ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 766
บทที่766 ผู้ชายมีน้ำตา
อาเธอร์ในฐานะผู้นำราชองครักษ์ มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่วันนี้เมื่อการแข่งขันจบลง ทุกอย่างก็จบลง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อาเธอร์ถึงจะเดินออกมาจากเงามืดของการแข่งขันนี้ได้ บางทีไม่กี่วัน บางทีอาจหลายปีหรือตลอดชีวิตก็ไม่มีทางเดินออกมาได้
“มันเหลือเชื่อมากจริงๆ!”
โมดริชเลขาธิการองค์การศิลปะป้องกันตัวระดับโลกจนกระทั่งจบการแข่งขัน ยังดึงสติคืนจากฉากเมื่อกี้นี้ไม่ได้ จากที่เขาพูดการแข่งขันนี้เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ
“เลขาธิการ คุณยังไม่รู้หรือว่า เฉินเฟิงของประเทศหวาคนนี้เก่งในการพลิกแพลงสถานการณ์ในความทุกข์ยาก สร้างเรื่องราวปาฏิหาริย์ และนี่ก็เป็นเรื่องจริง!”
ทิฟฟานี่ธิดาแห่งพรรคที่อยู่ด้านข้างปัดท่าทีที่กังวลออกไป และอธิบายให้เลขาธิการโมดริชด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เมื่อกี้นี้ตอนที่เฉินเฟิงตกอยู่ในสถานะถูกกระทำ ทิฟฟานี่ธิดาแห่งพรรครู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าเฉินเฟิงจะพ่ายแพ้การแข่งขันโดยไม่ได้ตั้งใจ การพ่ายแพ้ก็ถือเป็นรอง ด้วยคนอย่างอาเธอร์แล้ว ไม่มีทางปล่อยเฉินเฟิงไปง่ายๆแน่
“เฉินเฟิงประเทศหวา ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ การแข่งขันครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก!”
พระสันตะปาปาโจ้ส์พูดกับอู่จื่อโจวที่อยู่อีกด้าน ในคำพูดนั้นเต็มไปคำชื่นชมเฉินเฟิง
แม้ว่าอาเธอร์จะเป็นพาลาดินแห่งคูเรีย สูญเสียอาเธอร์ไปก็เสียดายอยู่บ้าง แต่ได้ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างเฉินเฟิงมามันก็มีผลดีสำหรับพระสันตะปาปาโจ้ส์เป็นอย่างยิ่ง
โจ้ส์แค่คิดว่าถ้าเฉินเฟิงผ่านชั้นกลางไป ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหน นี่เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับแผนการในอนาคตของโจ้ส์
เมื่อเทียบกับคนที่แข็งแกร่งอย่างอาเธอร์ โจ้ส์ให้ความสำคัญกับผู้กล้าหาญอย่างเฉินเฟิงมากกว่า ความน่ากลัวของผู้กล้าหาญก็อยู่ที่ คุณจะไม่มีทางรู้ว่าเขาจะไปถึงระดับไหนในช่วงเวลาต่อไป และจะได้รับพลังที่น่ากลัวแบบไหน
เดิมทีเฉินเฟิงอยู่ในการแข่งขันนี้ไม่ได้โดดเด่น แต่เมื่อเข้าสู่การแข่งขัน เอาชนะหลี่ชางซี รอน หงหยี้ และจั่วจู้ก็ยกระดับชื่อเสียงของตัวเองไปตลอดทาง ตอนนี้ก็เอาชนะอาเธอร์พาลาดินของคูเรีย เรียกได้ว่ายืนอยู่ในช่วงเวลาที่สูงสุดภายในพริบตาเดียว
“อ๋อ เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจริงๆ!”
