ลูกเขยมังกร - บทที่ 904 สถานที่โดดเดี่ยวบนเขา
หญิงสาวคนนั้นโกรธมากลุกขึ้นยืน ดูเหมือนกำลังจะเดินจากไป
เฉินเฟิงรีบตะโกนว่า “รอเดี๋ยว!”
หญิงสาวเซ็กซี่คนนั้นกลับไม่คิดจะหยุดเลย ได้แต่เดินออกไปจากห้อง อีกทั้งยังปิดประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปั้งขึ้นมา
เฉินเฟิงส่ายหน้า ไม่รู้ว่าทำไมจิตใจตัวเองถึงไม่แน่วแน่ขนาดนี้
เมื่อรวบรวมสติให้นิ่งขึ้นแล้ว เขาก็มองสภาพร่างกายของตัวเอง กลับรู้สึกประหลาดใจมากกับบาดแผลบนร่างกายที่ได้หายดีแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง นอกจากรอยบาดแผลภายนอกที่ยังคงน่าสะพรึงกลัวพวกนั้นแล้ว สภาพร่างกายและจิตใจกลับรู้สึกดีขึ้นมาก
นอนพักฟื้นอยู่นานรู้สึกเซ็งมาก ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นจากไปแล้วก็ไม่มีคนอื่นเข้ามาอีกเลย
ในใจของเขาก็รู้สึกเป็นห่วงหลงหลินสองพี่น้อง อดทนต่อความเจ็บปวดของบาดแผลที่ยังแตะต้องไม่ได้ แล้วค่อยๆคลานลงมาจากเตียงด้วยความยากลำบาก
เปิดประตูที่หญิงสาวคนนั้นปิดด้วยความโกรธ แล้วเดินออกไปข้างนอก สำรวจดูบริเวณรอบๆแล้ว ดูเหมือนว่าที่นี่ก็มีแต่เฉินเฟิงอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
เขารู้สึกหิวแล้ว แต่กลับหาที่จะกินข้าวไม่ได้เลย
หลังจากตะโกนเสียงดังออกไปแล้ว ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับกลับมาเลย เขาจึงสงสัยว่าตนเองมาอยู่ในสถานที่ที่ว่างเปล่าที่ไหนสักแห่ง ที่นี่นอกจากหญิงสาวคนนั้นแล้วก็ไม่มีใครอยู่อีกเลย
ไม่รู้จะทำยังไงดี เขาจึงเตรียมตัวที่จะเดินออกไปข้างนอก เมื่อเดินมาถึงข้างประตูเหล็กของหน้าลานบ้าน แล้วยื่นหน้ามองออกไปยังสุดทางถนน บริเวณนั้นก็ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แม้แต่คนเดียว
เฉินเฟิงรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว หรือว่าที่นี่เป็นอีกโลกหนึ่งที่ไม่มีคนอยู่เลย
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มีเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านศีรษะไป พร้อมกับเสียงเครื่องบินที่ดังกระหึ่ม จึงทำให้เฉินเฟิงรู้สึกสบายใจมากขึ้น ในที่สุดเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ริมทางเนินเขามีร้านปลูกไม้เลื้อยตั้งอยู่หลังหนึ่ง กิ่งก้านที่คดงอของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ยื่นออกมาบังแดดไว้เป็นร่มเงาให้กับที่บริเวณนั้นพอดี
ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ยังมีโต๊ะเก้าอี้สำหรับให้คนนั่งพักเหนื่อยอีกด้วย เฉินเฟิงจึงเดินเข้าไปแล้วหาที่นั่งลง
เก้าอี้หินนั้นเย็นมาก พื้นผิวที่เป็นเงาแวววาวนั้นทำให้เกิดรู้สึกอยากจะไถลลื่นออกไป
มองดูทิวทัศน์ที่ห่างไกลออกไป กลับรู้สึกดูเหมือนเป็นที่ที่ค่อนข้างทุรกันดาร จึงรู้ว่าเขายังไม่ได้ออกไปจากทะเลทรายแห่งนี้เลย แต่อาจจะอยู่ใกล้ชายแดนเท่านั้น
