ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 842
ชิงจือที่พอได้ฟังก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ มากมาย
“แล้วคุณจะเตรียมรับมือยังไงต่อ?” ชิงจือถาม
ถึงแม้คำถามของชิงจือจะฟังดูเรียบง่าย แต่เฉินเฟิงเข้าใจดีว่าเธออยากจะรู้ว่าเขาจะรับมือกับเขาคนนั้นอย่างไร
เฉินเฟิงจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม: “เก็บตัวก่อนชั่วคราว เพราะยังไงซะที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของผม อีกอย่างเขาไม่ได้บรรลุแผนการด้วย ดังนั้นผมจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาเสียเวลากับที่นี่”
ชิงจือที่ได้ยินแบบนั้นได้เพียงพยักหน้าโดยไม่แสดงความเห็นใดทั้งสิ้น
ทั้งสองเดินออกมาจากประตู กำลังจะออกจากวิลล่าไป ทว่ากลับมีคนไล่ตามหลังพวกเขามา
และนั่นก็คือเด็กสาวที่ชื่อเยว่เอ๋อที่เพิ่งบุกเข้าไปในห้องเมื่อสักครู่นี้
เฉินเฟิงหยุดก้าวเท้าด้วยความสงสัยพลันหันไปมองเธอ
และเป็นอย่างที่คิดเธอวิ่งไล่ตามเฉินเฟิงพวกเขาสองคนมา
“พวกคุณเป็นแขกของคุณปู่ ตอนนี้จะกลับกันแล้วหรอคะ ?”
เฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความสุภาพ
“พวกคุณช่วยอะไรหนูหน่อยได้หรือเปล่าคะ?” ถึงเยว่เอ๋อจะพูดไปแบบนี้ แต่การร้องขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าก็ทำให้เยว่เอ๋อรู้สึกเกรงใจไม่น้อย
เฉินเฟิงมองเยว่เอ๋อ ก่อนจะหันไปมองชิงจือ หวังจะถามความเห็นจากเธอ แต่ว่าชิงจือยังคงเอาแต่ทำหน้าเฉยชาอยู่อย่างนั้นมองมายังเฉินเฟิง
เฉินเฟิงจึงต้องคุยกับเยว่เอ๋อด้วยตัวเอง: “พวกเราไม่สามารถยืนยันได้หรอกนะว่าจะช่วยเธอได้ แต่เธอสามารถบอกกับพวกเราได้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร พวกเราจะช่วยแน่นอน”
ถึงแม้จะไม่ได้คำตอบที่แน่นอน แต่ใบหน้าของเยว่เอ๋อกลับมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
จากนั้นเธอจึงพาพวกเขาสองคนกลับเข้าไปในวิลล่า ทว่าไม่ได้กลับไปยังห้องโถงที่พวกเขาอยู่เมื่อสักครู่นี้ แต่เป็นห้องนอนห้องหนึ่ง
เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปด้านในก็มีกลิ่นหอมสดชื่นตลบอบอวลอยู่ในห้อง ซึ่งกลิ่นนั้นเป็นกลิ่นหอมของหญิงสาว และที่นี่คงจะเป็นห้องของเด็กสาวแน่นอน
เฉินเฟิงไม่คิดว่าเด็กสาวจะพาพวกเขาสองคนมาที่นี่ ดังนั้นหลังจากที่ได้รู้เขาจึงไม่กล้าตวาดสายตาไปรอบๆ เพียงนั่งลงไปยังที่ที่เด็กสาวชี้ให้พวกเขานั่งเท่านั้น
ซึ่งหลังจากที่เฉินเฟิงนั่งลงไปถึงเพิ่งเห็นว่าภายในห้องมีแค่เก้าอี้ตัวเดียวเท่านั้น เขาอยากจะลุกขึ้นให้ชิงจือนั่ง ทว่าชิงจือกลับยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่ไม่อยากจะนั่ง
เฉินเฟิงจึงได้แต่ยอมรับแล้วนั่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหันสายตาไปยังเยว่เอ๋อที่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมคำถาม
“เอาล่ะ เธอเรียกพวกเราเพราะเรื่องอะไร?”
