ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 897
เฟิ่งซีเอาอาหารกล่องหนึ่งชุดยื่นไปให้ตรงหน้าของหลงหลิน จากนั้นก็พูดว่า “ท่าทางของพวกเราอย่างนี้มันดูช่างโหดร้ายเกินไปนะ”
แต่ว่าหลงหลินกลับพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาจับเฉินเฟิงไปแล้ว ไอ้หมอนี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ก็ไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากข้อสงสัยนี้ไปได้หรอก เขาอาจจะแกล้งแสดงทุกอย่างออกมาก็ได้ ต่อให้รู้ว่าเฉินเฟิงอยู่ไหน ก็ไม่ยอมบอกพวกเราหรอก”
เฟิ่งซีถามด้วยความอยากรู้ว่า “งั้นพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ พวกเขาควบคุมเฉินเฟิงไว้แล้ว ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจพวกเราเลย มันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?”
หลงหลินก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบว่า “ฉันคาดเดาว่าเรื่องที่พวกเขาบุกเข้าไปในบ้าน คุณท่านเฉียนคนนั้นไม่ใช่เป็นคนบงการ ดังนั้นหลังจากที่เขารู้เรื่องแล้ว ก็รู้สึกละอายใจต่อพวกเรามาก ก็อาจจะเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาจารย์งพวกเรา ทำให้เขาไม่สะดวกที่จะลงมือกับพวกเรา”
เฟิ่งซีถามว่า “แล้วเฉินเฟิงล่ะ?”
หลงหลินพูดว่า “แกบอกไม่ใช่เหรอว่าเฉินเฟิงฆ่าคุณชายเจ๋อะไรนั่น? ความแค้นแบบนี้มันไม่มีทางที่จะให้อภัยกันได้หรอก ถึงแม้คุณชายเจ๋นั่นทำความผิดอยู่ก่อนแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังคงโกรธแค้นอยู่ดี ดังนั้นถ้าพวกเราไม่สามารถที่จะช่วยเฉินเฟิงออกมาได้ละก็ เขาจะต้องประสบเคราะห์ร้ายอย่างแน่นอน”
สีหน้าเฟิ่งซีก็เป็นกังวล แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งวันแล้ว ในที่สุดคุณท่านเฉียนคนนั้นก็ยอมพบหน้าพวกเธอทั้งสอง
เวลาใกล้จะพลบค่ำแล้ว ไป๋ซูเข้ามาเคาะห้องนอนของพี่น้องสองสาว เป็นเพราะว่าสองวันมานี้มีความรู้สึกหวาดกลัว ดังนั้นเฟิ่งซีจึงมาอยู่ร่วมห้องเดียวกับหลงหลินตลอดเวลา แม้แต่เป็นเวลากลางคืนก็นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน
เฟิ่งซีเปิดประตู พบว่าเป็นไป๋ซู ยังคงถามอย่างไม่สบอารมณ์เช่นเดิมว่า “ทำไมเป็นคุณอีกแล้วล่ะ?”