อู่จื่อโจวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ในใจรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เพราะเฉินเฟิงเป็นจอมยุทธ์ของประเทศหวา
ต้องรู้ว่าสำหรับจอมยุทธ์ที่ต้องการฆ่าผู้บ่มเพาะพลังที่สูงกว่าตัวเองหนึ่งระดับนั้น นี่เป็นเรื่องยากมาก นี่ไม่ใช่เพียงแค่ขุมกำลังเท่านั้น
แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความก้าวกระโดด ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฉินเฟิง
เฉินเฟิงก้าวเข้าสู่หมวดหั้วจิ้งตั้งแต่อายุน้อยๆ กลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง และสร้างศิลปะการต่อสู้ของตัวเอง แม้ว่าศิลปะการต่อสู้นี้จะไม่สมบูรณ์ มีเพียงแค่สามท่วงท่า แต่คนที่อายุน้อยสามารถทำถึงขั้นนี้ได้ไม่กล้าพูดว่าไม่มีเลย พูดได้เพียงว่ามีน้อยมาก
โดยเฉพาะทะลุฟ้าท่วงท่าสุดท้าย ท่วงท่านี้รู้สึกว่าทะลุฟ้าดินจริงๆ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างอู่จื่อโจวก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม ในเวลาเดียวกันก็ตะลึงมากเช่นกัน
การแข่งขันวันนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นการแข่งขันต่อเนื่องกันไปเป็นระลอก อู่จื่อโจวเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย หลังจากดูเฉินเฟิงในตอนนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่หนานเทียน
แต่เดิมเย่หนานเทียนก็พิการอยู่แล้ว แต่เขามาในวันนี้ก็เพื่อศิษย์น้องของตัวเอง ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้กล้าหาญในศิลปะการต่อสู้ ผู้ชายที่อนาคตอาจกลายเป็นผู้นำคนแรกของศิลปะการต่อสู้ระดับโลกถูกยอดฝีมือหลายคนรุมโจมตี สุดท้ายพิการ
วันนี้ภายใต้เกิดกว่าที่คาดหวัง เย่หนานเทียนจับวีลแชร์ค่อยๆลุกขึ้นยืน ขณะนี้เขาเหมือนย้อนกลับไปปีนั้น เฉินเฟิงใช้การกระทำของตัวเอง พิสูจน์แทนเขาต่อหน้าทุกคน ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งศิลปะระดับโลก กู้หน้าเย่หนานเทียนในปีนั้นคืนมาแล้ว
“เฉินเฟิงประเทศหวา…..”
“เฉินเฟิง…..”
“เฉินเฟิง……”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ผู้คนทุกคนในบริเวณผู้ชมต่างตะโกนเสียงพร้อมเพรียงกันขึ้นมา เสียงของพวกเขาประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน บดบังเสียงทั้งหมดก็ภายในพริบตา
ดวงอาทิตย์ตกดิน เฉินเฟิงสองมือประสานคำนับเพื่อตอบสนองต่อผู้ชมรอบข้าง จากนั้นก็หันออกจากที่สนามแข่งขัน วิ่งไปทางเย่หนานเทียน
เฉินเฟิงรู้สึกตื่นเต้นในใจไม่แพ้กัน ในตอนนี้เขาเหมือนเด็กที่ทำความดี ต้องการบอกให้ผู้อาวุโสรับรู้อย่างเร่งด่วน และยังอยากได้รับคำชมจากผู้อาวุโสด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องเฉินเฟิง สุดยอดมาก!”หลังจากที่เฉินเฟิงมาถึง จียุ่นก็อดไม่ได้ที่จะกอดเฉินเฟิง ในคำพูดเต็มไปด้วยคำชื่นชมของเฉินเฟิง
“เฉินเฟิง เยี่ยมมาก!”
แม้ว่าเทียนจะพูดน้อย แต่เคารพยำเกรงต่อเฉินเฟิงอย่างเห็นได้ชัดเจน ในความคิดของเขาการต่อสู้หลายครั้งของเฉินเฟิงไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อประเทศหวา และเพื่อส่งเสริมศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวา ดีมากเป็นอย่างยิ่ง
เฉินเฟิงยิ้มและพยักหน้า คนที่อยู่รอบข้างอาจารย์ฟางเจิ้ง ชางโป๋ จียุ่นและหลายท่านสองมือประสานคำนับทักทาย
เพราะอาจารย์ฟางเจิ้งและจีอู๋ฉาง ชางโป๋คนอื่นๆรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะคุยกันถึงเรื่องในอดีต พวกเขาต้องการที่จะเก็บเวลาที่เหลืออยู่ให้กับศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้ ดังนั้นเมื่อเฉินเฟิงทักทายพวกเขา พวกเขาก็แค่ยิ้มและพยักหน้าตอบรับ
แต่เดิมคิดว่าเย่หนานเทียนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเฉินเฟิงมาถึง เย่หนานเทียนก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย แต่มองไปที่เฉินเฟิงด้วยความพึงพอใจ
“ศิษย์พี่ การแข่งขันหลายครั้งก่อนหน้านั้นเป็นเพียงบทเรียนสำหรับศัตรูเหล่านั้น คราวนี้พี่มา ฉันไม่ได้ทำให้พี่ขายหน้าใช่มั้ย!”
เฉินเฟิงดูตื่นเต้น เย่หนานเทียนมองการแข่งขันของเขาออก เฉินเฟิงก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ประหม่าเพราะกลัวว่าเย่หนานเทียนจะขายหน้า
“ฮ่าๆ เสี่ยวเฟิงนายคือความภาคภูมิใจของฉัน การแข่งขันครั้งนี้สุดยอดมาก!”
เย่หนานเทียนยิ้ม และมองไปที่ผมยุ่งเหยินใบหน้าแปดเปื้อนฝุ่นของเฉินเฟิงด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ ขณะที่เขาพูดเย่หนานเทียนมีความสุขเป็นอย่างมาก และภาคภูมิใจมากๆ
เฉินเฟิงยิ้มและเกาหัว หลังจากได้รับคำชมจากเย่หนานเทียน จะเห็นได้ว่าเขาเขินเล็กน้อย จากนั้นก็ข้ามฝูงชนเคลื่อนตัวไปข้างหลังเย่หนานเทียนและเข็นรถวีลแชร์ออกไป
อาจารย์ฟางเจิ้ง จีอู๋ฉาง ชางโป๋ จียุ่น เทียนอิงและคนอื่นๆก็เดินไปยังทางที่ห่างไกลด้วยรอยยิ้ม
เสียงเชียร์ของผู้ชมยังคงดำเนินต่อไป และดูพวกเขาจากไป
เฉินเฟิงเข็นเย่หนานเทียนไปที่บนอัฒจันทร์ด้านนอก มองดูหงเทียนป้าบนอัฒจันทร์ กงปุ่นเหย่อู่จากญี่ปุ่น และโซโลจ้องไปที่เฉินเฟิงอาจารย์ลูกศิษย์ทั้งสองด้วยแววตาไม่ดี ดวงตาของพวกเขาราวกับแทบลุกเป็นไฟ ดูเหมือนว่าพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะรีบพุ่งไปฉีกเฉินเฟิงสองศิษย์พี่ศิษย์น้องเป็นชิ้นๆ
บางทีอาจสังเกตเห็นแววตาของคนไม่กี่คน เฉินเฟิงเข็นเย่หนานเทียนอยู่ก็หยุดลงมา เฉินเฟิงหันมองไป ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต
เมื่อตอนที่มองไปที่คนเหล่านี้ หงเทียนป้า กงปุ่นเหย่อู่และโซโลสามคนก็สังเกตเห็นถึงความอาฆาตของเฉินเฟิง
“ครั้งนี้การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ผู้สืบทอดของพวกนาย เป็นเพียงแค่ดอกเบี้ยเท่านั้นเอง ในไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้พวกนายคนที่รุมโจมตีศิษย์พี่ฉันในตอนนั้นต้องชดใช้!”
เฉินเฟิงไม่สนใจคำพูดแม้แต่น้อย ในขณะนี้กล่าวกับทั้งสามคนอย่างไม่เกรงใจ
เมื่อคำพูดของเฉินเฟิงดังออกมา หงเทียนป้า กงปุ่นเหย่อู่และโซโลความอาฆาตของทั้งสามก็ปรากฏทันที
เย่หนานเทียนนั่งอยู่บนรถเข็น เขาสามารถสังเกตได้ถึงความอาฆาตของทั้งสาม ในขณะนี้เขาหายใจเข้าลึกๆ และมองไปในระยะไกล พร้อมกับน้ำตาที่ไหลผ่านดวงตา
ถึงแม้ว่าผู้ชายจะไม่เสียน้ำตาง่ายๆ จนกว่าจะมีเรื่องที่เสียใจจริงๆ
ผู้สูงส่งในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้คนนี้ ในตอนนั้นสูงส่งมาก ทุกคนที่เห็นเขาอดไม่ได้ที่รู้สึกว่าต่ำต้อยกว่า เมื่อตอนที่เขาเจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์ ถูกหลายคนรุมโจมตีจนทำให้พิการ ในตอนนั้นเขาไม่ได้ร้องไห้ เขาหล่นมาจากแท่นบูชา ก็ไม่ได้ร้องไห้ แต่วันนี้เขาหลั่งน้ำตา นี่เป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม นี่เป็นน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