ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 825
แต่นอกจากภูเขาลูกนี้ กลับอย่างมี
มีกระบี่บินเข้ามา ตามหลังของเน่หวาเฟิง ถ้าเกิดเฉินเฟิงหันกลับมาดู ก็จะรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของกระบี่เล่มนี้ นั่นเป็นกระบี่ของชิงชิว
กระบี่ยาวรวดเร็วมาก พอเห็นว่าใกล้จะไล่เน่หวาเฟิงทันแล้ว แต่เน่หวาเฟิงแค่เอามือปัดออกไป กระบี่ยาวก็เหมือนกับว่าวที่ถูกตัดเชือดจนขาด ปักลงไปบนพื้นหญ้า
“เฮิง เจ้าเองก็อยากจะสู้กับข้างั้นเหรอ?”
คำพูดนี้เขาพูดกับชิงชิวที่อยู่ไม่ไกล
ในระหว่างที่ชิงชิวเริ่มหลบหนี ชิงชิวก็ตามหลังมาโดยตลอด ส่วนเน่หวาเฟิงแม้จะรู้ว่าชิงชิวตามหลังมา แต่ชิงชิวก็ไม่ได้ทำอะไร เขาจึงไม่อยากสนใจ
แต่ตอนนี้ชิงชิวลงมือแล้ว เน่หวาเฟิงก็จะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้แล้ว
“เฉินเฟิงกับข้าน้อยรู้จักกัน แน่นอนว่าถ้าเกิดสามารถช่วยได้ก็คงต้องช่วย แต่หลังจากที่ลงมือ ถึงได้รู้ว่าที่แท้มหาปรมาจารย์ก็สมคำร่ำลือ”
ชิงจือพูดไปพร้อมถอนหายใจ
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วยังไม่รีบหนีไปอีก วันนี้ข้าแค่ต้องการชีวิตของไอ้ชั่วช้าคนนั้น เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ ถ้าเกิดเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ก็ยืนอยู่เฉยๆซะ”
ชิงชิวไม่ได้พูดอะไรอีก ระหว่างที่เขารีบเข้าไปหากระบี่ยาว ก็เก็บกระบี่ยาวเข้าฝักดาบเรียบร้อยแล้ว
แต่ระยะห่างระหว่างเขากับมหาปรมาจารย์ ก็แค่พยายามใช้วิชาของตัวเองจนถึงขีดสุด ถึงพอสามาถตามมาได้
ส่วนเฉินเฟิงที่อยู่หน้าสุด ไม่ได้สนใจการสนทนาของทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย เวลาครึ่งชั่วโมงเป็นขีดจำกัดของเขา แต่ตอนนี้ร่างกายเริ่มรู้สึกแล้วว่าเวลาของเขาใกล้หมดแล้ว
แต่เน่หวาเฟิงที่อยู่ข้างล่างก็ไม่มีท่าทีว่าจะสามารถหนีเขาพ้น
หรือว่าเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของมหาปรมาจารย์แบบนี้จริงๆเหรอ?
เขาแทบจะเกิดความสิ้นหวังแล้ว
แต่ฟ้าย่อมเห็นคนที่พยายาม ข้างหน้ามีทะเลสาบขนาดใหญ่ เพราะว่ามีภูเขาล้อมรอบเอาไว้ ที่นี่ถึงมีทะเลสาบขนาดใหญ่ขึ้นมา
ทะเลสาบมีเงาสะท้อนของขุนเขาและป่าไม้ ทำให้ทะเลสาบดูเขียวขจี ความลึกและความเงียบสงบทำให้เหมือนมีอัญมณีถูกฝังอยู่ในภูเขา
มันสวยงามขนาดนี้ มีสัตว์นกบินไปมา และมีสายลมพัดผ่าน ทำให้เกิดความเงียบสงบขึ้นมา
แต่เฉินเฟิงในตอนนี้ไม่มีเวลาไปชื่นชม เขารู้ว่าข้างใต้ทะเลสาบมีถ้ำลับอยู่ เขาต้องเข้าไปหลบข้างในก่อนที่เน่หวาเฟิงจะตามมา
แทบจะไม่ลังเล พอเข้าใกล้ทะเลสาบ เขาก็กระโดดลงไปทันที
คลื่นที่ใหญ่กว่าระลอกใดๆถูกระลอกไปทั่วทะเลสาบในทันที
แต่พอเน่หวาเฟิงตามมาจนถึงทะเลสาบ เขากลับลังเลขึ้นมา เขาไม่รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องกระโดดลงไป ที่เฉินเฟิงทำแบบนี้ก็ทำได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น รอให้เขาทนจนกลั้นหายใจไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องขึ้นมาอยู่ดี
แต่พอรอไปนาทีกว่า จนชิงชิวตามเขาทัน เฉินเฟิงก็ยังไม่ขึ้นมาจากทะเลสาบ
ตอนนี้เน่หวาเฟิงถึงรู้สึกได้ถึงความผิดปรกติ
ขามองชิงชิวด้วยสีหน้าที่มืดมน
“เจ้านั้นอยู่ที่ไหน?”