หลังจากนั่งไปไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดก็มีรถเก๋งคันหนึ่งขับมาจากข้างนอก เฉินเฟิงก็ยังไม่ขยับตัว ตอนนี้เขาก็ไม่รู้สึกรีบเร่งเหมือนเมื่อครู่ที่อยากจะไปตามหาใครอีกแล้ว
ที่นี่เป็นเพียงสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ดังนั้นถ้าไม่เห็นผู้คนก็นับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่กลับไม่รู้ว่าไป๋ซิงคนนั้นเอาตัวเองมาเก็บไว้ที่นี่แล้ว ก็ไม่สนใจอะไรเขาอีกเลย มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
รถคันนั้นก็มาจอดอยู่ที่ลานบ้าน จากนั้นก็มีคนสองคนเดินลงมาจากรถ สำหรับผู้ชายคนนั้น เฉินเฟิงมองแค่แวบเดียว ก็จำได้ว่าเป็นชายร่างกำยำคนนั้นที่อยู่กับไป๋ซิง
ส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ไม่ใช่หญิงสาวเซ็กซี่ที่เฉินเฟิงเคยพบเจอคนนั้น
หลังจากพวกเขาลงจากรถแล้ว ชายร่างกำยำเมื่อเห็นเฉินเฟิงนั่งอยู่ตรงนั้น เขาจึงเดินตรงเข้าไปหา หญิงสาวคนนั้นยิ้มให้กับเฉินเฟิงจากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้าน
“คุณมานั่งอยู่ที่นี่ทำไมล่ะ?” ชายร่างกำยำถาม
“ก็มานั่งเล่นเฉยๆ” เฉินเฟิงตอบ
ในเมื่อเฉินเฟิงไม่อยากพูดอะไร ชายร่างกำยำก็ไม่ใส่ใจ แล้วพูดต่อไปว่า “คุณชายไป๋ให้คุณพักอยู่ที่นี่ก่อน รอให้บาดแผลหายดีแล้ว เขาก็จะมาหาคุณเอง”
เฉินเฟิงกลับถามขึ้นว่า “คุณชายไป๋คนไหนล่ะ ฉันรู้จักทั้งสองคนเลย”
ชายร่างกำยำก็ไม่ได้คิดจะพูดหยอกเล่นกับเฉินเฟิง “คุณก็รู้ว่าเป็นคนไหน”
เฉินเฟิงก็ไม่ถือสาที่ชายร่างกำยำคนนั้นจะโกรธ ได้แต่ถามต่อไปว่า “พวกแกให้ฉันมารักษาตัวอยู่ที่นี่ คิดอยากจะให้ฉันช่วยพวกแกทำอะไรใช่ไหมล่ะ?”
ชายร่างกำยำหยิบบุหรี่ซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้กับเฉินเฟิงอย่างเป็นมิตร เฉินเฟิงก็ส่ายหน้า ส่วนตัวเขาก็หยิบออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดบุหรี่ขึ้น
เขาพูดว่า “เรื่องแบบนี้ ฉันก็ไม่ค่อยใส่ใจหรอก ฉันเพียงแต่รู้ว่าคุณชายไป๋พูดอย่างนี้ ส่วนคุณก็เป็นคนที่มีฝีมือร้ายกาจมาก ถ้าคุณอยากจะไปจากที่นี่ คุณชายไป๋ก็ไม่ขัดขวางคุณหรอก แต่ว่าเรื่องที่เขาเคยได้ช่วยชีวิตคุณไว้ เขาหวังว่าคุณควรจะจำไว้”
เฉินเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าคิดจะเอาเรื่องพวกนี้มาต่อรองกับฉันชั่วชีวิตเลยเหรอ?”
ชายร่างกำยำพูดว่า “คุณชายไป๋ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ความหมายของเขาก็แค่หวังว่าเมื่อไหร่ที่เขาเจอกับอันตรายขึ้นมา คุณสามารถจะช่วยเหลือเขาได้บ้าง”
เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เขาก็รู้จักคิดที่จะให้ฉันช่วยเขาด้วยเหรอ? นี่แทบจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยนะ”
ชายร่างกำยำพูดว่า “คุณชายเฉิน คุณคงไม่ว่าอะไรนะที่ฉันเรียกคุณอย่างนี้”
เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนนานมาแล้วที่ไม่มีใครเรียกฉันแบบนี้ แม้แต่ฉันเองก็แทบจะลืมไปเลย ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกแกก็คงได้ตรวจสอบฐานะของฉันแล้วใช่มั้ย?”
