ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 823
เจ้าอ้วนเดินอยู่ข้างๆเฉินเฟิงด้วยความระมัดระวัง เพราะว่าระหว่างที่มาก็เจอกับเจ้าอ้วนพอดี เฉินเฟิงจึงให้เขาตามมาด้วยกัน
“หลายวันมานี้เป็นยังไงบ้าง อยู่กับฉันพอไหวไหม? ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร แกก็บอกฉันตรงๆ ฉันไม่ปล่อยให้คนของตัวเองต้องลำบากหรอก”
เฉินเฟิงพูดกับเจ้าอ้วนด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“คุณชายเฉิน ขอบคุณที่คุณเป็นห่วง ผมอยู่ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร” เจ้าอ้วนพูดด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอ? แกไม่ต้องกลัว ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรแกหรอก” เฉินเฟิงพูดย้ำอีกครั้ง
เจ้าอ้วนเงียบไปพักนึง ดูเหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูดอยู่จริงๆ
“พูดเถอะ!ฉันรู้ว่าแกต้องมีเรื่องที่อยากจะพูดแน่ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อฉันให้แกพูด งั้นฉันก็จะปกป้องแกอย่างแน่นอน”
เจ้าอ้วนถูกเฉินเฟิงเรียกให้มาอยู่ข้างๆ เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้ทำอะไรเขา เมื่อก่อนเขาทำอะไร ตอนนี้ก็ยังทำเหมือนเดิม แต่ไม่มีค่าตอบแทนพวกนั้นแล้ว สำหรับเจ้าอ้วนแล้ว การที่ต้องสูญเสียการดึงดูดสายตาของผู้อื่น แต่การใช้ชีวิตก็ไม่ได้แย่อะไร
แถมบางครั้ง สำหรับเจ้าอ้วนแล้ว เขายังรู้สึกสงบสุขขึ้นเยอะ
เขามองไปยังเฉินเฟิง คิดไปคิดพูดออกไปคงดีกว่า
“คุณชายเฉิน มีเรื่องบางเรื่องผมไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดดีไหม แต่ผมเห็นว่าคุณชายเฉินดูเหมือนจะยังไม่รู้เรื่อง ผมรู้สึกว่าบอกให้คุณรู้คงจะดีกว่า”
เฉินเฟิงรู้สึกสนใจ จึงถามไปว่า
“อ่อ เป็นเรื่องอะไรเหรอ?”
“คุณชายเฉิน คุณยังจำพี่น้องตระกูลเน่ได้ไหม?”
เฉินเฟิงกลับส่ายหน้า วันที่ต่อสู้กับพี่น้องตระกูลเน่ ตั้งแต่เริ่มจนจบพวกเขาก็ไม่เคยแนะนำตัวเอง ส่วนเฉินเฟิงหลังจากนั้นก็ไม่มีเวลาไปตรวจสอบพวกเขา เขาจะไปรู้ได้ยังไง เพราะงั้นจึงพูดปฏิเสธกับเจ้าอ้วน
“คุณชายเฉินไม่รู้งั้นเหรอ?”
“อืม ไม่เคยได้ยินมาก่อน พวกเขาเป็นคนที่สำคัญมากเหรอ? หรือเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก”
เจ้าอ้วนมองหน้าเฉินเฟิงก็ไม่เหมือนกำลังโกหกอยู่ เขาพูดออกไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“แต่ว่าทำไมตอนนี้ข้างนอกถึงได้มีข่าวลือว่าคุณชายเฉินเป็นคนฆ่าพี่น้องตระกูลเน่ล่ะ ตอนนี้ดูเหมือนว่ามหาปรมาจารย์ของตระกูลเน่กำลังจะมาเรื่องท่านเพราะเรื่องของเด็กสองคนนั้น”
เฉินเฟิงเองก็ตกใจ มหาปรมาจารย์มาหาเรื่องเขา เขาเคยเจอกับมหาปรมาจารย์มาก่อนแล้ว ชิงจือก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เขายังจำได้ดีว่าตอนนั้นชิงจือจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย
“เป็นไปได้ไง? ฉันไม่รู้จักสองพี่น้องตระกูลเน่ด้วยซ้ำ เขากลับมาหาเรื่องฉัน มันก็ควรต้องมีเหตุผลมากกว่านี้หน่อยสิ”
“คุณชายเฉิน เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไงผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าข่าวที่ได้ยินมาจากตะวันตกเฉียงเหนือเป็นอย่างนี้ มหาปรมาจารย์ของสำนักเทียนซานบางทีอีกไม่ช้าก็คงเดินทางมาจากตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าเกิดคุณชายเฉินไม่รู้เรื่อง ไปหลบซ่อนตัวสักพักคงจะดีกว่า”
เฉินเฟิงมองเจ้าอ้วน สงสัยเล็กน้อยว่าเขากำลังหลอกตัวเองอยู่รึเปล่า ไม่ว่าจะยังไงไม่นานมานี้เขาก็เคยให้เจ้าอ้วนเป็นยามอยู่พักนึง
“แกคงไม่ได้กำลังหลอกฉันอยู่ใช่ไหม?”
