ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 746
บทที่ 746 เรียกความมั่นใจกลับคืน
พรึ่บ!!!
เฉินเฟิงหลบหลีกท่าไม้ตายนี้ได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะขยับถอยหลังหลายก้าว ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนจึงเพิ่มขึ้น จั่วจู้เบิกตากว้างก่อนจะเข้าประชิดตัวอีกครั้ง
ตอนนี้ทั้งสองคนเพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุดจนเหล่าผู้ชมเห็นผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนไม่ชัดเจน เรียกว่าได้ว่าไม่เห็นร่างของพวกเขาเลยก็ว่าได้
ในที่นี้มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมองเห็น จอมยุทธ์ในระดับเดียวกันก็มองไม่เห็นแม้แต่จอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งชั้นกลางที่ด้อยกว่าเล็กน้อยก็มองไม่เห็น มีเพียงวิลเลียม อาเธอร์และพวกเติ้งนีเท่านั้นที่มองเห็นร่างของเฉินเฟิงและจั่วจู้อย่างชัดเจน
ส่วนผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างจีอู๋ฉางนั้นตอนนี้เห็นทั้งสองคนประชันฝีมือกันอย่างดุเดือด
จีอู๋ฉางเห็นเฉินเฟิงหลบหลีกการโจมตีหลายต่อหลายครั้ง เขาจึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “โชคดีที่เฉินเฟิงเจ้าเด็กคนนี้โลดแล่นข้างนอกมาพอสมควรถึงมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายแบบนี้ ไม่อย่างนั้นสงครามในครั้งนี้คงหมดหวังแล้วล่ะ!”
“อื้ม ไม่เลว ฉันคิดว่าตอนนี้เฉินเฟิงตั้งใจถ่วงเวลาจนกว่าพละกำลังและพลังภายในของไอ้ญี่ปุ่นจะกลับมาเป็นปกติ นั่นคือโอกาสที่เขาจะลงมือ!”
ชางโป๋ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเสริม ส่วนด้านปรมาจารย์ฟางเจิ้งนั้นไม่ได้แสดงความเห็นทว่าพยักหน้ายิ้มๆ
จีอู๋ฉาง ชางโป๋และปรมาจารย์ฟางเจิ้งล้วนดูสถานการณ์ในสนามออก กงปุ่นเหย่อู่ก็มองออกเพราะถือเป็นผู้แข็งแกร่งในรุ่นเดียวกันกับพวกเขา
กงปุ่นเหย่อู่รู้สึกร้อนรน เนื่องจากตอนนี้ดูไม่มีโอกาสที่จะชนะแล้ว เพราะว่าเขารู้ดีว่าเวลากำลังผ่านไปเรื่อยๆทว่าจั่วจู้ยังฆ่าเฉินเฟิงไม่ได้ หากฤทธิ์ยาพันธุกรรมของจั่วจู้หมดลง เช่นนั้นจั่วจู้ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
กงปุ่นเหย่อู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทว่าถึงแม้เขาจะร้อนรนขนาดไหนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ
ด้านอู่จื่อโจวกลับสบายใจมากขึ้น จากความสามารถของเขาแน่นอนว่าเขารู้ว่าเฉินเฟิงกำลังวางแผนอะไรอยู่ ถึงแม้เฉินเฟิงจะหลบหลีกทุกครั้ง ทว่าจั่วจู้นั้นเสียพลังงานมากกว่าเฉินเฟิงแน่นอน
อีกทั้งการถ่วงเวลานี้ทำให้จั่วจู้โมโหมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคุมสติไม่อยู่แล้วซึ่งเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเฉินเฟิงมาก
“ฝ่าบาท สถานการณ์เป็นอย่างไร?”
ธิดาเทพทิฟฟานี่อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้เธอจะได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ทว่าเธอก็เพิ่งเข้าสู้ขั้นหั้วจิ้งชั้นกลางมาได้ไม่นาน ประสบการณ์ยังไม่พอและความสามารถก็ไม่ได้ต่างจากจอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งชั้นกลางทั่วไปมากนัก
“อืม ตอนนี้เฉินเฟิงเริ่มได้เปรียบแล้ว ยิ่งถ่วงเวลามากเท่าไหร่เฉินเฟิงยิ่งได้เปรียบเท่านั้น ดูจากภาพรวมในตอนนี้ผู้ชนะในการแข่งขันในครั้งนี้แปดส่วนคือเฉินเฟิง!” พระสันตะปาปาตอบกลับธิดาเทพทิฟฟานี่พร้อมรอยยิ้ม
“เป็นเช่นนั้นก็ดี!”
ถึงแม้ธิดาเทพทิฟฟานี่จะไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา ทว่ากลับผุดขึ้นมาในใจ ตอนนี้ความเคร่งเครียดก่อนหน้านี้มลายหายไปแล้ว ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะจับจ้องในสนามอีกครั้ง
“ไอ้สารเลว ไอ้สวะ แกคิดว่าแกเป็นใคร หรือแกจะเอาแต่หลบอยู่ในรูเหมือนหนู?”
“ไม่เสียแรงที่เป็นคนชาติเดียวกัน แต่ละคนนั้นขี้ขลาด โง่เขลา ไม่กล้าเผชิญหน้า!”
ไม่ผิดจากที่อู่จื่อโจวคาดคิดไว้ ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จั่วจู้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายตะโกนด่าพลางโจมตีไปด้วย ทว่าในตอนนี้พลังในการโจมตีของเขาแผ่วลงเรื่อยๆ ความกดดันที่มีต่อเฉินเฟิงจึงน้อยลงด้วยเช่นกัน
“หึ หลอกตัวเอง หากไม่ใช่เพราะนายฉีดยาพันธุกรรมเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ล่ะก็ ตอนนี้นายตายไปแล้ว!”
เฉินเฟิงเผยยิ้มเยือกเย็นก่อนเอ่ยเยาะเย้ย “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นนายจะทำอะไรฉันได้? เดี๋ยวยาหมดฤทธิ์ฉันก็ฆ่านายอยู่ดี!”
“ไอ้สวะ ตายซะเถอะ!”
คำพูดของเฉินเฟิงเป็นดั่งมีดที่ทิ่มแทงจิตใจแล้วจั่วจู้จะรับได้อย่างไร เขาจึงคำรามออกมา ความเร็วของเขาทะยานขึ้นในพริบตาแล้วพุ่งเข้าไปหาเฉินเฟิงก่อนที่ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นจะถูกใช้อีกครั้ง
ไม่ต่างจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มากนัก ดาบของจั่วจู้วาดผ่านแผ่นหลังของเฉิงเฟิงไปอย่างฉิวเฉียด และก็เพราะความฉิวเฉียดนี้ทำให้อารมณ์ของจั่วจู้ปะทุแรงขึ้นเรื่อยๆ
“แค่นี้หรือ?”
เฉินเฟิงตะโกนขึ้นมาราวกับเสียงฟ้าคำราม จากนั้นเขาก็หมุนตัวดึงหมัดขวากลับดั่งปืนยาว กระบวนท่านี้คือจุดตายของท่าหักแม่น้ำ
จั่วจู้เพิ่งใช้ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นไปพละกำลังของเขาจึงถดถอยไปพอสมควร แล้วเฉินเฟิงจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร ฉับพลันเฉินเฟิงก็ลงมือ
เมื่อเห็นเขาลงมือ คนที่ดูอยู่อย่างอู่จื่อโจว ชางโป๋ ปรมาจารย์ฟางเจิ้งหรือแม้แต่ตัวกงปุ่นเหย่อู่เองล้วนคิดไม่ถึง เฉินเฟิงลงมือตอบโต้อย่างฉับพลันพวกเขายังคิดไม่ถึง จั่วจู้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
พละกำลังของจั่วจู้ตามไม่ทัน พลังภายในก็ไม่พอ เมื่อเห็นเฉินเฟิงโจมตีกลับก็ไม่มีโอกาสหลบหลีก เขาจึงใช้สัญชาตญาณโดยการแยกมือทั้งสองข้างออกเป็นแนวนอนหน้าทรวงอก ราวกับเป็นโล่ป้องกันหมัดของเฉินเฟิง
ฉับพลันหมัดและฝ่ามือก็ปะทะกัน พลังภายในของเฉินเฟิงเป็นดั่งคลื่นน้ำขนาดใหญ่ไหลไปพร้อมกับหมัดแล้วพุ่งไปทางจั่วจู้
จั่วจู้รู้สึกเพียงว่ามีพลังแข็งแกร่งดั่งคลื่นน้ำพุ่งเข้ามา ร่างของเขาต้านไม่ไหวจนขยับถอยหลังหลายก้าว พื้นกลายหลุมตามการก้าวเดินของเขาซึ่งนี่คือผลที่เกิดจากแรงต้าน เห็นได้ว่าพลังของเฉินเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน
ตอนนี้จั่วจู้รู้สึกตกตะลึง เขาได้ใช้ยาพันธุกรรมในการเพิ่มพลังการต่อสู้ทว่าเนื่องจากเสียเวลานานเกินไปจึงไม่ได้อยู่ในสภาวะสูงสุดแล้ว
นี่ยังไม่ใช่เรื่องหลัก ตอนนี้พลังภายในของจั่วจู้กำลังลดลงเรื่อยๆซึ่งเรื่องนี้ต่างหากที่ทำให้เขาใจเสีย
“ไอ้ผีญี่ปุ่น รู้ตัวได้แล้ว!”
