ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 870
เฉินเฟิงทำท่าถูมือไปมา หัวเราะแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่ง่ายเลยที่มีโอกาสจะได้เจอกับคุณเพียงลำพังคนเดียวอย่างนี้ ผมจะปล่อยให้ผ่านไปได้ยังไงกันล่ะ รอให้คุณจากไปแล้ว งั้นค่อยลงมือกับคุณก็คงไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้อีกแล้ว”
หลี่ชื่อจือถอยหลังไปครึ่งก้าว แต่ยังไม่เชื่อว่าเฉินเฟิงจะลงมือจริงๆ
“ถึงแม้ฝีมือคุณจะอยู่ในระดับขั้นสูงสุดก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นตระกูลเชียนอยู่ในสายตาอย่างนี้ได้นะ?”
เฉินเฟิงพูดว่า “นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเชียนเลย ขอเพียงพวกเราต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ จะเป็นใครลงมือก่อนก็ไม่เห็นแตกต่างอะไรเลย”
หลี่ชื่อจือมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความโกรธ “คุณชายเฉินจะเอาอย่างงี้จริงๆเหรอ?”
แต่ว่ายังพูดไม่ทันขาดคำ เฉินเฟิงก็เริ่มลงมือแล้ว ในเมื่อรับปากกับเชียนหนิงแล้วว่าจะสร้างสถานการณ์วุ่นวายขึ้นมา งั้นเวลานี้ก็จะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ส่วนถ้าหากสามารถสังหารหลี่ชื่อจือที่นี่ได้จริงๆ งั้นก็ยิ่งวิเศษที่สุดแล้ว
ซัดฝ่ามือออกไปหนึ่งที เป้าหมายก็คือศีรษะของหลี่ชื่อจือ
แต่ว่าหลี่ชื่อจือถึงแม้ว่าจะสูงวัยแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถรับมือได้ เฉินเฟิงก็เจตนาที่จะให้ความวุ่นวายของสองคนสามารถยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด ดังนั้นจึงลงมืออย่างออมแรง
หลี่ชื่อจือหลบฝ่ามือนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ยกไม้เท้าในมือขึ้นขวาง พุ่งไปยังช่วงเอวของเฉินเฟิง ด้วยพลังที่ค่อนข้างแรงทีเดียว
ฝีมือระดับชั้นของเฉินเฟิงถึงอย่างไงก็สูงกว่าของหลี่ชื่อจือ จึงหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าทันทีที่ไม้เท้ากวาดผ่านด้านหน้าของเฉินเฟิงนั้นก็ยืดยาวออกมาหนึ่งท่อนทันที ท่อนที่ยื่นออกมานั้นกลับเป็นมีดดาบที่แหลมคม
แต่ว่ากระบวนท่าของเฉินเฟิงก็ได้จบลงแล้ว หากจะเปลี่ยนกระบวนท่าใหม่ก็ไม่ทันเสียแล้ว กระบี่นั้นก็ปาดผ่านไปยังหน้าท้องของเฉินเฟิงเกิดเป็นบาดแผลขึ้นมาทันที
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่ทำให้เฉินเฟิงถึงกับต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปก่อน
ในเมื่อได้รับบาดเจ็บแล้ว เขาก็รีบถอยห่างออกไป ยืนให้ห่างจากหลี่ชื่อจือไกลหน่อย เขาพูดเยาะเย้ยว่า “สมกับที่เป็นถึงหลังจู่เสียจริง แค่นี้ก็สามารถทำให้ฉันบาดเจ็บไปก่อนเลย”
เฉินเฟิงถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าสำหรับหลี่ชื่อจือแล้วก็ยังไม่สามารถที่จะต้านทานซึ่งหน้าโดยตรงได้ ทั้งสองคนต่างก็เดินห่างออกไป เขาก็ไม่กล้าที่จะบุกขึ้นไป ได้แต่พูดอย่างเรียบๆว่า “นี่เป็นเพียงแค่วิธีปกป้องรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าคุณชายเฉินจะเป็นคนแรกที่ได้ลิ้มลอง”
คำพูดของเขารุนแรงกว่าคำพูดที่ด่าทอเฉินเฟิงเสียอีก เป็นการพูดให้เห็นชัดว่าเฉินเฟิงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่คำนึงถึงจริยธรรมของผู้ฝึกวรยุทธ์ แต่ว่าเฉินเฟิงก็ไม่ได้โต้เถียงใดๆ
เขาจัดการกับบาดแผลของตัวเองอย่างง่ายๆ ใช้เสื้อผ้าพันแผลขดมัดไว้เป็นก้อน ใช้วิธีนี้เพื่อห้ามเลือดไว้ แต่ว่าบาดแผลลึกมาก ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้เสื้อผ้าที่ห่อไว้นั้นมีเลือดสีแดงซึมออกมาแล้ว
ขณะนี้ก็มีคนมามุงดูพวกเขาแล้ว เพียงแต่ว่าแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายที่เข้ามาชมดูนั้น ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาห้ามเลย ส่วนคนของตระกูลเชียนก็ยังไม่ทันได้มาเห็น
ความวุ่นวายก็ยังขยายวงกว้างไม่มากพอ เฉินเฟิงจึงต้องก่อกวนต่อไปอีก
คราวนี้สำหรับตาแก่นี้ก็ได้เตรียมป้องกันตัวไว้แล้ว เฉินเฟิงจึงไม่คิดที่จะออมมืออีกต่อไป แต่ละกระบวนท่าล้วนหมายเอาชีวิตทั้งนั้น มุ่งเป้าสังหารเขาให้ตายอยู่ตรงนี้เลย
หลี่ชื่อจือก็ต้องต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์ แต่ว่าเฉินเฟิงจะไม่ออมมืออีกแล้ว ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่า เฉินเฟิงก็ได้บีบข้อมือของหลี่ชื่อจือไว้ได้ ใช้มือออกแรงบิดไปหนึ่งที กระดูกก็แตกร้าวทันที
หลี่ชื่อจือเพียงแค่ขมวดคิ้วเท่านั้น ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว
สมกับเป็นลักษณะของหมาป่าอย่างแท้จริง เพียงแค่มองดูจากความอดทนเช่นนี้แล้ว เฉินเฟิงก็รู้แล้วว่าเจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีทางที่จะถอยไปได้อีกแล้ว
ทำลายแขนของหลี่ชื่อจือไปข้างหนึ่งแล้ว ถ้าหากว่าตระกูลเชียนยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีกละก็ เขาอาจจะเอาชีวิตของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญ หรือว่าเป็นการเจตนาที่มาทันเวลาพอดีเช่นนั้น ฝ่ามือของเฉินเฟิงที่กำลังจะฟาดลงกลางศีรษะนั้นก็ถูกคนขัดขวางเอาไว้แล้ว
ส่วนคนที่ขัดขวางเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือเชียนสวนยี่นั้นเอง
เขาลากแขนของเฉินเฟิงไว้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณท่าน คุณกำลังจะทำอะไรเหรอ?”
เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ฆ่าคน”
แม้แต่เชียนสวนยี่ที่ขวางอยู่ตรงหน้าเฉินเฟิงนั้น ก็ยังถูกดึงให้เข้าร่วมวงในการต่อสู้ด้วย
เชียนสวนยี่พลางต้านกระบวนท่าไว้ พลางถามว่า “คุณท่าน ผมไม่รู้ว่าระหว่างพวกคุณมีความแค้นอะไรกัน แต่ถ้าอยู่ในบ้านตระกูลเชียนเรา คุณทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่เห็นแก่หน้าตระกูลเชียนเราเลยนะ”
ไม่ต้องอธิบายก็รู้ความหมายคำข่มขู่ของเขาแล้ว
เฉินเฟิงพูดว่า “หน้าตาขอตระกูลเชียนของคุณหรือจะสำคัญกว่าชีวิตของตัวฉันล่ะ เขาต้องการฆ่าฉันถ้าฉันไม่ปกป้องตัวเอง หรือว่าจะรอให้เขาลงมือก่อนล่ะ”
พอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของหลี่ชื่อจือที่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณลงมือกะทันหัน ยังจะมาใส่ร้ายกันอย่างนี้อีก ที่แท้คุณก็เป็นคนเลวทราบต่ำช้าเช่นนี้เอง คิดว่าก่อนหน้านี้ฉันคงดูคุณผิดไปแล้วจริงๆ”
เชียนสวนยี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีว่า “คุณชายเฉิน ความขัดแย้งระหว่างพวกคุณตระกูลเชียนเราไม่สามารถก้าวก่ายได้ แต่ในเมื่อพวกท่านทั้งสองต่างก็เป็นแขกของตระกูลเชียนเรา งั้นตระกูลเชียนเราก็ย่อมมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับท่านทั้งสองด้วย ถ้าคุณยังยืนยันจะลงมือต่อไปอีก งั้นก็อย่าหาว่าตระกูลเชียนเราไร้มารยาทก็แล้วกัน”
เฉินเฟิงพูดว่า “จะมีมารยาทหรือไร้มารยาทก็เป็นเรื่องของพวกคุณ เมื่อฆ่าเขาได้แล้ว ฉันจึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ฉันไม่สนหรอกว่าจะอยู่ที่บ้านตระกูลเชียนหรือว่าอยู่สถานที่ไหนทั้งนั้น”
