ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 893
แต่ยังดีที่ว่าผ่านไปสักครู่หนึ่ง เฉินเฟิงก็พบว่าฝ่ายตรงข้ามคงเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน อย่างน้อยในด้านการควบคุมรถนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าตัวเองเลย
ดูราวกับเหมือนดาวตกสองดวงกำลังวิ่งพุ่งข้ามขอบฟ้าที่มืดมิดไป เหลือไว้แต่เพียงลำแสงไฟท้ายรถที่วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถนนสายนี้ไม่มีรถราวิ่งผ่านเลย มีเพียงรถยนต์สองคันที่วิ่งผ่านมาด้วยความเร็วสูงที่บ้าระห่ำ
ความมืดก็กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว รถทั้งสองคันก็วิ่งไปยังที่ที่ห่างไกลออกไปมากขึ้น
สี่แยกไฟแดงตรงข้างหน้า ไฟเขียวที่สว่างอยู่จวนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นไฟแดงแล้ว ส่วนรถคันนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลย
แน่นอนว่าในเวลานี้ ไฟแดงก็เป็นเพียงแค่สิ่งประดับชิ้นหนึ่งเท่านั้น ความเร็วรถของเฉินเฟิงก็ย่อมไม่ได้ลดลงไปเช่นกัน
แต่ว่าก่อนที่จะถึงทางแยกนั้น ฝ่ายตรงข้ามถึงกับเหยียบเบรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วรีบหันหน้ารถหักมุม90องศา ยางล้อรถลากเป็นรอยทางยาวไปตามพื้นถนน พร้อมกับเกิดเสียงเสียดสีที่ดังแสบแก้วหูขึ้น จากนั้นก็หักเลี้ยวซ้ายวิ่งเข้าไปตามถนนทางด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเฉินเฟิงก็รีบตอบโต้ทันที เขาเหยียบเบรกจนมิด ดูเหมือนกับกำลังเรียนแบบรถคันหน้าคันนั้น วิ่งเหยียบซ้ำไปตามรอยเดิมทำให้เกิดรอยลากเป็นทางยาวขึ้นมาเหมือนกัน
เพียงแต่ห่างกันแค่นิดเดียว เฉินเฟิงก็ได้เลี้ยวซ้ายตามเข้าไปทางถนนด้านซ้ายเช่นกัน ไม่ได้ถูกสลัดให้ทิ้งห่างออกไปเลย
แต่ว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เฉินเฟิงก็ยังรู้สึกตกใจ ฝ่ายตรงข้ามกำลังคิดวางแผนที่จะ สลัดเขาให้ทิ้งห่างออกไป
เฟิ่งซีตกใจหน้าขาวซีดเมื่อเห็นฉากนี้แล้ว หนำซ้ำยังรู้สึกอยากจะอาเจียน ขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเอง เธอก็อาเจียนออกมาแล้ว
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เธอจึงเอาศีรษะที่ยื่นออกนอกหน้าต่างกลับเข้ามาในรถ
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” ถึงแม้เฉินเฟิงไม่สามารถหันไปมองเฟิ่งซีได้ แต่ก็ได้ยินเสียงดังนั้นจึงถามด้วยความเป็นห่วง
หลังจากอาเจียนเสร็จแล้ว เฟิ่งซีรู้สึกอึดอัดมาก จึงได้แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร! คุณจะต้องช่วยพี่สาวออกมาให้ได้นะ”
เฉินเฟิงตอบรับว่า “แน่นอน ฉันรับปากกับคุณไว้แล้ว ว่าจะต้องปกป้องพวกคุณสองคนพี่น้อง”
คำพูดนี้เฉินเฟิงพูดมาหลายครั้งแล้ว เฟิ่งซีก็ยิ่งเชื่อใจมากขึ้นว่าเฉินเฟิงสามารถทำได้แน่นอน ฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
การขับไล่บี้กันของรถทั้งสองคันนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง มีการหักเลี้ยวโค้งไปหลายครั้งติดต่อกัน แต่สุดท้ายยังก็ไม่สามารถที่จะสลัดรถของเฉินเฟิงให้ทิ้งห่างออกไปได้ ฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะรู้แล้วว่าไม่มีทางที่จะทำสำเร็จ จึงเลิกล้มความตั้งใจไป
เกือบจะมาถึงจุดเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะว่าน้ำมันรถหมดถังแล้ว ในที่สุดรถคันที่อยู่ข้างหน้าก็ได้ลดความเร็วลงมา