ชายร่างกำยำพยักหน้า “คุณชายไป๋บอกว่า ถ้าเขาไปยันเจียงเมื่อไหร่ ก็จะต้องแวะไปเยี่ยมคารวะคุณชายเฉินแน่นอน เพียงแต่ว่าจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที”
เฉินเฟิงนึกถึงพี่น้องสองสาวตระกูลฉางขึ้นมา จึงถามว่า “แล้วพี่น้องสองสาวนั่นล่ะ? เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
ชายร่างกำยำท่าทางอึดอัด ดูเหมือนไม่อยากจะพูดถึง
“เป็นยังไงกันแน่? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เฉินเฟิงถามด้วยความร้อนใจ
ชายร่างกำยำพูดว่า “คุณชายไป๋เล่าเรื่องของท่านให้พวกเธอฟังหมดแล้ว แต่ถึงแม้ว่าพวกเธอจะช่วยชีวิตคุณอย่างสุดฝีมือแล้วก็ตาม แต่หลังจากที่รู้ว่าคุณเป็นคนที่ร่ำรวยมากแล้ว พวกเธอจึงขอลาจากไป แล้วก็ฝากบอกคุณว่าไม่ต้องไปตามหาพวกเธออีกแล้ว”
เฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าสองสาวฝาแฝดนั้นถึงกับปิดกั้นความสัมพันธ์กับคนที่อยู่คนละโลกกับพวกเธอได้ถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ได้แต่ยิ้มจนเจื่อนๆ เขาคงไม่อาจจะแกล้งทำตัวเป็นคนปกติธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายตลอดไปได้
“ฉันรู้แล้ว” เฉินเฟิงตอบด้วยความรู้สึกหดหู่
ชายร่างกำยำก็แนะนำเรื่องราวบางอย่างที่เกี่ยวกับที่นี่ หญิงสาวที่มากับเขาคนนั้นจะเป็นคนที่คอยดูแลเฉินเฟิงที่นี่ ถ้าต้องการอะไรก็บอกกับหญิงสาวคนนี้ได้เลย เธอจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ถ้าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ก็มาบอกกับเขา
เฉินเฟิงก็ได้แต่ตอบตกลงอย่างขอไปที
หลังจากแนะนำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชายร่างกำยำก็กำลังจะจากไป ทันใดนั้นเฉินเฟิงก็นึกถึงสาวงามคนนั้นที่เขาได้เห็นตอนที่เพิ่งฟื้นตื่นขึ้นมาใหม่ๆ จึงแล้วถามชายกำยำว่า “สาวสวยคนนั้นที่อยู่ที่นี่เป็นใครเหรอ?”
แต่ว่าชายร่างกำยำกลับมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “ผู้หญิงอะไรเหรอ?”
“ก็ผู้หญิงผมยาวดกดำหน้าตาสวยงามมากคนนั้นไง ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา เธอก็อยู่ที่ห้องฉันพอดี” เฉินเฟิงพูดอธิบาย
แต่ว่าชายร่างกำยำก็ยังส่ายหัว เขาพูดว่า “ก่อนที่ฉันจะพาเสี่ยวเย่มาที่นี่ก็ไม่เคยมีคนอยู่ที่นี่เลย เดิมทีก็มีเพียงเสี่ยวเย่คนเดียวเท่านั้นที่คอยดูแลคุณที่นี่ ฉันพาเธอไปซื้อข้าวของที่จำเป็นต้องใช้กลับมา ส่วนที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว”
เฉินเฟิงคิดดูแล้ว หรือว่าตอนที่เขาเพิ่งตื่นขึ้นมานั้น รู้สึกเกิดความผิดพลาดไป แต่นั่นมันเหมือนจริงมากเกินไปแล้ว สาวสวยขนาดนี้ เขาไม่ได้เห็นมานานแล้วนะ
ชายร่างกำยำยังคิดอยากจะถามให้แน่ชัดอีก เฉินเฟิงก็โบกมือให้เขา และไม่พูดคุยกับเขาอีกต่อไป
ชายร่างกำยำจึงไม่ได้ถามต่อไป แล้วพูดย้ำอีกครั้งว่าถ้าเฉินเฟิงมีเรื่องอะไรก็บอกเขาได้ จากนั้นจึงขับรถจากไปในที่สุด
เฉินเฟิงมองดูเขาจากไป จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน ถึงแม้ที่นี่ดูไม่ใหญ่โตเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังอยู่ได้ถึงสิบกว่าคนก็ไม่ใช่เป็นปัญหาใหญ่ ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าตอนนี้มีเพียงเขาและเสี่ยวเย่อยู่กันแค่สองคนเท่านั้น