ไป๋ซูพูดว่า “คุณปู่เฉียนกลับมาแล้ว เขาอยากพบพวกคุณ ตอนนี้พวกคุณพอมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินว่าชายชรากลับมาแล้ว เฟิ่งซีรีบหันไปตะโกนพูดกับหลงหลินด้วยความดีใจว่า “พี่ เขากลับมาแล้ว”
หลงหลินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินแล้ว แกไม่ต้องพูดซ้ำหรอก พวกเราไปหาเขาตอนนี้ได้เลย”
ดังนั้นไป๋ซูจึงพาทั้งสองคนมุ่งตรงไปยังเขตบริเวณอีกโซนหนึ่ง
“พวกคุณตามหาคุณปู่เฉียนมีเรื่องอะไรกันแน่เหรอ? สองวันมานี้เฝ้ารออยู่ตลอดเลย หรือว่าคุณปู่เฉียนติดหนี้อะไรพวกคุณเหรอ?” ไป๋ซูถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” น้ำเสียงของหลงหลินก็ยังคงเยือกเย็นมาก
แต่ไป๋ซูกลับพูดว่า “ถ้าฉันรู้สาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว ฉันสามารถช่วยเหลือพวกคุณทั้งสองได้นะ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณปู่เฉียนก็นับว่าไม่เลวเลย ฉันคิดว่าถ้าฉันช่วยพูดจาหว่านล้อมสักสองสามคำ ก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่นา”
หลงหลินถามอย่างแปลกใจว่า “ที่คุณบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาดีมาก พวกคุณเกี่ยวข้องเป็นอะไรกันแน่ มันคงไม่ใช่ว่าแค่อาศัยคำพูดของคุณเพียงคำเดียว คุณท่านเฉียนก็ถึงกับเปลี่ยนใจกับเรื่องที่ไม่ยอมตกลงแต่แรกนั้นได้นะ”
ไป๋ซูพูดว่า “มันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทองหรือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก ฉันก็คงจะช่วยเหลือพวกคุณได้บ้าง”
หลงหลินเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น คำพูดนี้ทำให้คนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย เรื่องที่เกี่ยวกับเงินๆทองๆเป็นเรื่องเล็กแล้วล่ะก็ งั้นก็แทบจะไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว
หลงหลินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก ผ่านไปไม่นานนัก ทั้งสามคนก็มาถึงห้องหนังสือของคุณท่านเฉียนแล้ว
ไป๋ซูอยู่ข้างหน้าแล้วเคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของคุณท่านเฉียนแล้ว เขาจึงเปิดประตูออก ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปด้วยกัน
หลงหลินมองไปยังไป๋ซูด้วยความแปลกใจ ราวกับจะบอกว่าการสนทนาระหว่างเธอกับคุณท่านเฉียนนั้นไม่ต้องการให้เขาร่วมอยู่ด้วย
แต่ว่าไป๋ซูกลับดูเหมือนว่ามองไม่เห็นอะไรเลย เดินเข้าไปในห้องหนังสือแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
ส่วนคุณท่านเฉียนก็ยิ่งไม่คิดที่จะให้เขาออกไป หลงหลินจึงได้แต่อดทนไว้
เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว ชายชรากำลังนั่งดูอะไรอยู่บนโต๊ะทำงาน เมื่อหลงหลินพวกเขาเข้ามาแล้ว เขาจึงเก็บข้อมูลพวกนั้นไว้ด้านข้าง
สีหน้าของชายชราแลดูไม่เลวนัก ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะสูญเสียลูกหลานไป เมื่อเห็นสองสาวพี่น้องแล้ว สีหน้าเขาก็เริ่มเงียบขรึมลงเล็กน้อย พูดกับหลงหลินว่า “ต้องขอโทษจริงๆ ไม่กี่วันมานี้ทางบริษัทมีเรื่องยุ่งเหยิงมาก ฉันจึงปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าคุณหนูทั้งสองอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง เจ้าหนุ่มไป๋คนนี้น่าจะทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่าง ดูแลทั้งสองท่านได้อย่างดีนะ”
ถึงแม้ว่าหลงหลินพวกเธอไม่ค่อยชอบหน้าไป๋ซูเท่าไหร่นัก แต่สองวันมานี้เขากลับได้ดูแลพวกเธอเป็นอย่างดี หลงหลินก็พยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า “ถึงแม้พักอยู่ที่นี่ได้สองวันแล้ว แต่พวกเราก็จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก เดิมทีบ้านที่พวกเราอาศัยอยู่……..”