แต่เจ้าอ้วนกลับพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า
“คุณชายเฉิน เรื่องนี้ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ คุณสามารถไปสืบดูได้ ตอนนี้ต่างก็พูดถึงแต่เรื่องนี้ บางทีเพราะคุณเองก็เพิ่งกลับมา เพราะงั้นพวกเขาถึงยังไม่ได้บอกอะไรคุณ แต่เรื่องมหาปรมาจารย์คนนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ว่าคุณบอกว่าคุณไม่รู้จักสองพี่น้องตระกูลเน่ เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้ บางทีอาจจะมีใครต้องการใส่ร้ายคุณก็ได้”
ใจของเฉินเฟิงเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะจริง เขาดูท่าทางของเจ้าอ้วน ไม่น่าจะหลอกเขา แต่ว่าช่วงนี้เขาไม่ได้ฆ่าใครเลย มือที่เปื้อนเลือดก็มีแค่ของชิงจือ
“เรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปได้ยังไง ไม่มีใครรู้สึกว่ามันผิดปรกติเลยเหรอ?” เฉินเฟิงถาม
“หนึ่งในมหาปรมาจารย์ลงมือเอง เรื่องนี้ไม่ได้ถูกพูดถึงนานแล้ว พวกคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ตอนนี้ก็แค่อยากจะเห็นฝีมือของมหาปรมาจารย์ ถ้าเกิดได้ชมการต่อสู้ ก็อาจจะได้เคล็ดอะไร เรื่องนี้มันสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น ส่วนเรื่องที่ว่าความจริงเป็นยังไง ในสายตาของพวกเขา มันไม่มีค่าให้สนใจด้วยซ้ำ” เจ้าอ้วนตอบ
คำพูดที่เจ้าอ้วนพูดออกมาถึงแม้จะฟังดูประหลาด แต่เหตุผลก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
“คุณชายเฉิน คุณคงไม่รู้ ตั้งแต่ข่าวนี้ถูกแพร่ออกมา ที่ยันเจียงก็มีการรวมตัวของเหล่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้มากมาย มีคนอยากเห็นฝีมือของมหาปรมาจารย์อยู่ไม่น้อย แค่ทางด้านของผม ก็ได้รับการรับเชิญจากผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้มามากมาย พวกเขาอยากจะรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของคุณเป็นยังไง
แต่คุณวางใจได้ ผมไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้น ผมรู้สึกว่าในเมื่อมีเจ้านายใหม่แล้ว ก็ควรจะทำงานให้กับเจ้านายใหม่ นี่เป็นวิถีการใช้ชีวิตของผม”
เขาพูดความจงรักภักดีต่อเฉินเฟิงอย่างไม่เกรงใจ
แต่ตอนนี้เฉินเฟิงไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเขา
เขาครุ่นคิดสักพัก รู้สึกว่าพี่น้องตระกูลเน่อะไรนั่นมีความเป็นไปสูงว่าจะเป็นเด็กสองคนที่นัดเขาออกมา ในคืนที่เขาเจอกับชิงจือ แต่เขาจำได้อย่างชัดเจนว่า หลังจากที่เขาใช้วิธีย้อนพลังเพื่อเสริมกำลัง สองพี่น้องนั่นก็หนีไปแล้ว เขาอยากจะตามไป แต่ก็ตามไม่ทัน
แต่ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับตายซะแล้ว เรื่องนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางที่จะเป็นฝีมือของเขา เรื่องนี้จะต้องมีคนใส่ร้ายเขาอย่างแน่นอน