พูดพลาง เฉินเฟิงก็เปลี่ยนกระบวนท่าต่อไป พยายามที่จะหลบหลีกการขัดขวางของเชียนสวนยี่ เพื่อที่จะไปจู่โจมหลี่ชื่อจือ
แต่ว่าหลังจากที่ได้ประมือกับเชียนสวนยี่แล้ว จึงพบว่าพละกำลังของเขาไม่เหมือนกับท่าทางที่อ่อนโยนเรียบร้อยของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
กระบวนท่าดุดัน แม่นยำ แม้แต่ลวดลายอะไรก็ไม่มีเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเชียนสวนยี่เพียงแค่อยากจะขัดขวางเฉินเฟิงไว้เท่านั้น หากว่าต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆแล้ว เฉินเฟิงอาจจะได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ได้
ส่วนความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็สามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากแล้ว ในเวลาเดียวกันนี้เองเชียนหนิงก็ค่อยๆแอบย่องเข้าไปในห้องของนางเอกคนนั้น
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะอยากรู้อยากเห็นกันทั้งนั้น ที่ไหนมีความครึกครื้น ก็มักจะเข้าไปมุงดูอย่างไม่รู้ตัว ยกเว้นหญิงสาวที่มีความในใจ รวมทั้งคนที่ตั้งใจจะพาหญิงสาวหนีไปอย่างเชียนหนิง
หญิงสาวนั่งอยู่ตรงหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งภายในห้อง ถึงเวลานี้ก็ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกเลยตั้งแต่งานเลี้ยงเลิกไปแล้ว ในใจเธอก็ยังคิดถึงแต่คนที่อาจจะมาหาเธอ เชียนหนิง
ในสมองล้วนคิดแต่ว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี จะพูดเตือนเชียนหนิงอย่างไรดี แต่ว่าขณะที่เธอได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอก็ลืมคำพูดที่ได้เตรียมไว้เมื่อครู่นี้จนหมดสิ้น
ยังไม่ทันรอให้เธออนุญาต ประตูห้องก็ถูกเปิดออกแล้ว
เป็นเชียนหนิงอย่างแน่นอน เขาดูเหมือนตื่นเต้นมากเลย สายตาที่ตื่นเต้นยินดีนั้นถึงแม้จะห่างกันไกลขนาดนั้น เธอก็ยังสามารถรับรู้ได้
เมื่อมองดูความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาเช่นนี้ เธอรู้สึกว่าถ้าเธอตกลงกับเชียนหนิงแล้ว งั้นภาพเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรกันล่ะ เมื่อหนีไปกับเขาไปอยู่ที่ที่ไม่มีคนหาพวกเขาพบ ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายนอกจากกังวลเรื่องอาหารการกินแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หรือว่ามองดูเขาที่ไปรักชอบเด็กสาวในหมู่บ้านเล็กๆ………
เธอรีบหยุดความคิดเพ้อฝันนั้นทันที มองไปยังเชียนหนิง เธอพูดว่า “ฉันพูดกับคุณแล้ว……”
แต่ว่ายังพูดไม่ทันจบก็ถูกพูดตัดตอนแล้ว
“ถ้าคุณไม่ไปกับฉัน งั้นฉันก็จะตายตรงหน้าคุณตอนนี้เลย……”
“อย่านะ……” หญิงสาวร้องตะโกน
เชียนหนิงฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่สามารถที่จะทนต่อไปได้อีกแล้ว ถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป สำหรับฉันแล้ว ก็เหมือนกับตายทั้งเป็น”
หญิงสาวมองไปยังเชียนหนิงอย่างเคร่งขรึม เธอพูดว่า “ถ้าคุณตายอยู่ที่นี่ ฉันก็จะตายตามคุณไปด้วยทันทีเหมือนกัน”
“ฉันก็ไม่อยากตายอยู่ที่นี่ คุณหนีไปกับฉันนะ ฉันจะพาคุณไป หนีไปให้พ้นจากที่นี่” เชียนหนิงรีบพูดอธิบาย
แต่ว่าถึงแม้เป็นเช่นนี้แล้ว หญิงสาวก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ ริมฝีปากของเธอนั้นถูกฟันกัดจนเป็นรอยเลือดสีแดง แต่เธอดูเหมือนยังไม่รู้สึกตัวเลย
“ฉันไม่มีเวลามากพอแล้ว…….” เชียนหนิงก็ไม่อยากจะไปเร่งรัด แต่ว่าเฉินเฟิงที่กำลังก่อความวุ่นวายอยู่ข้างนอกคงไม่สามารถที่จะยื้อเวลาให้นานมากได้