เยว่เอ๋อที่ดูเหมือนจะยังไม่ทันได้เตรียมตัว จึงทำให้เธอมีความลังเลก่อนจะพูดออกมา ทางด้านเฉินเฟิงที่ไม่ได้รีบร้อนจึงรอฟังอยู่อย่างนั้น
บนโต๊ะหนังสือที่อยู่ข้างกายของเฉินเฟิงมีหนังสือนิยายหลายเล่มวางอยู่ ซึ่งล้วนเป็นพวกวรรณกรรมคลาสสิคของยุโรปและอเมริกา พร้อมกับด้านข้างของมันมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่มีปากกาแนบเอาไว้ ซึ่งคงจะใช้จดบันทึกเวลาที่เด็กสาวอ่านหนังสือ
และเฉินเฟิงพอจะคาดเดาได้เลยว่าเด็กสาวน่าจะชื่นชอบในพวกศิลปะและวรรณกรรม
ซึ่งในตอนนั้นเองที่เยว่เอ๋อเอ่ยปากพูดขึ้นมา: “ที่จริงแล้วเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับคุณปู่ด้วย แต่ว่าหนูไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี”
“เธอควรจะบอกให้ละเอียดกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือเธอยังไง” เฉินเฟิงบอก
เยว่เอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นจึงตัดสินใจพูดออกมา: “หนูพบว่าคุณปู่กำลังทำเรื่องที่ไม่ดี แต่ว่าหนูไม่กล้าที่จะไปคุยกับเขา กลัวว่าจะถูกด่าแล้วเขาจะไม่ต้องการหนูอีก”
เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวจะไม่รู้เรื่องที่ชายชรานั้นทำ หรือว่าเด็กสาวกำลังหลอกพวกเขาอยู่เหมือนกัน
ด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย เฉินเฟิงจึงพยายามสังเกตท่าทีของเด็กสาวอย่างระมัดระวัง
ในขณะที่เธอพูดออกมา สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังลังเล ราวกับว่ารู้สึกอับอายที่กำลังทรยศ
“แล้วทำไมเธอถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ออกมา?” เฉินเฟิงคิดอยู่ในใจ
แต่แล้วเยว่เอ๋อก็อธิบายถถึงเรื่องที่คาใจของเขา
“หนูไม่รู้ว่าพวกคุณจะเชื่อหรือเปล่า แต่หนูรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณมาคุยธุระกับคุณปู่ ดังนั้นเรื่องบางอย่างพวกคุณอย่าเชื่อจะดีกว่า”
เฉินเฟิงได้เพียงมองเด็กสาวอย่างใจเย็น เขาเข้าใจความหมายของเด็กสาว แต่กลับไม่รู้จะพูดให้ชัดเจนยังไง ทั้งยังไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือเธอยังไงอีกด้วย
“ขอบคุณสำหรับคำเตือนของเธอ พวกเรารู้ว่าควรจะทำยังไง แต่เรื่องบางเรื่องสำหรับเธอแล้ว อืม ถ้าหากว่าไม่มีทางเลือกจริง อย่างนั้นการหนีก็ถือว่าเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ออกไปจากที่นี่ก็พอแล้ว”
ดูจากท่าทางแล้วเธอคงจะเป็นคนมีนิสัยค่อนข้างสงบเสงี่ยม ถึงแม้จะดูสดใสซุกซน แต่กลับไม่กล้าดิ้นรนทำเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น และเมื่อมาอยู่ในสถานการณ์ต้องเลือกแบบนี้ คนที่ทุกข์ใจจึงกลายเป็นตัวเธอเอง
ทันทีที่เฉินเฟิงพูดจบ เยว่เอ๋อก็เข้าใจความหมายของเขาทันที
ตอนนี้เหมือนเธอกำลังตัดสินใจด้วยความลังเล ทว่าเฉินเฟิงกลับลุกขึ้นยืน ในเมื่อรู้ถึงความต้องการของเด็กสาวแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ซึ่งในตอนที่พวกเขากำลังจะออกไป เยว่เอ๋อก็พูดขึ้นมา
“คุณพอจะช่วยหนูได้หรือเปล่า?”
เฉินเฟิงชะงัก พลางหันกลับไปมองเยว่เอ๋อ
“เธอคิดจะทำอะไร?” เขาถาม
เยว่เอ๋อขมุบขมิบปาก ดูเหมือนว่าเธอได้ทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ไปแล้ว: “พาหนูออกไปจากที่นี่ได้หรือเปล่าคะ?”
เฉินเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับปวดหัวขึ้นมา เขาไม่คิดเลยว่าเด็กสาวที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกจะใจใหญ่ใจโตหนีออกไปจากที่นี่พร้อมกับคนแปลกหน้าสองคน
“เธอไม่กลัวว่าพวกเราจะเป็นคนไม่ดีหรอ?” เฉินเฟิงถามอีกครั้ง
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าคำตอบของเด็กสาวจะไร้เดียงสาขนาดนี้
“หนูเชื่อว่าพวกคุณไม่ใช่คนเลวร้ายแน่นอน อีกอย่างพี่สาวก็สวยขนาดนี้ด้วย เธอจะต้องเป็นคนใจดีที่สุดในโลกแน่นอนค่ะ”
เฉินเฟิงถึงกับต้องเหลียวมองไปยังชิงจือ ความสวยของชิงจือนั้นเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้อื่นหลงใหล แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือสีหน้าเย็นชาที่คอยต่อต้านคนอื่นของเธอ แต่ว่าเด็กสาวที่ไร้เดียงสาคนนี้กลับเชื่อมั่นในตัวชิงจือเสียอย่างนั้น
ถึงอย่างนั้นเฉินเฟิงยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ: “พวกเราพาเธอไปไม่ได้หรอกนะ ที่ที่พวกเราจะไปนั้นอันตรายมาก”
เมื่อได้ยินคำตอบของเฉินเฟิง เยว่เอ๋อถึงกับหดหู่ทันทีก่อนจะทรุดตัวลงไป
แต่คิดไม่ถึงว่าชิงจือจะเอ่ยปากขึ้นมา : “ฉันตกลง”
เฉินเฟิงหันไปมองชิงจือด้วยความไม่อยากเชื่อ: “คุณตอบตกลง?เพราะอะไร การพาเด็กคนนี้ไปด้วยจะยิ่งยุ่งยากกว่าเดิมนะ”
ชิงจือไม่ได้อธิบายอะไรทั้งสิ้น ส่วนเยว่เอ๋อที่ทรุดตัวลงนอนไปบนเตียงเมื่อสักครู่นี้ก็เด้งตัวขึ้นมาด้วยความดีใจ เธอกำลังจะเข้าไปกอดพวกเขาสองคน ทว่าสังเกตได้ว่าเฉินเฟิงนั้นเป็นผู้ชาย ส่วนชิงจือก็เอาแต่ทำหน้าเย็นชา ดังนั้นเธอจึงได้แต่ยอมแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ในเมื่อชิงจือได้ตอบตกลงไปแล้ว เฉินเฟิงจึงไม่สามารถขัดอะไรได้ แต่การจะพาตัวหลานสาวของคนอื่นออกจากบ้านไปแบบนี้ เขารู้สึกว่ามันจะเป็นความคิดที่แปลกประหลาดไปหน่อย
“ต่อให้หล่อนจะตอบตกลงไปแล้ว แต่การพาเธอออกไปก็ยังยุ่งยากอยู่ดี คนในครอบครัวของเธอไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน”
แต่เยว่เอ๋อกลับตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย : “คุณวางใจได้เลยค่ะ เรื่องนั้นหนูจัดเตรียมไว้หมดแล้ว”
พูดไป เธอก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเป้ตุงๆ ใบหนึ่งในตู้ออกมา ก่อนจะสะพายไว้ข้างหลัง: “พวกคุณตามมา”
ดูท่าแล้วเธอน่าจะเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว และเฉินเฟิงพวกเขาสองคนก็เป็นแค่หนึ่งในตัวเลือกของเธอเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่พวกเขาสองคน ก็อาจจะเป็นคนอื่นที่เธอจะไปด้วย
จากนั้นเฉินเฟิงก็หันไปมองชิงจืออีกครั้ง เพราะว่านี่เป็นการตัดสินใจของเธอ
แต่ชิงจือกลับเดินตามหลังเยว่เอ๋อไปจริงๆ เพื่อเตรียมตัวออกไปจากที่นี่
เฉินเฟิงขับรถออกมาจอดข้างทาง รอให้พวกเธอสองคนตามมา
หลังจากที่เยว่เอ๋อวางแผนจะออกไปจากที่นี่ เธอได้บอกสถานที่นัดพบกับเขา ให้เขาไปรอพวกเธออยู่ที่นั่น
พอผ่านไปไม่นานในป่าก็ปรากฏเงาของคนสองคนขึ้นมา ซึ่งก็คือเยว่เอ๋อกับชิงจือนั่นเอง เยว่เอ๋อสะพายกระเป๋าแล้ววิ่งมาอย่างสบายๆ โดยมีชิงจือเดินตามหลังมา ดูแล้วเหมือนกับสองแม่ลูกที่กำลังวิ่งเล่นกันซะอย่างนั้น
รอจนกระทั่งพวกเธอเดินมาถึงรถของเฉินเฟิง การหลบหนีครั้งนี้ราวกับได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ทว่าทันใดนั้นก็มีชายหลายคนปรากฏตัวออกมา และนั่นทำให้เฉินเฟิงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา