ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 841
หญิงสาวค่อยๆ ลงมืออย่างระมัดระวัง ทุกๆ ขั้นตอนตั้งใจจนแทบกลั้นหายใจ เธอใช้สมาธิอย่างมาก ไม่กล้าที่จะละสายตาเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งเธอใช้เวลาถึงยี่สิบนาทีเต็มกว่าจะปลดล็อกบนกล่องทองคำใบนั้นออกมาอย่างช้าๆ
จนกระทั่งหญิงสาววางเอาอุปกรณ์ทั้งหมดวางลงข้างๆ ในขณะที่หันหน้าของกล่องเข้าหาเฉินเฟิง เขาถึงได้เห็นอัญมณีที่มีความแสงประกายคล้ายคลึงกับดวงดาวปรากฏอยู่ตรงหน้า
ถ้าหากจะบอกว่ากล่องใบนั้นเป็นผลงานรังสรรค์ชิ้นเอก อย่างนั้นอัญมณีเม็ดนี้คงจะเป็นเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
และถ้าหากยังคงมีความสงสัยว่าจะเป็นสิ่งของแบบไหนกันที่สามารถบรรจุลงไปในกล่องอันบอบบางแบบนี้ ก็คงจะมีเพียงอัญมณีอันงดงามแบบนี้เท่านั้น
ซึ่งเมื่อนำทั้งสองมาประกบคู่กันก็กลายเป็นความเหมาะสมที่ลงตัวจนหาที่ติไม่ได้
แม้แต่ชิงจือที่ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องอะไรทั้งสิ้นยังได้แต่จ้องมองมันอย่างไม่ยอมละสายตาเลยทีเดียว
“ช่างเสียดายจริงๆ ที่อัญมณีงดงามขนาดนี้แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดได้พบเห็นมาก่อน” เฉินเฟิงอุทานออกมา
แต่ชายชรากลับกล่าวแย้ง
“สิ่งของที่งดงามแบบนี้ควรจะชื่นชมแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว หากคนเห็นเยอะ มันก็ไม่มีความงดงามแล้ว”
เฉินเฟิงคิดไปคิดมาก็จริงตามที่เขาพูด
“แต่ในเมื่อเป็นแบบนั้น ทำไมตอนนี้คุณถึงได้เอาของแบบนี้มาให้ผมดูด้วยล่ะ คงจะไม่คิดจะขายมันให้ผมหรอกนะ แต่ถึงอย่างนั้นหากเป็นอัญมณีที่งดงามแบบนี้ ผมว่าเงินสองพันล้านก็ถือไม่เยอะเลยสักนิด”
ทว่าชายชรากลับสะบัดมือ
“ผมแค่แบ่งปันให้คุณได้เห็นเท่านั้น แต่ไม่คิดจะขายหรอก ของที่ผมชื่นชอบนั้นมีไม่มากนัก และของชิ้นนี้ก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมโปรดปรานที่สุด ถึงต่อให้จะเสนอเงินมากขนาดไหน ผมก็ไม่มีการพิจารณาเลยสักนิด”
เฉินเฟิงที่ได้ยินแบบนั้นจึงถามกลับด้วยความข้องใจ
“ถ้าหากพูดแบบนั้น เงินสองพันล้านนี้ของผมก็ไม่จำเป็นต้องควักออกมาแล้ว”
ชายชราพูดขึ้นอย่างทันควัน “คุณชายเฉินอย่าเพิ่งรีบร้อนใจไป รอให้ผมพูดให้จบก่อน”
ในเมื่อเขาพูดเกลี้ยกล่อมแบบนี้ อย่างนั้นเฉินเฟิงก็คงต้องลองฟังว่าเขาต้องการจะพูดอะไรดีกว่า
“ถึงแม้ว่าอัญมณีเม็ดนี้ผมจะไม่สามารถขายให้แก่คุณชายเฉินได้ แต่เงินสองพันล้านนี้จะสามารถใช้ในการครอบครองมันได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว”
เฉินเฟิงถามอีกครั้ง “ยังไงกัน?คุณไม่ยอมที่จะขายมันให้กับผมไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงพูดแบบนี้ด้วย”
“ถ้าผมจะบอกกับคุณชายเฉินว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่อัญมณีแบบนี้อันเดียว ไม่รู้ว่าคุณชายเฉินจะเชื่อหรือเปล่า”
เฉินเฟิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด “นั่นไม่มีทางอยู่แล้ว”
ชายชราที่เห็นเขาปฏิเสธจึงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“โลกใบใหญ่มหาศาล มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่เราไม่รู้ คุณชายเฉินอย่าเพิ่งด่วนสรุปไปแบบนี้ ส่วนเรื่องที่ผมอยากให้คุณชายเฉินควักเงินสองพันล้านออกมาก็เพื่อที่จะใช้ค้นหาอัญมณีพวกนี้ต่างหาก”
เฉินเฟิงจ้องมองชายชราอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง
“ทำไมผมถึงมีความรู้สึกว่าคุณกำลังหลอกผม โดยการใช้อัญมณีนี้มาล่อให้ผมสนใจ จากนั้นก็ค่อยๆ หลอกล่อให้ผมควักเงินออกมา แล้วสุดท้ายผมอาจจะไม่ได้อะไรเลย แต่คุณกลับได้เงินของผมไปอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเปลืองแรงเลย”
ชายชราถึงกับตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าเฉินเฟิงจะมีความคิดแบบนี้
“นี่ถือคุณกำลังกล่าวหาผมอยู่”
เฉินเฟิงตอบกลับ
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ ผมสนใจแค่เรื่องเงินของตัวเองเท่านั้น ผมไม่อยากใช้เงินโดยไม่มีความชัดเจนแบบนี้ ถึงต่อให้มันจะเป็นแค่เงินสองพันล้านก็ตาม”
คำพูดของเฉินเฟิงทำเอาสีหน้าของชายชราเย็นชาลงทันที เมื่อถูกเฉินเฟิงกล่าวปฏิเสธอย่างเยือกเย็นแบบนี้ เขาก็ไม่อาจหาคำเกลี้ยกล่อมใดมาดึงดูดความสนใจของเขาได้อีกแล้ว
แต่แล้วในตอนที่ชายชรากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ประตูห้องที่พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่ก็ถูกเปิดออก
คนที่สามารถเข้ามารบกวนชายชราที่กำลังคุยธุระ คงจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวทุกคนต่างก็พากันหันไปมองทางนั้นโดยไม่ได้นัดหมาย
เสียงฝีเท้าเดินมาเป็นจังหวะ ก่อนจะปรากฏร่างของเงาสีแดงขึ้นมา เด็กสาวสวมกางเกงรัดรูปขายาวสีดำ พร้อมกับชุดเดรสกระโปรงสั้นสีแดงทรงกะทัดรัด
เธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ท่าทางอายุยังน้อยมาก เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอันเจิดจ้า แต่เมื่อเห็นว่าด้านในมีคนอยู่ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเขินอายขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องมาทางพวกเขาด้วยท่าทีตกตะลึง
ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังแปลกใจอยู่นั้น ชายชราก็พูดต่อว่าขึ้นมา
“เยว่เอ๋อ !ออกไป ปู่กำลังคุยธุระอยู่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้เธอเข้ามา”
เด็กสาวที่ชื่อเยว่เอ๋อคนนั้นที่กำลังเขินอายไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ เมื่อได้ยินคำต่อว่าของชายชรา เธอก็ตัดสินใจจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นอัญมณีที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะ เธอถึงกับเหลียวหันมามองแล้วมองอีก
“อย่ามาก่อเรื่อง รีบออกไป” ชายชรากล่าวสั่งอีกครั้ง
เยว่เอ๋อที่ได้ยินก็ได้เพียงดึงสายตาตัวเองกลับมา ก่อนจะย่างเท้าเล็กๆ วิ่งออกไปด้านนอก
แต่เฉินเฟิงกลับยิ้มออกมา “หลานสาวของคุณงั้นหรอ?”
“ต้องให้คุณชายเฉินหัวเราะเยาะซะแล้ว เธอซุกซนมาตั้งแต่เล็กเลยล่ะ”
“ผมกลับคิดว่าเธอน่ารักดี ถ้าหากคุณไม่ว่าอะไร คุณลองแนะนำหลานสาวของคุณให้กับผม ผมจะเอาเงินสองพันล้านให้คุณทันที ถึงต่อให้คุณจะเล่นตลกกับผม ผมจะทำเป็นว่าเงินสองพันล้านนั่นไม่มีค่าอะไร”
เมื่อเฉินเฟิงพูดจบ สีหน้าของชายชราถึงกับเปลี่ยนไปทันที
“อย่างนั้นธุรกิจอันนี้ผมไม่คุยก็สิ้นเรื่อง ผมยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องขายหลานสาวของตัวเอง”
ทว่าเฉินเฟิงกลับยิ้มตอกกลับอย่างเย็นชา
“ทีบรรพบุรุษของคนอื่นผมยังไม่เห็นว่าคุณจะไว้หน้าเลย ทำไมพอถึงตาของคุณถึงเปลี่ยนเป็นท่าทีหยิ่งผยองแบบนี้ได้”
ชายชราลุกขึ้นอย่างฉุนเฉียว
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เชิญทั้งสองกลับไปเถอะ”
เมื่อพูดจบ เขาหันไปหาหญิงสาวที่อยู่ข้างให้ช่วยเหลือ ก่อนจะเดินไปยังทางออก
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ!”
เฉินเฟิงลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปพูดกับชิงจือ
ชิงจือเป็นคนยังไงก็ได้ แต่เธอกลับมีความสงสัยบางอย่างก่อนจะถามออกมา
“ทำไมอยู่ๆ นิสัยคุณถึงเปลี่ยนไปแบบนี้?”
เฉินเฟิงได้แต่ยักไหล่ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม
“ตาแก่นั่นสุดยอดจริงๆ อัญมณีนั่นก็เป็นของจริง แม้แต่กล่องที่เอามาใส่อัญมณีนั่นก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความประณีตพิถีพิถัน แต่เพียงเพราะของเหล่านี้ ถ้าเป็นคนโลภมากจริงๆ พวกเขาก็จะตอบตกลงทันที แต่ยังมีบางคนที่ต้องไตร่ตรองดูก่อน”
“อย่างเช่นคุณ?”
“ผมนับว่าเป็นหนึ่งในนั้น แต่ว่าเล่ห์กลของเขาไม่ได้มีแค่นี้เท่านั้น ผมบอกจะซื้ออัญมณีเม็ดนั้นด้วยเงินสองพันล้าน เขากลับปฏิเสธ ผมคิดว่าหากผมยืนหยัดแบบนี้ต่อไป เขาน่าจะยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง แล้วค่อยๆ ทำให้ผมปักใจเชื่ออัญมณีนั้นสามารถขุดหามาได้อีก
ซึ่งหากเพียงแค่ผมยอมเชื่อ หลังจากนั้นต่อให้ต้องเสียเงินเยอะขนาดไหนผมจะต้องยอมควักออกมาแน่นอน”
ชิงจือจ้องมองเขา ก่อนจะพูดแค่สองคำออกมา
“จากนั้น?”
เฉินเฟิงถึงกับตอบกลับด้วยความเอือมระอา
“เด็กสาวคนนั้นบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การจัดฉากเท่านั้น”
และนั่นยิ่งทำให้ชิงจือเกิดความสงสัยมากขึ้น แต่ว่าเธอกลับไม่พูดอะไรออกมาได้เพียงแต่ใช้สายตาจ้องมองเฉินเฟิงให้เขาพูดต่อ
เฉินเฟิงที่เข้าใจสายตาของเธอ จึงได้แต่ต้องอธิบายต่อเท่านั้น
“การที่เด็กสาวคนนั้นสามารถเข้ามาที่นี่ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากแล้ว เพราะต่อให้จะเป็นหลานสาวของเขาคนนั้น แต่ในระหว่างที่พวกเรากำลังคุยธุระสำคัญแบบนี้ ไม่มีทางที่ข้างนอกประตูจะไม่มีคนเฝ้าเลย”
ชิงจือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
จากนั้นเฉินเฟิงก็พูดต่อ
“และถ้าหากมีการจงใจปล่อยให้เด็กคนนั้นเข้ามา ส่วนเรื่องที่ว่าเธอจะรู้ความลับเรื่องอัญมณีนั้นหรือเปล่านับว่าเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาได้ แต่ว่าหลังจากที่เธอถูกต่อว่าให้ออกไปนั้น เธอกลับจงใจมองกลับมาด้วยประหลาดใจ ซึ่งสิ่งที่เธอมองก็คืออัญมณีเม็ดนั้น ซึ่งหากพูดตามเหตุผลแล้วเธอคงจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
แต่เรื่องที่เธอไม่รู้นั่นแหละถึงทำให้ผมรู้สึกสงสัย เพราะตาแก่นั่นเคยบอกว่าเขาชื่นชอบอัญมณีอันนั้นที่สุด แสดงว่าโอกาสที่เขาจะนำมันออกมาชื่นชมก็ย่อมมีมากเป็นพิเศษ และไม่มีทางที่จะเอาของโปรดเก็บไว้ในห้องนิรภัยตลอดแน่นอน เพราะหากเป็นแบบนั้นจะไม่เรียกว่าชอบ”