เน่หวาเฟิงเดาได้ไม่ยาก การที่เฉินเฟิงสามารถหลบอยู่ใต้ทะเลสาบได้ งั้นแสดงว่าใต้ทะเลสาบจะต้องมีที่ใช้หายใจได้อย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ชิงชิวไม่รู้
นี่เป็นสิ่งที่เฉินเฟิงเจอเข้าโดยบังเอิญตอนที่กำลังจับปลา เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร
ชิงจือได้แต่ส่ายหัว
“เจ้าไม่รู้?”
เน่หวาเฟิงถามอีกครั้ง
“ไม่รู้จริงๆ”
คำตอบของชิงชิวก็ยังเหมือนเดิม แต่สำหรับเน่หวาเฟิงแล้วมันไม่มีความหมายใดๆ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่มีทางฆ่าเจ้าใช่ไหม? ไม่เมื่อชีวิตของเขาเป็นแค่ชีวิตหนึ่ง งั้นเพิ่มมาอีกหนึ่งชีวิต ข้าก็ไม่สนใจ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา สัมผัสจิตสังหารได้อย่างชัดเจน ชิงชิวรู้ว่าเขากล้าลงมือ แต่เขาก็ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ
“ข้าน้อยบอกแล้วว่าไม่รู้เรื่อง ถ้าเกิดต้องการสังหารข้า แน่นอนว่าข้าน้อยก็ไม่สามารถขัดขืนได้ คงได้แต่รอความตายอยู่เงียบๆ”
พอชิงชิวพูดจบ เขาก็รออยู่เงียบๆ แต่พอรอได้สักพัก เขาก็ยังไม่เห็นว่าเน่หวาเฟิงจะลงมือ
ส่วนเรื่องที่ทำไมเน่หวาเฟิงถึงไม่ลงมือ เขาก็แค่รู้สึกว่าไม่จำเป็น
แม้แต่เฉินเฟิงอย่างรู้จักหนี แต่ชิงชิวพอได้ยินว่าเขาจะฆ่าเขา สิ่งที่เขาเลือกก็คือการรอคอย
ชีวิตของเขาที่จริงก็ไม่ต่างจากตายไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องลงมือเอง
มองทะเลสาบที่กลับมาสงบนิ่งเป็นครั้งสุดท้าย เน่หวาเฟิงคิดไปคิดมา ออกไปจากที่นี่ดีกว่า
แต่เขาไม่ได้ลงไปจากเขา เฉินเฟิงยังอยู่ที่นี่ ยังไงซะเขาคงต้องปรากฏออกมาอีก และครั้งต่อไปเขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆเหมือนครั้งนี้
ชิงชิวตามหลังของเขา ทั้งสองกลับไปอยู่ที่กระท่อมบนภูเขาอีกครั้ง
พอกลับมาถึงที่นี่ เน่หวาเฟิงถึงเปิดปากถามชิงชิวว่า
“ท่านนักพรตฝูเฟิงของสำนักบู๊ตึ๊งเป็นอะไรกับเจ้า?”
ชิงชิวตอบ
“เป็นอาจารย์ของข้าน้อย!”
“ถึงว่า!”
หลังที่เน่หวาเฟิงพูดประโยคนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก
เพราะงั้นกระท่อมที่เดิมทีสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันคือเฉินเฟิงกับชิงชิวตอนนี้ก็กลายเป็นชิงชิวกับเน่หวาเฟิง ส่วนเฉินเฟิงตอนนี้ก็ซ่อนตัวอยู่ข้างในถ้ำ
ในระหว่างที่ชิงชิวทั้งสองกำลังปรุงเห็ดบนภูเขากินอย่างเอร็ดอร่อย เฉินเฟิงก็สลบไปเพราะความเจ็บปวดของร่างกายอีกครั้ง ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เขาสลบ แต่สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายของเขาไม่สามารถทนรับการทรมานของร่างกายในครั้งต่อไปได้แล้ว
ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา ก็นอนอยู่ข้างสระ ในถ้ำที่มืดมิดเขาก็ใช้มือตักน้ำบนสระ ถ้าเขาอยากมีชีวิตต่อ งั้นก็ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ
ใช้ความอดทนต่อความเจ็บปวดถึงสามารถดื่มน้ำจากสระได้
แต่ต่อมาเขาก็เจ็บปวดจนเทน้ำที่อยู่บนมือ เจ็บปวดจนทำให้หน้าของเขาบิดเบี้ยว ทรมานจนเส้นเลือดปรากฏออกมา
เขาทำอะไรไม่ได้ ครั้งที่แล้วได้ยาของชิงจือช่วยเขาเอาไว้ แต่ครั้งนี้เขามีแต่ต้องพึ่งพาตัวเอง
เน่หวาเฟิงรอมาเจ็ดวันแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเงาของเฉินเฟิงอีก เขาไม่รู้ว่าเฉินเฟิงแอบหนีออกไปแล้ว หรือว่าไปตายที่ไหนรึเปล่า
แต่ความอดทนในการรอคอยของเขาก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
“ถ้าเกิดเจ้าเจอเขา ให้เขาจำเอาไว้ว่า ชีวิตของเขาอยู่กับเขาแค่ชั่วคราว ข้าจะต้องมาเอามันไปอย่างแน่นอน”
ก่อนที่เขาจะออกไป ก็หันไปบอกกับชิงชิว
ชิงชิวให้คำสัญญาว่าจะบอกเฉินเฟิงอย่างแน่นอน แต่เขาไม่รับปากว่าจะได้เจอกับเฉินเฟิงอีก
ทำได้แค่รอให้เน่หวาเฟิงกลับไป ที่นี่ดูเหมือนจะเหลือแค่ชิงชิวคนเดียวแล้ว
เขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจอะไร แค่ไม่รู้ว่าชิงจือที่กำลังรออยู่จะกลับมาเมื่อไหร่
ทุกๆวันเขาก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย จนผ่านไปเจ็ดถึงแปดวัน เขาก็เห็นเฉินเฟิงอีกครั้ง
เฉินเฟิงแทบดูไม่เหมือนมนุษย์แล้ว แววตาผอม สีหน้าก็ขาวซีด ปากที่เต็มไปด้วยรอยคล้ำ เขาเหมือนกับวิญาณที่ออกมาจากนรก
ชิงชิวเข้าไปช่วยด้วยความเป็นห่วงเฉินเฟิงที่ล้มลงไปได้ตลอดเวลา พาเขาไปนอนที่เตียง
เขาตรวจร่างกายของเฉินเฟิง อย่างดีที่แค่อ่อนเพลีย ขอแค่พักผ่อนสักสองสามวัน ก็คงฟื้นฟูกลับมาได้โดยไม่มีปัญหา
เฉินเฟิงหันไปถามชิงชิวเรื่องของเน่หวาเฟิง ชิงชิวบอกว่าเขากลับไปแล้ว เฉินเฟิงถึงกล้าปิดตานอนลงไป
รอจนเขาได้สติกลับมาอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแล้ว ซุปเนื้อที่อยู่ข้างๆ เขาหยิบขึ้นมากิน โดยไม่มีความลังเลแต่อย่างใด