ชายชราก็รู้ว่าตัวเองมีความผิด เมื่อได้ยินหลงหลินพูดเช่นนี้แล้ว จึงรีบขอโทษว่า “หลานชายของฉันดื้อรั้นมากเกินไป ต้องโทษฉันที่อบรมสั่งสอนไม่ดีเอง พ่อแม่เขาเสียไปนานแล้ว ฉันก็ตามใจเขามาตลอดจนเคยตัว นิสัยจึงกลายเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ลับหลังฉันเขาไปก่อเรื่องพวกนั้นขึ้นมาก็จริง แต่ว่าฉันก็ยังไม่พ้นผิดอยู่ดี
ถ้ามีอะไรที่สามารถชดใช้ให้กับคุณหนูทั้งสองได้ละก็ ฉันจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
หลงหลินกลับพูดอย่างไม่พอใจว่า “เพียงแค่คำพูดของท่านที่ว่าจะทำเต็มที่นั้น ก็จะสามารถชดใช้ความเสียหายของพวกเราได้งั้นเหรอ? กับการที่พวกเราต้องตกใจขวัญผวามาเป็นเวลานานขนาดนั้น จนเกือบจะคิดว่าตัวเองตายไปแล้วด้วยซ้ำ”
คนชราก้มหน้าลง ได้แต่ฟังอย่างเงียบสงบ
“อาจารย์ฉันใจดีช่วยเก็บรักษาสิ่งของพวกนั้นไว้ให้ ถึงแม้เขาอาจจะลืมสั่งเสียไว้ก็ตาม แต่พวกคุณก็ไม่ควรที่จะเอาเรื่องนี้เป็นข้ออ้างมาทำกับพวกเราอย่างนี้ ทำให้ฉันกับน้องสาวฉันทั้งสองคนเกือบจะตายไปแล้ว”
ชายชราก็พูดขอโทษอีกครั้งหนึ่งว่า “มันเป็นความผิดของฉันจริงๆ แต่ว่าตอนนี้เรื่องมันก็จบลงแล้ว ก็คงได้แต่ชดเชยให้อย่างถึงที่สุด ถ้าท่านทั้งสองมีความคิดเห็นอะไร ก็พูดมาได้เต็มที่เลย”
ส่วนหลงหลินก็รอโอกาสนี้มาถึง เธอรู้ว่าชายชราไม่มีทางที่จะปล่อยเฉินเฟิงไปอย่างง่ายดาย แต่ว่าขณะเดียวกันเขาก็ยังรู้สึกผิดต่อพวกเธอมาก ถ้าหากสามารถที่จะอาศัยความสำนึกผิดนี้มาช่วยเฉินเฟิงออกมา หลงหลินก็ยอมที่จะลองดู ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตาม
มองไปยังชายชรา หลงหลินพูดว่า “พวกเราอยากได้เฉินเฟิงคืนมา เขาจะต้องอยู่ในมือคุณแน่นอน คืนเขาให้กับพวกเราเถอะ”
แต่พอได้ยินชื่อเฉินเฟิงเท่านั้น สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนสีทันที
เขาพูดเป็นเสียงเย็นชาว่า “นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว”
ส่วนหลงหลินก็พูดอย่างยืนหยัดว่า “งั้นพวกเราก็ไม่ต้องการที่จะให้ชดเชยอย่างอื่นอีกแล้ว เพียงแค่ต้องการให้คุณคืนเขาให้กับพวกเราเท่านั้น”
ชายชรานั่งนิ่งเงียบ จ้องมองพี่น้องสองสาวด้วยสายตาที่เยือกเย็น
เฟิ่งซีถูกสายตาที่น่ากลัวนั้นจ้องมองจนตกใจไปหลบอยู่ข้างหลังของหลงหลิน ส่วนหลงหลินก็หวาดกลัวเหมือนกัน แต่ว่าก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม
บรรยากาศนิ่งเงียบไปเป็นเวลากว่าหนึ่งนาที ไป๋ซูที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งกลับเป็นคนทำลายความเงียบสงบในที่สุด
“เรื่องนี้ฉันได้ฟังมาคร่าวๆแล้ว ก็พอจะเข้าใจความหมายของพวกคุณบ้าง” เขาพูดพลางมองไปทางชายชรา “คุณปู่เฉียนครับ หรือเป็นเพราะว่าปู่มีเหตุผลความจำเป็นจนไม่สามารถที่จะปล่อยคนที่ชื่อเฉินเฟิงคนนั้นเลยเหรอ?”
ชายชราครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็พยักหน้า
ไป๋ซูก็หันไปมองพี่น้องสองสาวแล้วพูดว่า “เฉินเฟิงคนนั้นก็มีความสำคัญมากสำหรับพวกคุณเหรอ ถึงกับจะต้องขอคืนมาให้ได้อย่างนี้”
หลงหลินก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ก็ยังคงพยักหน้า