เจ้าอ้วนที่อยู่ข้างๆพอเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังใช้ความคิด เขาคิดว่าบางทีเฉินเฟิงอาจกำลังกลัวอยู่ ไม่ว่าจะยังไงคนที่เขาต้องเผชิญเป็นถึงหนึ่งในมหาปรมาจารย์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต่อกรได้ จึงพูดเสนอไปว่า
“คุณชายเฉิน คุณไปหลบซ่อนตัวก่อนดีกว่า ยังไงซะนั่นก็เป็นหนึ่งในมหาปรมาจารย์ ต่อให้วรยุทธ์ของคุณจะอยู่ในระดับสูงสุด แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าระดับมหาปรมาจารย์กับระดับสูงสุดมันต่างกันราวฟ้ากับเหว สงครามครั้งใหญ่เมื่อร้อยปีก่อน ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้ดี”
เฉินเฟิงจะไม่รู้ได้ยังไง แต่ว่าถูกคนใส่ร้ายแบบนี้ ถ้าเกิดเขาไม่พูดให้ชัดเจน หรือว่าจะต้องหลบซ่อนตัวไปตลอดงั้นเหรอ
“ถ้าเกิดฉันพูดความจริงกับมหาปรมาจารย์คนนั้นล่ะ? เขาจะยอมปล่อยฉันไหม” เฉินเฟิงถาม
แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าอ้วนกลับส่ายหัว
“คุณฉีกหน้าของสำนักเทียนซาน ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณเอาชนะศิษย์ของสำนักเทียนซาน ต่อให้คุณไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่เพื่อรักษาหน้าของสำนักเทียนซาน ก็คงต้องลงมือกับคุณอย่างแน่นอน เรื่องที่ว่าสุดท้ายจะฆ่าคุณไหม ในสายตาพวกเขาก็แค่มีคนตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนก็เท่านั้นเอง เรื่องนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป”
เฉินเฟิงเองก็รู้สึกถึงความสิ้นหวัง ดินแดนของมหาปรมาจารย์นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสั่นคลองได้ในโลกของศิลปะการต่อสู้ สิ่งที่พวกเขาทำนั่นมันเหนือสามัญสำนึกไปนานแล้ว
มีเพียงแค่ข้อตกลงระหว่างมหาปรมาจารย์ด้วยกันที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำร้ายความสมดุลของโลกแห่งศิลปะการต่อสู้
แต่ถ้าชีวิตของเฉินเฟิงที่อยู่ระดับสูงสุดแค่คนเดียว ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจด้วยซ้ำ
พอคิดจนถึงตรงนี้ เฉินเฟิงจึงตัดสินใจได้แล้ว แถมโชคดีที่เจ้าอ้วนเตือนขึ้นมาก่อน เขาพูดกับเจ้าอ้วนด้วยความรู้สึกที่ซาบซึ้งเล็กน้อย
“ยังดีที่แกบอกฉัน หนี้ในวันนี้ฉันเฉินเฟิงจะจำเอาไว้ ถ้าเกิดฉันสามารถรอดพ้นเรื่องนี้ไปได้ ฉันจะต้องตอบแทนแกอย่างแน่นอน”
เจ้าอ้วนเองก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า
“คุณชายเฉิน คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ผมเคยบอกแล้วว่าในเมื่อตามเจ้านายใหม่ งั้นผมก็จะต้องทำงานเพื่อคุณ ผมซุนจื้อไห่แม้จะเป็นคนใจเสาะ แถมยังกลัวตาย แต่ก็เป็นคนที่มีความภักดี”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟิงได้รู้ชื่อของเจ้าอ้วน เขาไม่เคยเอาเรื่องของเจ้าอ้วนมาใส่ใจ ตอนเริ่มแรก ก็แค่นึกสนุกถึงได้เอาเจ้าอ้วนมาอยู่ด้วย