เฉินเฟิงคำรามเสียงดัง ฉับพลันเสียงคำรามของเขาก็ปกคลุมเสียงทั้งสนาม ผู้ชมหรือจอมยุทธ์ที่อยู่ค่อนข้างใกล้เวทีตอนนี้หูอื้ออึงไปหมดแล้ว บางคนที่ขี้ตกใจหน่อยถึงขั้นเป็นลมหมดสติเพราะเสียงคำรามของเฉินเฟิง
ตอนนี้เวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ ทุกคนในสนามล้วนสัมผัสได้ถึงความโกรธที่แฝงอยู่ในเสียงคำราม
ใช่แล้วล่ะ เฉินเฟิงโกรธแล้วโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับเขา และเพราะเหตุนี้ทำให้เฉินเฟิงคลุ้มคลั่งอย่างในตอนนี้
เย่หนานเทียนผู้เป็นอาจารย์ของเฉินเฟิงเคยบอกว่าบทที่ออกัสตัสและผู้แข็งแกร่งหลายคนรุมโจมตีเขาก็เพราะว่าอิทธิพลของรัฐบาลประเทศหนึ่งแพร่งพรายข้อมูล สุดท้ายทำให้เย่หนานเทียนต้องเสียขาทั้งสองข้าง
ทว่าท่ามกลางมืออาชีพที่รุมโจมตีเย่หนานเทียนในตอนนั้นดันไม่มีจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นอยู่ด้วย แล้วคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่หาตัวจับยากอย่างจั่วจู้ได้กลับฉีดยาพันธุกรรม
ทั้งนั้นทั้งนี้หากไม่ใช่คนที่โง่เขลาเกินไปคงเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆแล้ว และก็เพราะเฉินเฟิงเข้าใจแล้วเขาจึงเกลียดแค้นรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นถึงที่สุด
ทว่าเฉินเฟิงรู้ว่านี่คือการแข่งขัน ไม่ควรใช้อารมณ์เป็นหลัก เรื่องทั้งหมดรอจบการแข่งขันค่อยว่ากันอีกที
การแข่งขันรอบที่แล้วเป็นการดวลกันระหว่างจั่วจู้และเทียนอิง ผลสุดท้ายเทียนอิงขาหักไปข้างหนึ่งอีกทั้งจั่วจู้เห็นดังนั้นยังเอ่ยเยาะเย้ยอย่างสะใจ คำพูดเหล่านั้นล้วนเป็นการดูถูกประเทศหวาซึ่งทำให้เฉินเฟิงโมโหมากจนแทบจะฆ่าจั่วจู้ให้ตายเดี๋ยวนี้เลย
ทว่าเฉินเฟิงยังคงมีสติอยู่ หากเฉินเฟิงฆ่าจั่วจู้ในตอนนี้ เช่นนั้นเทียนอิงก็จะไม่ได้ฆ่าศัตรูด้วยน้ำมือของตัวเอง
เฉินเฟิงเก็บจั่วจู้ไว้ให้เทียนอิงก็เพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเทียนอิงและเรียกความมั่นใจกลับคืนมา