วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1003 เพราะเธอซื่อบื้อเกินไปยังไงล่ะ
ถังอี้เฉินก้มหน้าเอาแต่เงียบ เธอนึกว่าตัวเองแค่ฝันไป
ลู่กวงหลีชอบเธอจริงๆ หรือ
ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจผิดไปใช่ไหม
“ถ้าคุณชอบฉัน ทำไมไม่สารภาพตั้งแต่ก่อนหน้านี้ล่ะ”
“เพราะเธอซื่อบื้อเกินไปยังไงล่ะ” ลู่กวงหลีเขกหัวเธอขณะที่แก้มเขาเริ่มขึ้นริ้วระเรื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นอัจฉริยะทางการแพทย์แสนน่าภูมิใจที่ไม่รู้วิธีจีบผู้หญิง หากพี่ชายของเขาไม่แนะนำให้ เขาคงได้แต่มองผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้ก้าวเข้าสู่โลกของการนัดบอด
“สมองของฉันก็อยู่ระดับเดียวกับคนทั่วไป สู้กับอัจฉริยะอย่างคุณไม่ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ” ถังอี้เฉินกลอกตาแล้วเริ่มมองสำรวจไปทั่วห้องพักชายโสดของเขา
ลู่กวงหลีทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ เอ่ยขึ้นพลางยกแขนพาดพนักพิง “ฉันมีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นประธานกรรมการบริหารของกวงหลีอินเตอร์แนชันนัลอยู่ แล้วพ่อแม่ของฉันก็ยังมีชีวิตแต่อยู่ที่นอร์เวย์น่ะ
“ครอบครัวของฉันไม่ได้รวยมากนัก แต่ฉันก็คู่ควรกับคุณหนูรองตระกูลถังนะ!”
“คุณกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย”
“เล่าเรื่องของครอบครัวฉันให้เธอฟังไง” เขาตอบ “ส่วนชีวิตรักของฉัน ฉันว่าเธอคงรู้มากกว่าตัวฉันว่ามีคนมาชอบฉันเยอะแยะ แต่ว่า…”
“เลิกมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นได้แล้วค่ะ” ถังอี้เฉินว่าเข้าให้ “ในเมื่อคุณคบกับฉันแล้ว ต่อไปนี้คุณต้องฟังคำสั่งฉัน!”
ลู่กวงหลีได้ยินดังนั้น ก็เอนตัวขยับเข้าใกล้ถังอี้เฉินก่อนเอ่ยอย่างยั่วยวน “อยากให้ฉันทำอะไรก็บอกมาได้เลย…”
…
หนึ่งอาทิตย์หลังจากเหยียนเอ๋อร์ลืมตาดูโลก ถังหนิงก็ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่บ้าน กระนั้นเหยียนเอ๋อร์ก็ยังคงต้องอยู่ในตู้อบเด็กทารกต่อไปอีกหนึ่งเดือน
หลังจากมาถึงบ้าน ถังหนิงกลับมาออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งนักโภชนาการที่โม่ถิงจ้างมายังคิดเมนูอาหารให้กับเธอโดยเฉพาะเพื่อให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์แบบมากกว่าเมื่อก่อน
ระหว่างนี้โม่ถิงพยายามหามหาวิทยาลัยที่เหมาะสมให้กับถังหนิง ด้วยเธอไม่ต้องการทำตัวให้โดดเด่น รวมถึงหาห้องพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัยให้ถังหนิงและตัดสินใจบินไปมาระหว่างสองที่ หากแต่ถังหนิงขอพาเหยียนเอ๋อร์ไปกับเธอด้วยเพื่อที่เธอจะสามารถดูแลลูกได้
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามศิลปินรุ่นใหม่คนนั้นที่ใช้ชื่อถังหนิงก็ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอไม่ได้แจ้งเกิดด้วยภาพลักษณ์ที่ไม่น่ามองนักและพยายามแย่งอะไรไปจากถังหนิง ต้นสังกัดของเธอเพียงแค่บอกว่าจุดประสงค์ของเธอคือช่วยสานฝันให้ถังหนิงเท่านั้น
