ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 855
แต่ว่าสุดท้ายทั้งสองก็ไม่ได้ต่อสู้กัน เพราะว่าหญิงสาวได้กลับมาแล้ว
เมื่อมองดูพวกเขาสองคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยสีหน้าตึงเครียด หญิงสาวก็ยิ้มออกมาทันที : “ทำอะไรกันอยู่เนี่ย ผู้ชายอย่างพวกคุณเอาแต่ชอบต่อสู้ฆ่าแกงกันเกินไปแล้วมั้ง จะสงบศึกกันไม่ได้เลยหรือไงกัน มาๆ คุณมานั่งก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องจะบอกกับคุณ ”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ เฉินเฟิงจึงได้เพียงกลับไปนั่งตามที่เธอบอกเท่านั้น
เมื่อนั่งลง เขาก็กล่าวถามทันที : “แล้วคนที่ผมต้องการล่ะ?”
หญิงสาวนั่งลงตรงนั้นพลางไขว้ขาขึ้น จนเฉินเฟิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามสามารถมองเห็นบางอย่างในที่ลับนั้นของเธอ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจงใจทำแบบนั้นโดยไม่สนใจสายตาของเฉินเฟิงเลย
แต่ถึงอย่างนั้นเฉินเฟิงก็ไม่ใช่คนหัวอ่อนอะไร จึงไม่มีทางถูกการกระทำแบบนี้ของเธอยั่วยวนเขาได้ ก่อนที่เขาจะมองไปที่เธอด้วยสายตาเฉียบขาด
ทว่าหญิงสาวยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นพลางพูดด้วยความเรียบนิ่ง: “น่าเสียดายหน่อยนะคะ พอดีว่าคนยังมาไม่ถึง แต่นี่ไม่ใช่เพราะว่าพวกเราไม่ยอมปล่อยคนหรอกนะคะ เพราะส่วนใหญ่แล้วต้องรอจนถึงช่วงหัวค่ำก่อนพวกเขาถึงจะมาถึงที่นี่ ”
เฉินเฟิงไม่อยากจะไปสนใจคำพูดพวกนี้ของเธอ ก่อนจะถามอย่างเย็นชา : “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
หญิงสาวตอบกลับ: “ ฉันบอกกับคุณแล้วไม่ใช่หรอคะ หากยังมาไม่ถึงที่นี่พวกเราจะไม่เข้าไปก่อกวนเด็ดขาด คุณอยู่รอจะดีกว่านะคะ บางทีอีกไม่นานก็น่าจะมาถึงแล้ว ”
จู่ๆ เฉินเฟิงก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปจับคอของหญิงสาวเอาไว้ และนั่นทำให้เฉินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อยที่หญิงสาวไม่ได้มีการต่อต้านใดๆ เลย จากนั้นเขาก็บีบคอของอีกฝ่ายอย่างผ่อนคลาย
“คุณชายท่านนี้ ตอนนี้ต่อให้คุณจับฉันเอาไว้ ฉันก็ไม่มีปัญญาที่จะเปลี่ยนเป็นคนอีกคนได้หรอกนะคะ ”
หากเฉินเฟิงเพียงแค่บีบเบาๆ หญิงสาวคนนี้ก็สามารถตายได้เลย แต่เธอกลับมีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกใดๆ แม้แต่เสียงที่พูดออกมาอย่างนิ่งเฉยอีกต่างหาก
ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอยู่ดี เพียงแค่ถามกลับอีกครั้งเท่านั้น : “คุณเชื่อหรือเปล่าว่าผมจะฆ่าคุณได้ในทันที”
สีหน้าของหญิงสาวดูทรมานอย่างมาก ซึ่งเกิดการขาดอากาศหายใจจากการถูกบีบคอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา: “ เชื่อ แน่นอนว่าต้องเชื่ออยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าทำไมคุณชายท่านนี้ถึงต้องทำแบบนี้ด้วย ทั้งที่พวกเราพยายามทำตามคำขอของคุณชายแล้ว ”
และที่ทำให้เฉินเฟิงไม่เข้าใจมากขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่หญิงสาวเท่านั้น เพราะแม้แต่หลินเฉิงจื้อก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับตัวสักนิดราวกับว่าไม่กลัวว่าเฉินเฟิงจะฆ่าคนจริงๆ
เฉินเฟิงยังคงพูดขึ้นอีกครั้ง: “ผมอยากรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน?ถ้าหากว่าคุณพาตัวเธอออกมาไม่ได้ ผมจะฆ่าคุณซะ ”
หญิงสาวตอบกลับ: “นี่คุณกำลังสร้างความลำบากใจกันอยู่นะคะ ฉันว่าคุณฆ่าฉันเลยจะดีกว่า เพราะยังไงเสียมันก็อยู่กับการตัดสินใจของคุณอยู่แล้ว”
และคำยอมรับชะตาชีวิตนี้ของเธอก็ทำให้เฉินเฟิงชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาก็กลับยิ่งเพิ่มแรงในมือมากขึ้นจนหญิงสาวเกิดความทรมานมากยิ่งขึ้นจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
แต่เธอกลับไม่ร้องคร่ำครวญเจ็บปวดออกมาเลยสักคำ ราวกับว่าได้เตรียมใจยอมรับกับความตายเอาไว้แล้ว
และก่อนหน้าที่เธอจะขาดใจตายเพียงวินาทีเดียว เฉินเฟิงก็ปล่อยมือออก
หลังจากที่หลุดออกจากการควบคุมของเฉินเฟิง หญิงสาวก็ไอออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับหอบอย่างหนัก จนผ่านไปครู่หนึ่งกว่าอาการจะดีขึ้นมา
เฉินเฟิงก็เพียงแค่จ้องมองเธออย่างเยือกเย็นเท่านั้น
หลังจากรอจนกระทั่งท่าทีของเธอดีขึ้น จึงค่อยหันไปพูดกับเฉินเฟิง : “คุณก็รุนแรงเกินไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ว่าคุณปล่อยมือออก ร่างกายเล็กๆ นี้ของฉันก็คงจะตายไปแล้ว คุณนี่จะยอมให้ร่างกายอันบอบบางนี้กลายเป็นศพจริงสินะ !”
