ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 799
ดูเหมือนว่าหวางเสวเต้าก็รู้จักเฉินอิงไฉ คุณชายตระกูลเฉินคารวะเหล้าให้ เขารู้สึกยำเกรง รีบรับไป น้ำเสียงสงบขึ้นมาหน่อย
“คุณชายเฉิน ผมเองก็ได้ยินชื่อคุณชายเฉินแห่งเยี่ยนจิงมานาน เพียงแค่ไม่เคยมีโอกาสได้เจอ วันนี้มีโอกาสได้เจอ นับเป็นบุญสัมพันธ์ เหล้าจอกนี้ผมขอคารวะ คุณชายตามสบาย”
พูดจบ จึงกระดกแก้ว ดื่มหมดจอก
เห็นหวางเสวเต้าจริงใจขนาดนี้ เฉินอิงไฉไม่กล้าแสดงความอ่อนแอ
“น้องหวังช่างเปิดเผยจริงใจ จอกนี้ผมก็ขอคารวะหมดแก้ว”
เขาเองก็เหมือนกัน ดื่มจนหมด
คุณชายพวกนี้ดื่มสังสรรค์สรวลเสเฮฮาด้วยกัน เพื่อหาผลประโยชน์ ตอนนี้มีคุณชายตงเป่ยไร้เทียมทานเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
หน้าการผลักแก้วกันไปมา ต่างก็ลืมเรื่องไม่สบอารมณ์เฉินเฟิงไปชั่วขณะ
รอจนดื่มวนครบสามรอบ เฉินอิงไฉจึงถามหวางเสวเต้า
“คุณชายหวัง เยี่ยนจิงสู้ตงเป่ยไม่ได้ ภายใต้โอรสสวรรค์ เมืองราชันย์ คุณลุงหวังจะมาที่นี่ ประมาทไม่ได้นะ”
แต่หวางเสวเต้าอาศัยที่เมาเหล้า ทำเป็นไม่สนใจ
“ท่านผู้เฒ่ามีวิทยุทธ์ในตัว หมัดบ้าบอที่ตงเป่ยน่ะ แล้วก็กระบี่น่ะ ไม่มีอันไหนดีสักอัน มาเยี่ยนจิงคราวนี้ จะมีคนที่เก่งกาจไปกว่าที่ตงเป่ยเหรอ”
“น้องชาย พี่ไม่ได้โม้นะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ต้องเชื่อในจุดนี้ อย่างสมาพันธ์เยี่ยนจิง ในมือมีไม่น้อย ลองนัลดู ดูว่ามีกี่สมาพันธ์……”
ยังไม่ทันให้เฉินอิงไฉพูดจบ หวางเสวเต้าไม่สบอารมณ์
“หึ คนที่ไม่ยอมแก่ตายสักที สามสี่ปีก่อนผมเคยปะทะมือกับเขา มีแต่พวกที่ดีแต่ปาก”
เขาเรอออกมา
พอได้ยินว่าหวางลั่วปิงสู้แพ้คนที่สมาพันธ์เยี่ยนจิง เฉินอิงไฉก็แอบดีใจ ถ้าให้หวางลั่วปิงรับมือกับเฉินเฟิง อัตราชนะมีสูงมาก
“ที่แท้ตงเป่ยไร้เทียมทานเคยปะทะฝีมือกับบูโดแห่งจงหยวนแล้ว ผมนี่ความรู้น้อยจริงๆ น้องชาย งั้นจอกนี้ขอคารวะ”
ถ้าดื่มหมดสองสามแก้ว แม้ว่าไม่มีผู้หญิง แต่เฉินอิงไฉไม่สนใจแล้ว จึงดึงตงเป่ยไร้เทียมทานเป็นพวก นี่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉลองวันเกิดให้กับเพื่อนหลินหวั่นชิวแล้ว สองคนก็อิงแอบกัน เดินออกจาก บาร์บาร์เยว่เฟย เมื่อเห็นพวกเขาออกไป เจี่ยตงที่แอบมองอยู่ชั้นสามก็รู้สึกเดือดดาล
เขากับเฉินอิงไฉพูดไปสองสามกัน จึงออกไปก่อนก้าวหนึ่ง
เฉินอิงไฉรู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ตอนนี้เขามีคนที่สำคัญกว่าจะลากมาเป็นพวก จึงไม่ได้สนใจว่าคนนี้จะทำอะไร
ออกจาบาร์เยว่เฟย สองคนที่ไม่ได้เจอกันมานานแน่นอนย่อมต้องมีอะไรคุยกันมาก
“คิดถึงผมไหม”
มือบีบมือ จูงมือกัน เฉินเฟิงถามเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ไม่!ฉันไม่ได้คิดถึงคุณสักหน่อย”
“ไม่คิดถึงจริงๆเหรอ”
เฉินเฟิงแสดงสีหน้าผิดหวัง
“อืม ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ คิดถึงนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ อย่าคิดมาก”
ราวกับกลัวว่าเฉินเฟิงจะคิดมาก หลินหวั่นชิวรีบแก้คำพูด
“ผมคิดถึงคุณตลอดแหละ ไม่มีวันไม่มีคืนเลย ขอแค่ว่างลง ก็คิดถึงคุณแล้ว”
“อ๋า!”
สารภาพกันตรงๆแบบนี้ หลินหวั่นชิวทำตัวไม่ถูกเลย
“แบบนี้ได้ไงเนี่ย ฉัน ……ฉัน”
ยังไม่ทันรอให้หลินหวั่นชิวพูดจบ แค่อ้าปากก็เอามือปิดปากน้อยๆของหล่อนแล้ว รสชาตินั้นดุเด็ดเผ็ดมันส์กว่าเหล้าเสียอีก แม้ว่าจะยืนอยู่มุมถนน หรือแม้กระทั่งคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เห็นพวกเขาได้แต่ตอนนี้แม้แต่ความคิดที่จะปกปิดหล่อนก็หมดสิ้น หล่อนกำลังเคลิบเคลิ้มในรสชาติของเฉินเฟิงจนถอนตัวไม่ขึ้น
จูบกระหวัดรัดรึงกันอยู่นาน จึงปล่อยออก
แต่จู่ๆหลินหวั่นชิวก็รู้สึกว่างเปล่า
เฉินเฟิงจิ้มจมูกเธอเบาๆ ยิ้มเล็กน้อย
“ยัยเด็ก ยังจะเอาอีกเหรอ!”
“อืม!เปล่า ไม่เอา ฉันไม่เอาหรอก”
เธอเพิ่งจะตอบรับ จึงได้รู้สึกว่าหน้าไม่อายเหลือเกิน จึงรีบเปลี่ยนคำพูด
เมื่อก่อนตอนอยู่กับเฉินเฟิงเธอยังไม่เคยแข็งขืนขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเฉินเฟิงกลับประเทศมา ความสัมพันธ์ทั้งคู่ยิ่งใกล้ชิดขึ้น เธอก็ราวขาดสติไป มักจะกลัวอย่างไร้เหตุผล
“เอาล่ะ กลับไปเถอะ อยู่ที่นี่มีแต่คนมอง”
หลินหวั่นชิวถึงได้รู้สึกว่าทั้งคู่ยืนอยู่ที่มุมถนน คิดถึงคนสองคนเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกหน้าแดงผ่าว
เดิมทีเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มักจะมีคนขัดตาเสมอ
มีคนคอยขวางพวกเขา
เห็นคนๆนั้น เฉินเฟิงก็ยิ้ม
“เป็นอะไรไป ไอ้หมา หากระดูกไม่ได้เหรอ ถึงได้มาหาฉันน่ะ”
นักเลงที่เฉินอิงไฉพามาเจ็ดแปดคน เห็นพวกเฉินเฟิงสองคนจูบกัน เจี่ยตงยิ่งเดือดดาล
“ใกล้จะตายแล้วยังไม่รู้ตัว ให้ยิ้มต่ออีกนิดแล้วกัน เด็กจนๆคนหนึ่ง ต่อให้เป็นวิทยายุทธ์ แต่ไม่มีที่ฝึก แกก็ไปฝึกในท้องแม่แล้วกัน มึงก็คงไม่เก่งไปกว่ากูสักเท่าไหร่หรอก”
เจี่ยตงยิ้มเจ้าเล่ห์
เฉินเฟิงเองก็ยิ้ม
ค่ารักษาในการวิวาทนั้นสูงจริงๆ ยาก็มีน้อย บางอย่างใช้เงินซื้อไม่ได้ด้วย
แต่นี่เป็นแค่วิทยายุทธ์ทั่วไปของเจี่ยตง สำหรับเขาแล้วใช้ไม่ได้หรอก
“ดูท่าแกมั่นใจในตัวเองมากนะ ฉันไม่มีเงิน แต่แฟนฉันมี!ถ้าฉันอยู่กับเธอตั้งแต่เด็ก ป่านนี้คงได้สมบัติมากมายแล้วล่ะ”
เฉินเฟิงแค่เล่นสนุก แต่เจี่ยตงมองหลินหวั่นชิว นาฬิกาที่ข้อมือเธอ ชุดที่สวมใส่ กระเป๋าที่สะพาย ถ้าเป็นแบบที่เฉินเฟิงพูด เงินก็ไม่นับประสาอะไร
เจี่ยตงก็ไม่ใช่คนโง่ จะไปเชื่อง่ายๆได้อย่างไร
“พล่ามน้อยๆหน่อย ให้กูซ้อมจนมึงต้องร้องเรียกแม่ก่อน จะดูว่าจะหัวเราะออกไหม”
เขาเรียนวิชากรงเล็บราชสีห์ เรียนวิทยายุทธ์เฉพาะ แค่ยกมือก็เหมือนสิงโตตะปบ
เฉินเฟิงไม่ขยับ สีหน้าเรียบเฉย พูดกับหลินหวั่นชิวเสียงค่อย
“คุณไปรอข้างๆก่อน แป๊บเดียว”
กำลังสู้รบ เฉินเฟิงยังกล้าหันไปคุยกับหลินหวั่นชิว หลังจากโดนดูถูกเจี่ยตงย่อมเดือดดาล เฉินเฟิงเองก็ผิดพลาด เขากระโดดตะปบไปตอนเฉินเฟิงเผลอ
หลินหวั่นชิวได้ยินคำสั่งของเฉินเฟิง มองไปที่เขาและก้าวถอยไปสองก้าวอย่างเชื่อมั่น รักษาระยะห่างตอนนี้เจี่ยตงเข้ามาใกล้ตัว ตวัดนิ้ว เล็งไปที่ลำคอเฉินเฟิง เตรียมจู่โจมเอาชีวิต ตั้งใจวางยาพิษ เห็นรอยแผลได้
แต่นิ้วอยู่ห่างจากคอสามเซ็นต์ก็ยากจะเข้าถึง มือของเขากำนิ้วไว้
ใจคิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงจะตอบโต้ยังไง รู้แต่ตัวเองต้องถอย กำลังจะเก็บมือ ในหัวก็ได้ยินเสียงดัง
แกร๊ก
เป็นเสียงกระดูกหัก
เสียงร้องปวดร้าว ดังเข้าไปจนใจอ่อนยวบ รอจนเฉินเฟิงคลายมือ เขายังคงยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น