ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 77
บทที่ 77 คนตระกูลไป๋มา
เมื่อเห็นแม่ลูกซุนกุ้ยฟางไม่เอาแม้แต่เงิน ก็ทำเหมือนจะ หนีออกไปแล้ว
หลินหลันในเวลานั้นมึนงงไปหมด คนไร้ประโยชน์คนนั้น น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆหรอ?
เก่งกว่าเสิ่นจุนเหวิน?
หลินหลันส่ายหน้ารู้สึกว่าซุนกุ้ยฟางคงจะถูกเสิ่นจุนเห วินทำให้ตกใจจนโง่ไปแล้ว กำลังพูดเรื่อยเปื่อย
หลังจากที่ออกไป ซุนกุ้ยฟางรู้สึกว่าบนหัวของตนเองมี เมฆครึ้มลอยอยู่
“ลูก ตอนนี้พวกเราสองคนไปที่สถานีรถไฟกันเถอะ กลับ ไปหลบที่บ้านเกิดก่อน” ซุนกุ้ยฟางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเป็น อย่างมาก
“แม่ ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ? ไอ้คนไร้ประโยชน์อย่าง เฉินเฟิง มีอะไรให้กลัว เมื่อวานหลังจากที่เขาได้เจอกับ ท่านหาน ต้องคุกเข่าขอร้องท่านหานขอเป็นหลานชาย อย่างแน่นอน ท่านหานก็เลยปล่อยเขา” สีหน้าของหลินต้า จูนเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย รู้สึกว่าซุนกุ้ยฟางกลัวจน เกินเหตุ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา ว่าหานหลงน่ากลัวแค่ไหน ไม่เพียงแต่เป็นราชาในเมืองภาคตะวันออก เขายังมีฟาง เทาเป็นลูกน้องที่คอยต่อสู้ เฉินเฟิงเก่งแค่ไหน เขาจะ สามารถสู้ชนะฟางเทา?
“ท่านหานที่ลูกพูดถึง เก่งขนาดนั้นจริงๆหรอ?” ซุนกุ้ย ฟางถามขึ้นอย่างรู้สึกโชคดี
“ใช่ ท่านหานมีลูกน้องสามร้อยกว่าคน เลือกออกมาสัก คน ก็คือคนที่เก่งและมีชื่อเสียงในพื้นที่แล้.ว….หลินต้าจู นมีความภูมิใจ พี่ใหญ่ของเขา เป็นหนึ่งในลูกน้องนับสาม ร้อยคนของหานหลง ทุกครั้งที่ได้ยินพี่ใหญ่ของเขาพูดถึง ความรุ่งโรจน์ของหานหลง เลือดของหลินต้าจูนก็จะพลุ่ง พล่าน ราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งในนั้น
ในเวลานี้เอง ด้านหน้าของหลินต้าจูนก็มีเสียงเย็นมืดมน ดังขึ้นมา
“หลินต้าจูน ในที่สุดก็หาถึงเจอจนได้!
หลินต้าจูนเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขามีความเซอร์ไพรส์ เล็กน้อย : “พี่เปียว พี่มาได้ยังไง?”
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ชายร่างใหญ่เต็มไปด้วย รอยสัก ซึ่งเขาก็คือพี่ใหญ่ของหลินต้าจูนจางเปียว
“ไม่ต้องสนใจว่ากูมาได้ยังไง ไปกับกู” จางเปียวพ่นบุหรี่ ออกมา แล้วพูดเสียงเรียบ
เห็นคนที่อยู่ด้านหลังของจางเปียวมีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่ นัก หลินต้าจูนรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ แล้วถามขึ้น: “พี่เปียว พี่ ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร?”
จางเปียวหัวเราะในลำคอ: “บอกให้มถึงไปก็ไป อย่ามา
พูดมาก!