เฉินเฟิงจ้องมองเธอโดยไม่ได้มีความโกรธเคืองเลยสักนิด ถึงแม้จะมีความรู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับพูดด้วยเสียงเย็นชา: “ทางที่ดีที่สุดคือสิ่งที่คุณพูดจะต้องเป็นความจริง ช่วงเย็นผมจะต้องไปเจอกับเธอ ”
ในเมื่อสามารถเอาชีวิตของตัวเองมาทำแบบนี้ได้ แสดงว่าหากไม่ใช่เพราะว่าชีวิตของเธอไม่มีค่า ก็คงจะเป็นเพราะเธอไร้หนทางแล้วจริงๆ ดังนั้นเฉินเฟิงจึงทำได้เพียงเลือกที่จะต้องเชื่อเท่านั้น
ทันทีที่เฉินเฟิงพูดจบ หญิงสาวก็ยิ้มให้กับเฉินเฟิงพร้อมกับตอบ : “วางวางใจได้เลยค่ะ ในเมื่อฉันตอบตกลงไปแล้ว พวกเราก็จะทำตามที่พูดแน่นอน ถ้าหากว่ามีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ยังไงซะคุณก็สามารถจัดการกับฉันอยู่แล้วนี่คะ!”
เฉินเฟิงมองดูเธอยิ้มอยู่ตรงนั้น แต่กลับไม่สามารถอ่านความคิดของเธอได้เลย ราวกับว่าเธอเป็นเหมือนหุบเหวลึกแห่งหนึ่ง ที่ลึกเกินไปจนหยั่งจะรู้ได้
เมื่อถูกสั่งให้อยู่รอในห้องรับแขกสักพัก หญิงสาวก็อยากจะพาเฉินเฟิงออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย แต่เฉินเฟิงกลับปฏิเสธไปโดยตรง ซึ่งที่จริงเขาก็ไม่ได้มีความสนใจอะไรพวกนั้นอยู่แล้วด้วย
แต่หญิงสาวยังคงไม่ได้ยอมปล่อยเขาไปง่ายดายแบบนั้น เธอนั่งลงข้างๆ ของเขาก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้พร้อมคำถาม : “จนถึงตอนนี้แล้วฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใครเลย ?ตัวฉันมีชื่อว่าเซียงหลัน เป็นผู้จัดการของหอจิ่วโหยว ไม่ทราบว่าคุณชายมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรคะ”
เฉินเฟิงได้หลับตาลงไปตั้งนานแล้ว ในเมื่อเขาไม่อยากมองเธอ อย่างนั้นเลยไม่อยากที่จะไปสนใจเธอด้วย
แต่ทันใดนั้นก็มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปบนแขนของเขา ก่อนจะวนไปรอบบริเวณนั้น ซึ่งนั่นทำให้เฉินเฟิงเกิดอาการจั้กจี้ขึ้นมา แต่เพราะกลัวจะเสียหน้า จึงไม่อยากที่จะพูดออกไป
แต่หญิงสาวกลับเพิ่มความร้ายกาจมากขึ้น เมื่อมือข้างหนึ่งลูบผ่านหน้าอกของเขาไป ซึ่งนั่นจึงทำให้เฉินเฟิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปก่อนจะสะบัดมือนั้นออก พร้อมกับพูดอย่างไม่พอใจ : “คุณไม่ต้องมาลวนลาม ผมบอกกับคุณก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
หญิงสาวหัวเราะขึ้นมาทันที : “ฉันก็นึกว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีความสนใจซะแล้ว?”
