข่งขันหยุดพักชั่วคราว นักศิลปะการต่อสู้ของแต่ละประเทศ ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน หรือนักศิลปะการต่อสู้ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงจำนวนหนึ่ง ต่างก็พากันเดินทางไปยังร้านอาหารวาติกัน ร้านอาหารที่นั่นมีไว้ต้อนรับนักศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะ ส่วนบุคคลอื่น นักศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง หรือผู้ชมที่เป็นบุคคลธรรมดาให้รับประทานอาหารอยู่ที่ห้องอาหารใกล้ๆสนามแข่ง
เดิมในกวงหมิงพลาซ่าไม่มีร้านอาหาร ได้สร้างขึ้นมาเป็นการชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกในการแข่งขันในครั้งนี้ อย่างแรกเพื่อความสะดวกสบายสำหรับผู้ชม อย่างที่สองก็เพื่อเพิ่มรายได้บางส่วนให้กับวาติกัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากสองชั่วโมง การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น เพียงแต่ผู้ชมในตอนนี้ค่อนข้างน้อยกว่าในช่วงเช้า
เหตุผลหนึ่งก็คือการแข่งขันในช่วงเช้า ผู้แข็งแกร่งทั้งสิบหกคน ผู้แข่งขันยอดนิยมอย่างเช่นอาเธอร์ วิลเลียม เติ้งนี และเสือจากัวร์ ได้แข่งขันไปแล้ว ช่วงบ่ายนอกจากคนที่มีจำกัดอยู่หลายคนแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าดู
ตอนที่พักอยู่ เฉินเฟิงไม่ได้พัก เขาเฝ้าดูการต่อสู้ ศึกษาความสามารถของผู้แข่งขันทั้งหมด รวมถึงกระบวนท่าประจำของพวกเขา รองรับได้เป็นร้อยกระบวนท่า
เฉินเฟิงไม่ใช่ตัวคนเดียว ข้างกายเขายังมีเทียนอิง ศีลสาม และจียุ่นอยู่ด้วย การมาวาติกันในครั้งนี้ พวกเขาต่างก็เห็นเฉินเฟิงเป็นผู้นำ
การแข่งขันในรอบบ่ายไม่แตกต่างอะไรกับในรอบเช้า ผู้แข็งแกร่งที่ถูกคัดเลือกออกมาก่อนทั้งสิบหกคน ได้รับเลือกให้ได้ลงแข่งขันอย่างง่ายดาย และผู้ลงแข่งตัวสำรองเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อยู่ห่างไกลในรอบแรก เทียนอิงก็เป็นเช่นนี้ เอาชนะผู้แข่งขันคนหนึ่งของประเทศหนึ่งในยุโรปอย่างไม่เปลืองแรง เข้าสู่การแข่งขันในรอบสอง ถึงแม้ยังไงเทียนอิงก็สู้เฉินเฟิงไม่ได้ แต่พลังความสามารถของเขาก็จะดูถูกไม่ได้
เทียบกับเทียนอิงแล้ว การแข่งขันของศีลสามกลับไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นกลับค่อนข้างลำบาก ในระหว่างการแข่งขันเขาเจอกับผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบรอบ สุดท้ายศีลสามก็ยังคงเป็นผู้ชนะการแข่งขัน แต่ก็ค่อนข้างเหนื่อยหน่อย
“เฮ้ย ศีลสาม คุณไม่สนใจในการแข่งขันไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังตั้งใจขนาดนี้ ยังชนะการแข่งขันอีก?”
เห็นศีลสามเดินลงมาจากการแข่งขัน แล้วเดินมายังด้านผู้ชม จียุ่นถามขึ้นอย่างอดทนไม่ไหว
ยังไงครั้งนี้พวกเขาก็มาด้วยกันสี่คน เทียนอิงได้รับชัยชนะแล้ว เฉินเฟิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ศีลสามก็ยังชนะการแข่งขัน มีเพียงเขาคนเดียวที่แพ้ และยังแพ้อย่างค่อนข้างอนาถ
“ฮ่าๆ ถึงเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็มาในฐานะพระพุทธศาสนาของประเทศหวา หากพ่ายแพ้ กลับไปพระภิกษุจะต้องไม่ปล่อยผมไว้แน่” ศีลสามหัวเราะพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
จียุ่นกลอกตามองบน แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
เฉินเฟิงกลับแสดงสีหน้ายิ้มอย่างขมขื่น หากจะพูดถึงคนที่มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้ที่สูงที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คน ก็คือศีลสามอย่างไม่ต้องสงสัย ศีลสามไม่เพียงมีความรอบรู้สูง ยังมีความละเอียดรอบคอบและในการศึกษาศิลปะการต่อสู้ แต่เขาไม่ชอบเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้
หากศีลสามศึกษาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจัง แบบนั้นความสำเร็จของเขาก็จะมีมากมายจนไม่สามารถคาดเดาได้ อยู่ที่อัจฉริยะแบบนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความสามารถ แต่เป็นการที่คุณไม่มีทางรู้ว่าความสามารถของเขาอยู่ในระดับไหน ไม่แน่ว่าช่วงเวลาต่อไปเขาจะสามารถทะลุทะลวงไปได้ จนกลายเป็นปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้
ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความสามารถของศีลสามในตอนนี้ก็ไม่ด้อย ในวงการนักศิลปะการต่อสู้รุ่นเยาว์ยังคงมีที่ยืนของเขาอยู่อย่างแน่นอน
จากการแข่งขันของศีลสามจบสิ้นแล้ว กลุ่มที่สิบห้าก็ดำเนินการแข่งขันไปสองรอบ หลังจากการแข่งขันทั้งสองรอบจบสิ้น การแข่งขันของกลุ่มที่สิบห้าก็มาถึงช่วงสุดท้าย ลำดับต่อมาก็จะเป็นของกลุ่มที่สิบหก รอบแรกกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้แข่งขันทั้งสองคนคือรอน ชาย์เฟร์ แข่งขันต่อสู้กับหลี่ชางซี