ส่วนเรื่องของการศัลยกรรม เจ้าตัวยอมรับออกมาตามตรงและไม่ได้ปิดบังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ความจริงแล้วเธอเข้าร่วมงานสังคมต่างๆ ได้อย่างไม่ติดขัด แม้ว่าผู้คนทั้งโลกจะสงสัยในตัวเธอก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเธอมีไหวพริบดี
ในเมื่อถังหนิงไม่ได้อยู่ในวงการต่อไปแล้ว และไม่มีใครคอยผดุงคุณธรรมอีก ผู้คนจึงพึงพอใจแค่เพียงได้ยกบางเรื่องขึ้นมานินทาให้สนุกปาก
หลังจากกลับมาที่บ้าน ถังหนิงได้ยินข่าวเรื่องศิลปินคนใหม่ ทำให้เธอพลันนึกถึงมินิถังหนิงในอดีตขึ้นมา แต่ไม่ว่าอย่างไรของปลอมก็ไม่มีทางเป็นของจริงไปได้อยู่ดี
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ห้องพักของหันซิวเช่อค่อยๆ เต็มไปด้วยรูปของถังหนิง ไม่ว่าจะเป็นภาพในอดีตในฐานะนางแบบหรือหลังจากผันตัวมาเป็นนักแสดง ดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นกับการคว้าถังหนิงที่น่าหลงใหลมาครอบครอง
เมื่อผู้จัดการของเขาเห็นดังนั้น เธอก็ถึงกับอึ้งไป
“ฉันไม่ได้มาเยี่ยมแค่ไม่กี่วัน ห้องของคุณกลายมาเป็นอย่างนี้เลยเหรอคะ”
“อือฮึ” หันซิวเช่อพยักหน้าให้ขณะที่แขวนอีกรูป “ฉันถึงได้บอกให้เธอรายงานข่าวล่าสุดของถังหนิงให้ฉันรู้ไง ตอนนี้เธอเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันเลยล่ะ”
“แต่ว่าทำแบบนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ใช่ว่าถังหนิงจะชอบคุณสักหน่อย”
“ฉันไม่สนหรอก ฉันแค่ต้องการเจอเธอเท่านั้น… ตอนนี้เธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกความคิดสร้างสรรค์ของฉัน”
ผู้จัดการทนฟังเขาไม่ไหวหากแต่ไม่รู้จะห้ามเขาอย่างไร “ลืมมันซะเถอะค่ะ ฉันเหนื่อยจะจัดการกับคุณแล้ว ถ้าคุณไม่ใช่ลูกชายของประธานกรรมการบริหาร เขาคงไม่ปล่อยให้คุณเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดียหรอกค่ะ ฉันว่าถึงเวลาที่คุณต้องรู้จักพอได้แล้วนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณคงได้ทำร้ายตัวเองก่อนที่จะได้เจอกับถังหนิงด้วยซ้ำค่ะ”
“ถ้าเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยฉันก็เงียบไปเถอะน่า”
ผู้จัดการทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ขณะมองหันซิ่งเช่ออย่างจนปัญญา ผู้ชายธรรมดาสุดๆ อย่างเขาเสียสติขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
“ถ้าคุณอยากรู้ว่าถังหนิงทำอะไรอยู่ ไปถามจู้ซิงมีเดียจะไม่เร็วกว่าเหรอคะ”
“ฉันจะให้พวกเขารู้เจตนาที่แท้จริงของฉันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ทำมาจะไม่มีความหมายเลย…” หันซิวเช่อในกรอบแว่นสีทองของเขาดูเหมือนตัวร้ายจากในละครโทรทัศน์ไม่มีผิด