เฉินเฟิงเบิกตากว้างจ้องมองเธอ: “ผมเป็นแค่คนธรรมดาในยุทธภพคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ชื่อว่า เฝิงเฉิง ”
เมื่อได้ยินชื่อนี้หญิงสาวก็หันไปมองด้วยสีหน้าสงสัยพร้อมกับพูด : “คุณคงจะไม่ได้โกหกฉันหรอกนะคะ เฝิงเฉิง ?ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินว่าใครที่มีความเก่งกาจระดับนี้ชื่อนี้มาก่อนเลย ”
เฉินเฟิงตอบกลับ: “ก็แค่ไม่ได้ออกมาแสดงฝีมือ การที่พวกคุณไม่รู้จักก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ”
เมื่อเฉินเฟิงพูดแบบนี้หญิงสาวจึงไม่ได้ไล่เอาความอะไรอีก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมาความสงสัยอยู่ในใจก่อนจะถามอีกครั้ง
: “แต่ฉันว่าการฝึกฝนวิชาต่อสู้ของคุณเหมือนจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับวิชาการต่อสู้อย่างเป็นทั่วๆ ไม่เห็นจะเหมือนคนธรรมดาที่ออกมาจากในซอกในหลืบอะไรแบบนั้นเลยสักนิด ”
เฉินเฟิงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ทั้งยังถามกลับอีกต่างหาก: “แต่ผมก็เห็นว่ากระบวนท่าการต่อสู้ของพวกคุณนั้นร้ายกาจจัดจ้านอย่างมาก แถมยังชอบทำอะไรที่ไม่มีความคิดอีกด้วย ผมว่าพวกคุณต่างหากที่ไม่ใช่คนดีอะไร ”
เซียงหลันหัวเราะออกมาเบาๆ : “แต่ฉันยังไม่เคยบอกเลยนะคะว่าพวกเราเป็นคนดี อย่างนั้นคงเป็นเพราะคุณชายเข้าใจผิดแล้วหล่ะ เซียงหลันต้องขออภัยด้วย ”
เฉินเฟิงนิ่งเฉยกับวิธีการหลอกล่อคนด้วยความเย้ายวนของเธอ ทั้งยังพูดตอบกลับเพียงว่า : “ในเมื่อไม่ได้เป็นคนดีอะไร อย่างนั้นทำไมถึงยังจะทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ด้วย ?”
เซียงหลันตอบกลับ: “คุณก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ จับคนมา หลอกเงินนิดหน่อย พวกเราก็เป็นแค่พลเรือนตัวเล็กๆ เท่านั้น จะให้กล้าออกไปหลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่นได้ยังไงคะ”
เฉินเฟิงแอบยิ้มอยู่ในใจ คนที่สูญเสียความเป็นคนแบบนี้กลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสมเพชแบบนี้ได้ด้วย
“อย่างนั้นพวกคุณก็คิดที่จะเป็นใหญ่เป็นโตสินะ?” เฉินเฟิงถามกลับ
เซียงหลันตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม: “แน่นอนว่าต้องมีความคิดนั้นอยู่แล้ว แต่จะเป็นจริงได้หรือเปล่านั้นก็ไม่รู้แล้ว ถ้าหากเผอิญเจอกับคนแข็งแกร่งแบบนี้เช่นคุณ เกรงว่าพวกเราคงต้องได้ปิดกิจการแล้ว”
“การที่พวกคุณเลือกสาวสวยพวกนั้น แล้วใช้ประโยชน์จากการล้างสมองไม่ให้พวกเธอไม่สามารถไปแจ้งความได้ ซึ่งการทำแบบนี้เป็นเพียงการเล่นสนุกกับร่างกายของพวกเธอครั้งเดียวเท่านั้นจริงหรอ ”
แต่ดูเหมือนว่าเซียงหลันจะไม่ยินยอมพูดเรื่องนี้ต่อไป เพียงยิ้มเท่านั้น: “คุณชาย เรื่องนี้คงจะบอกกับคุณไม่ได้ ถ้าหากว่าคุณอยากจะรู้ คุณก็เข้าร่วมกลุ่มพวกเราสิคะ ”
“แค่นี้ก็จะดึงคนเข้ากลุ่มแล้ว”
“แน่นอนค่ะ คุณชายเก่งกาจขนาดนี้ ใครได้เห็นก็ต้องจ้องจับจนตาเป็นมันแล้ว ไม่ใช่แค่ตาเป็นมันนะคะ แม้แต่ปากก็เป็นมันไม่ต่างกัน ”
รอยยิ้มยั่วยวนที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีนั้น พร้อมกับดวงตาทั้งสองที่กระชากใจให้เต้นแรง และปากที่อ้าออกมาเล็กน้อยในทุกครั้งที่ริมฝีปากทั้งสองกำลังเคลียคลอกันอย่างไม่หยุดยั้ง