“ลูก หนีเร็ว! ” ซุนกุ้ยฟางที่ฉลาดหลักแหลมสังเกตเห็น ความผิดปกติก่อน จึงสะกิดเอวของหลินต้าจูน หมุนตัวแล้ว
วิ่ง
“หนี? จึงหนีได้หรอ! “จางเปียวแสยะยิ้ม จากนั้นเตะไปที่ สะโพกของซุนกุ้ยฟาง
“พี่เปียว! พี่ทำอะไร! “หลินต้าจูนตกใจตาแตก เขาคิด ยังไงก็คิดไม่ออก ทำไมอยู่ดีจางเปียวถึงลงไม้ลงมือกับเขา และซุนกุ้ยฟาง
จางเปียวไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่เอาไม้เบสบอลตีไปที่ หัวของหลินต้าจูนในทันที
“ปั้ง” เสียงดังขึ้น
หลินต้าจูนรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้ามืดสนิท จากนั้นก็
หมดสติไป
จากนั้นสองแม่ลูก ก็ถูกยัดเข้าไปในถุงกระสอบ แล้วพา หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
ขึ้นไปบนรถตู้
โทรศัพท์ของเฉินเฟิง ข้อความหนึ่งถูกส่งไปให้
“คุณชายเฉิน จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
กับ
คนที่ส่งข้อความมานั้นคือหานหลง เฉินเฟิงปรายตามอง จากนั้นวางโทรศัพท์เอาไว้ด้านข้าง เขาเชื่อว่าหานหลงไม่ กล้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นกับตน
แม่ลูกซุนกุ้ยฟาง น่าจะได้รับการสั่งสอนที่ควรจะได้รับแล้ว
เวลานี้ เสี้ยเมิ่งเหยาสวมชุดนอนซีทรูสีดำเดินลงมาจาก
ขั้นบน
เฉินเฟิง สัปดาห์หน้าคุณมีเวลาไหม?” อาจจะเป็นเพราะ พึ่งอาบน้ำเสร็จ หน้าเล็กๆของเสี่ยเมิ่งเหยาจึงแดงระเรื่อ มองดูแล้วน่าหลงใหลมาก
“มีสิ มีอะไรรึเปล่า” เฉินเฟิงยิ้มแล้วตอบคำถาม
“ฉันอยากให้คุณไปจินหลิงกับฉันหน่อย”เสี้ยเมิ่งเหยาพูด
“ได้” เฉินเฟิงพยักหน้าแล้วตอบตกลง
“คุณไม่ถามฉันหน่อยหรอ ฉันจะไปทำอะไรที่จินหลิง?” ปากเล็กๆของเสี่ยเพิ่งเหยาเบะออกมา เธอพูดด้วยความไม่ พอใจเล็กน้อย
เฉินเฟิงยิ้มเศร้า “แล้วคุณจะไปทำอะไรที่จินหลิง?”
“ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น” เสี้ยเมิ่งเหยาพูด เมื่อสามปีก่อน ตอนที่เธอพึ่งแต่งงานกับเฉินเฟิง ก็ได้ไปงานเลี้ยงรุ่นหนึ่ง ครั้ง แต่ว่าครั้งนั้น เฉินเฟิงไม่ยอมไปกับเธอ ครั้งนี้ เสี้ยเมิ่ง เหยายังคงไม่มั่นใจ เฉินเฟิงจะไปกับเธอหรือไม่
“คุณอยากให้ผมไปกับคุณ?” เฉินเฟิงยกมุมปาก แล้วถาม ขึ้น งานเลี้ยงรุ่นของเสียเมิ่งเหยาเมื่อสามปีก่อน ที่เขาไม่ไป เป็นเพราะกลัวว่าจะทำให้เสียเมิ่งเหยาขายหน้า เพราะใน ตอนนั้นเขาเป็นแค่คนส่งอาหาร แต่ว่าคนที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ของเสี้ยเพิ่งเหยา ถ้าไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงก็เป็นประธาน บริษัทต่างๆ ถ้าเขาไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เป็นสิ่งที่มองออกได้อย่างชัดเจน
คล้ายว่าจะรับรู้ถึงน้ำเสียงเชิงหยอกล้อของเฉินเฟิง เสี้ย เมิ่งเหยาหน้าแดงระเรื่อ แล้วหมุนตัวหันไป: “ไม่อยากไปก็ ช่างเถอะค่ะ”
“อยากไปๆ ต่อให้ฝันผมก็อยากไป” เฉินเฟิงรีบเอ่ยปาก
พูด
“ห์ ค่อยยังชั่ว” เสี้ยเมิ่งเหยามองไปทางเฉินเฟิงด้วยความ ภูมิใจ แล้วพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นสัปดาห์หน้าฉันลา…”
11
ยังไม่ทันพูดจบ
“ปั้ง” ดังขึ้น ประตูวิลล่าถูกคนเปิดออกอย่างแรง
คนสวมชุดดำใส่หน้ากากสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งอ้วน คนหนึ่งผอมปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตู
ทั้งสองคนสวมชุดรัดรูป ปิดบังไปทั่วทั้งร่างกาย มีแค่ตา ที่เผยออกมา
“สวีเฟยหรงอยู่ที่ไหน?” ชายชุดดำตัวผอมมองไปทาง เฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นยะเยือกไร้อารมณ์
เฉินเฟิงหรี่ตาลง: “คนตระกูลไปเป็นคนส่งพวกแกมา?”
สายตาของชายชุดดำร่างผอมเย็นยะเยือก ไม่ได้ตอบ คำถาม เดินมาตรงหน้าเฉินเฟิงหนึ่งก้าว ใช้มือขวาจับที่คอ ของเฉินเฟิง บรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที ไร้ซึ่ง คำถาม การจับกระชากคอในครั้งนี้แค่จับก็โดนแล้ว และแน่นอนว่าต้องจับจนเลือดออกมา
“เฉินเฟิง ระ..” สีหน้าของเสียเมิ่งเหยาเต็มไปด้วยความ
หวาดกลัว รีบพูดเตือนเฉินเฟิง
แต่เธอที่ยังไม่ทันได้พูดคำว่าวัง กลับเห็นเฉินเฟิงแสยะ ยิ้ม แล้วสวนกลับไปหนึ่งหมัด
การต่อยของเฉินเฟิงนี้ เหมือนเป็นระเบิดที่กำลังร้อง คำรามออกมา ทำให้ภายในอากาศเกิดเสียงฉีกขาดดังขึ้น ต่อยไปยังเล็บมือเหยี่ยวของชายชุดดำร่างผอม
หมัดกับกรงเล็บแลกกัน ไม่สามารถดูออกได้ว่าใครเหนือ
กว่า
“กรึก”
“แต่กลับกลายเป็นเสียงกระดูกหักดังขึ้น
ม่านตาของชายชุดดำร่างผอมหดตัวลง ตามด้วยความ รู้สึกของฝ่ามือที่ไม่สามารถต้านทานได้
“ปั้ง”
ชายชุดดำร่างผอมปลิวไปอีกทาง ชนเข้ากับกำแพงของ วิลล่า ทำให้กำแพงมีรอยยุบรูปคน
“พี่ใหญ่..”
ชายชุดดำที่อ้วนเล็กน้อยร้องออกมาด้วยความตกใจ ตอนที่เห็นแขนข้างขวาของชายชุดดำร่างผอมเต็มไปด้วย เลือดนั้น ความตกใจในแววตาคู่นั้นของชายชุดดำที่อ้วน เล็กน้อยยากที่จะบรรยายออกมา
สิ่งที่พี่ใหญ่ของเขาภูมิใจที่สุด แขนข้างขวาที่ฝึกฝนมา นานยี่สิบกว่าปี กลับถูกหมัดเดียวของคนคนหนึ่งทำพัง?!
ไอ้คนหนุ่มนี่เป็นสัตว์ประหลาดมาจากไหน?!
ชายชุดดำที่อ้วนเล็กน้อยหมุนตัวหนีออกไป โดยไม่ แม้แต่จะคิด
แต่เฉินเฟิงจะให้โอกาสนั้นกับเขาได้ยังไง เขาจับไปที่ แก้วน้ำชา จากนั้นโยนไปยังชายชุดดำที่อ้วนเล็กน้อยคน นั้น
เฉินเฟิงไม่ได้ใช้แรงเท่าไหร่ แต่แก้วน้ำชานั้นยังคงเกิด เสียงดังขึ้น
ชายชุดดำที่อ้วนเล็กน้อยไม่ทันได้ก้าวขาออกไปแม้แต่ หนึ่งก้าว แก้วน้ำชาก็กระแทกใส่แผ่นหลังของเขา
วินาทีนั้น ชายชุดดำที่อ้วนเล็กน้อยรู้สึกเหมือนตนเองถูก รถชน เจ็บปวดไปทั้งตัว อวัยวะในร่างกายแทบจะเคลื่อนที่
พู่” พุ่งเลือดออกมา ชายชุดดำอ้วนเล็กน้อยคนนั้นล้มลง กับพื้น
ทั้งหมดนี้เวลาพูดเหมือนจะช้ามาก ทว่านับตั้งแต่พวกเขา สองคนปรากฏตัวออกมาแล้วล้มลงกองกับพื้นนั้น กลับไม่ ถึงสามวินาที!