“งั้นฉันก็จะไม่สนใจคุณแล้วค่ะ…” ในฐานะผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้จัดการสาวจะไม่ชอบการกระทำของเขา จึงไม่คิดจะช่วยเขาแต่อย่างใด หากแต่เธอไม่ได้จะเปิดโปงเขาเช่นกัน จึงได้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทว่าเธอก็ไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดเขาจะต้องทำในสิ่งที่ใครก็ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วย ในเมื่อเขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าแท้ๆ
หันซิวเช่อขึ้นชื่อเรื่องเอาแต่ใจตัวเอง ผู้จัดการของเขาจึงคิดเอาเองว่าคงเป็นเพราะเขาขาดความรักจากแม่มาตั้งแต่เด็ก
…
เมื่อถังหนิงสามารถลุกจากเตียงได้ เธอขอให้โม่ถิงพาเธอไปเยี่ยมลูกสาว แม้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้จะได้รับการเอาอกเอาใจล้นเหลือจากคนที่มาเยี่ยมแล้วก็ตาม
หากแต่ทั้งคู่ไม่ได้มากันเพียงลำพัง กลับพ่วงเจ้าตัวแสบสองคนมาให้ทำความรู้จักน้องสาวของตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ด้วย ถังหนิงแทบอดใจรอที่จะพาลูกทั้งสองคนไปเจอเธอไม่ไหว
ในขณะที่โม่จื่อเฉินเริ่มที่จะคึกและซุกซนเป็นพิเศษ โม่จื่อซีกลับนั่งอยู่เงียบๆ ข้างแม่ของเขาราวกับคนแก่ในร่างเด็ก
“ดูเขาสิคะ” ถังหนิงส่งสัญญาณบอกให้โม่ถิงมองลูกชายของพวกเขา
แต่โม่ถิงเคยชินกับมันเสียแล้ว “ผมจะพาเขาไปทดสอบพรุ่งนี้ครับ บางทีเขาอาจจะแตกต่างกับคนปกติจริงๆ ก็ได้”
ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าลูกๆ ของตัวเองมีความผิดปกติอยู่มาก
ถังหนิงพยักหน้ารับ ทว่าเธอก็อดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เธอไม่ได้คาดหวังให้ลูกชายของตัวเองต้องประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ เพียงแค่พวกเขามีความสุขก็พอแล้ว
ไม่นานทั้งครอบครัวก็มาถึงโรงพยาบาล ทั้งสองอุ้มพี่ชายคนโตทั้งสองเข้าไปในแผนกกุมารเวชและยืนมองเหยียนเอ๋อร์จากด้านหลังกระจก
“ลูกสาวของเราหน้าตาเหมือนคุณเลยนะครับ” โม่ถิงเอ่ยกับถังหนิง
“มันไม่ได้หมายความว่าต้องมีคนตามจีบเธอเยอะเหรอค่ะ” ถังหนิงหัวเราะ
“ผมเกรงว่าการเข้ามาเป็นลูกเขยของตระกูลโม่จะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ น่ะสิครับ…”
แน่นอนว่าใครจะไปกล้าลองดีกับคุณพ่อที่โหดอย่างโม่ถิงกัน
“ผมจองตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษและติดต่อทางมหาวิทยาลัยไว้ให้คุณแล้ว คุณไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่ก็เริ่มเรียนได้ทันทีเลยนะครับ”
ถังหนิงมองลูกสาวของเธอก่อนเลื่อนสายตาไปที่โม่ถิงอย่างทำใจไม่ได้ “ทำไมถึงปุบปับขนาดนี้ล่ะคะ”
“ในเมื่อคุณตั้งใจจะไปเรียนต่อแล้ว คุณก็น่าจะลงมือทำให้เร็วที่สุดนะครับ” โม่ถิงตอบ “คุณไม่อยากสานฝันให้เฉียวเซินเหรอครับ หรือคุณจะทิ้ง มดราชินี ไว้กลางทางล่ะ คุณคงไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่…”