เฉินเฟิงเดิมทีก็น่าจะลดความเร็วตามไปด้วย แต่ว่าในใจก็ยังไม่ไว้วางใจ ได้แต่รักษาความเร็วไว้แล้ววิ่งตามขึ้นไปเรื่อยๆ
ฝ่ายตรงข้ามกำลังลดความเร็วทั้งหมดลงแล้วจริงๆ ขณะที่เฉินเฟิงกำลังจะแซงหน้าไปนั้น เขาจึงรีบหยุดลงทันที จอดขวางตรงหน้ารถของฝ่ายตรงข้ามพอดี
ด้วยฝีมือการขับที่พลิ้วไหว ทำให้หน้ารถของเฉินเฟิงหันหัวกลับมาเผชิญกับหน้ารถของฝ่ายตรงข้ามอย่างจัง
ในที่สุดท้องฟ้าก็เริ่มทอแสงขึ้นแล้ว แสงแรกยามเช้าพร้อมที่ส่องสว่างขึ้นได้ตลอดเวลา ความมืดมิดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสลัวและค่อยๆจางหายไป ทิวทัศน์ที่อยู่ห่างไกลออกไปนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเดินลงมาจากรถ เฉินเฟิงให้เฟิ่งซีรออยู่ในรถ แล้วเขาก็เดินออกไป
เพิ่งจะได้สังเกตเห็นรูปร่างหน้าตาของฝ่ายตรงข้าม ด้วยใบหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยม ผิวหน้าขาวมีหนวดเล็กน้อย ความสูงเมื่อเทียบกับเฉินเฟิงแล้วดูเหมือนจะสูงกว่าบ้างเล็กน้อย แต่ที่สำคัญก็คือเฉินเฟิงเคยเห็นหน้าเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เขาก็คือหนึ่งในจำนวนหลายคนที่ชายชราคนนั้นพามาด้วย แต่งตัวอย่างเป็นทางการเหมือนตอนนี้เลย
“ปล่อยหญิงสาวบนรถออกมา” เฉินเฟิงตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไอ้หมอนั่นหัวเราะแล้วพูดว่า “ฝีมือขับรถของแกนี่สุดยอดเลย เป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา”
เฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกดีใจกับคำชมเชยของเขาเลย เพียงแต่แอบชำเลืองมองไปในรถ ดูเหมือนว่ายังมีไอ้ตัวแสบอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ คนที่นอนอยู่เบาะหลังก็น่าจะเป็นหลงหลิน
แต่สิ่งที่ได้เห็นตามมา ก็คือท่าเตะขาหน้าที่เฉี่ยวผ่านศีรษะเขาไป
เพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่น ทำให้เขาเกือบจะพลาดท่าเสียทีแล้ว ดีที่ด้วยความว่องไวของร่างกายสามารถต้านรับไว้ได้ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าพลังแรงที่ส่งผ่านมายังมือนั้น ทำให้เขามีความรู้สึกชาไปทั้งแขนทันที
“ไม่ควรที่จะเสียสมาธินะ” ชายรูปร่างกำยำคนนั้นหัวเราะเยาะ
เฉินเฟิงจึงรีบรวบรวมสมาธิ มองไปยังไอ้ตัวแสบนั่น ไม่กล้าที่จะไปสนใจอย่างอื่นอีกแล้ว เพราะว่าพละกำลังของผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
การจู่โจมครั้งต่อไปก็ตามมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ายตรงข้ามกระโดดเตะกลางอากาศมาหลายที ด้วยพลังแรงมหาศาล แม้แต่เฉินเฟิงก็ไม่กล้าที่จะไปปะทะต้านแรงโดยตรง ได้แต่ถอยหลังหลบไปตามแรงที่พุ่งเข้ามา
ไอ้หมอนี่ทำไมถึงได้ดุดันเช่นนี้ ขณะที่ใช้พลังแรงมหาศาลออกมาแม้แต่ความเร็วก็ยังไม่ลดลงเลย นี่ไม่เหมือนกับพวกที่ฝึกวิชาการต่อสู้ประเภทสายแข็งเลย
แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เวลาเฉินเฟิงหยุดคิดแม้แต่นิดเดียว ได้แต่เตะฟาดแข้งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าจะถนัดแต่ด้านการใช้ท่าเตะ ความเร็วที่ใช้ต่อเนื่องกันนั้นกลับยิ่งเร็วขึ้นจนน่าตกใจ
เฉินเฟิงเริ่มรับมือด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังคงเฝ้าระวังไว้ได้ ไม่ได้ทำให้ตัวเองเสียเปรียบ
ในที่สุดก็ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งชั่วโมง ผู้ชายที่อยู่บนรถคันนั้นก็เดินลงมา แล้วตะโกนให้สองคนนั้นหยุด
เฉินเฟิงกลับรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างไม่เหมือนเป็นของตัวเองแล้ว ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไป เขาอาจจะต้องตัดสินใจใช้วิธีย้อนพลังเพื่อเสริมกำลังแล้ว
แต่ว่าในใจเขายังรู้สึกกังวล นั่นก็คือคนที่นั่งอยู่ในรถนั้นเมื่อเห็นชายร่างใหญ่คนนี้พ่ายแพ้แล้ว เขาจะทำอะไรหลงหลินหรือไม่
อีกทั้งสถานการณ์เช่นนั้นก็ไม่แน่นอน เขาก็กลัวว่าสุดท้ายแล้วอาจจะเป็นการทำร้ายพี่น้องสองสาวก็ได้
ไอ้ตัวแสบที่เดินออกมานั้น หลังจากที่เฉินเฟิงได้เห็นหน้าแล้ว ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก เมื่อครู่ถูกบังตาไว้จึงมองหน้าเขาไม่ชัด ตอนนี้ได้เห็นหน้าตาท่าทางที่ดูเหมือนชอบเหยียดหยาบผู้อื่นเช่นนี้ ทำให้เฉินเฟิงเห็นแล้วคิดอยากจะตรงเข้าไปตะบันหน้าสักที แล้วเหยียบกระทืบลงไปจนเขาจำหน้าใครไม่ได้อีกเลย
เสียดายที่ว่านี่เป็นเพียงจินตนาการที่เขามโนขึ้นมาเอง
“ท่านปู่ไม่อยากให้ฉันแตะต้องแก แต่ว่าแกกลับไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี ดันทุรังวิ่งเข้ามารนหาที่เอง” ชายหนุ่มคนนั้นพูดอย่างเยาะเย้ย
เฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาคอยระวังชายร่างกำยำคนนี้ พลางคิดว่าจะจัดการกับชายหนุ่มคนนี้อย่างไรดี
ขอเพียงแค่จับตัวเขาไว้ได้ เฉินเฟิงเชื่อว่าชายร่างกำยำคนนี้ก็ต้องเชื่อฟังเขาอย่างแน่นอน
แต่เสียดายที่ว่าความคิดเช่นนี้มันง่ายดายเกินไป ชายร่างกำยำก็จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา แทบจะรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร จึงได้เตรียมตัวล่วงหน้าไว้แล้ว
“ฉันคิดว่าแกจะเก่งกาจมาก แต่ว่าสุดท้ายแล้ว แม้แต่อะสี่ยังสู้ไม่ได้เลย ท่านปู่แก่แล้วจริงๆ ถึงกับเกรงกลัวคนห่วยแตกอย่างแก”
ความตื้นลึกหนาบางของชายชราคนนั้น เฉินเฟิงก็ยังมองไม่ออกเลย อีกทั้งก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย แต่ว่าลูกน้องของเขานั้น ถ้ามือปืนพวกนั้นฝีมือต่างก็เหมือนกับอะสี่คนนี้แล้วละก็ งั้นชายชราคนนั้นก็ยิ่งดูน่าสะพรึงกลัวมากทีเดียว
“ของที่พวกแกอยากได้เธอก็ไม่รู้เรื่องเลย แกจับเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยเธอไปเถอะ” เฉินเฟิงพูด
แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามยิ้มแล้วพูดว่า “จะรู้หรือไม่รู้กันแน่ ก็ย่อมต้องถามให้ละเอียดถ่องแท้เสียก่อนถึงจะรู้ ภายในบ้านนั้นฉันก็ต้องไปค้นหาอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหาไม่เจอจริงๆละก็ คงต้องลำบากสาวน้อยสุดสวยคนนี้แล้วแหละ”
เมื่อพูดถึงจะจัดการกับหลงหลินนั้น สีหน้าของไอ้หมอนี่ถึงกับแสดงท่าทางหื่นกามออกมา ในใจเฉินเฟิงก็รู้สึกขยะแขยง กำลังจะบุกเข้าไป แต่กลับถูกอะสี่ขวางไว้อีกครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มคนนั้นมองดูเฉินเฟิง เพียงแต่พูดว่า “แกรู้หรือเปล่า? อะสี่ไม่ชอบผู้หญิง ฉันคิดว่าอีกประเดี๋ยวรอให้แกล้มลงก่อน รับรองว่าจะต้องสนุกกันแน่ อะสี่จะทำให้แกมีความสุข ราวกับขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว”
พูดพลางเขาก็หันไปทางอะสี่ “ใช่ไหม อะสี่”