วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1007 ฉันเกลียดการถูกข่มขู่
“แน่นอนสิครับ!” โม่ถิงมองหน้าถังหนิงก่อนตอบ “ต่อให้เขาไม่ชอบคนจีนแค่ไหนเขาก็ยังต้องเก็บความคิดเห็นของตัวเองเอาไว้ถ้าอยู่ใกล้คุณ”
ถังหนิงครุ่นคิดถึงสถานการณ์ของตัวเองและนึกขึ้นได้ว่าถูกของโม่ถิง นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะแสดงความเห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะเมื่อเธอเผชิญหน้ากับการดูถูกเหยียดหยามจากชาวต่างชาติ ยิ่งไม่สมควรปล่อยให้อาจารย์ที่ไม่ได้สำคัญอะไรมารังแกเธอ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง”
โม่ถิงหันไปมองถังหนิงพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิใจ
“คุณไม่ได้ลาวงการบันเทิงและตัดขาดจากไห่รุ่ยเพื่อมาทุกข์ใจที่นี่นะครับ
“ปลุกความกล้าหาญในตัวคุณขึ้นมาสิ…ผมอยากจะเห็นถังหนิงที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครทั้งนั้น”
ถังหนิงพยักหน้า ความอึดอัดใจที่ถูกเหยียดหยามพลันจางหายไปทันที
ด้วยเหตุนี้ถังหนิงจึงเข้าเรียนคาบของอาจารย์ในตอนเช้าตามปกติ
ทว่าเมื่ออาจารย์เห็นเธอ ก็วางเอกสารในมือลงก่อนเอ่ยปากถาม “ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณมาเข้าเรียนอีกเหรอ
“คนจีนนี่หน้าด้านอย่างนี้ทุกคน หรือเป็นแค่คุณกันล่ะ”
เมื่อเขาว่าดังนั้น เสียงหัวเราะก็ดังก้องไปทั่วห้องเรียน
หากแต่ถังหนิงยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน หลังจากทุกคนหยุดหัวเราะ เธอก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “อาจารย์ต่อว่าคนจีนขนาดนี้แล้ว ว่าแต่คุณเคยไปจีนหรือยังคะ”
อีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะอย่างไม่อาจตอบคำถามของถังหนิงได้
คำตอบนั้นง่ายๆ คือเขาไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน ได้แต่ดูถูกวัฒนธรรมจีนและเหยียดหยามอย่างมีอคติ
“ถ้าคุณไม่ตอบก็หมายความว่าไม่เคยไปมาก่อนสินะ
“ในเมื่อคุณไม่เคยไปมาก่อน แล้วคุณมาต่อว่าประเทศที่คุณไม่รู้จักเลยสักนิดได้ยังไงกัน
“ใช้อคติของตัวเองคิดงั้นเหรอคะ…
“ฉันยอมรับว่าวัฒนธรรมตะวันออกไม่ได้ก้าวหน้าเท่ากับตะวันตก แต่เราก็มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง แต่อาจารย์ก็ยังเอาแต่ทำตัวอวดดี ทำไมคุณต้องเหยียดพวกเราด้วยล่ะคะ เพราะว่าคุณแข็งแกร่งกว่าและต้องการกดขี่คนที่อ่อนแองั้นเหรอคะ
“คุณเหยียดคนอเมริกาเหนือด้วยหรือเปล่าล่ะคะ”
“แถบอเมริกาเหนือมีหนังที่เป็นที่รู้จักมากมาย…แล้วพวกคุณมีอะไรล่ะ”
“เราอาจจะไม่มีหนังมาอวดอ้าง แต่…คุณได้นึกถึงผู้ชนะรางวัลความสำเร็จสูงสุดในเวทีออสการ์ปีที่แล้วบ้างหรือเปล่าคะ”
“ผู้ชนะคือคนอังกฤษไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ใช่ค่ะ คนที่ได้รับเป็นชาวตะวันออกต่างหาก!
“แล้วคุณจะมาเพิกเฉยกับความตั้งใจและความสำเร็จของเราได้ยังไงกันคะ
“และในฐานะอาจารย์คุณก็ยังเลือกปฏิบัติและเหยียดฉันทั้งที่คุณควรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเข้าใจแท้ๆ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรทำในฐานะอาจารย์ไม่ใช่เหรอคะ
“หนังเป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่งก็จริงค่ะ แต่คุณกำลังใช้สิ่งที่เรียกว่าศิลปะเป็นอาวุธในการทำร้ายพวกเรา งานศิลปะของคุณชั้นสูงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
อาจารย์ถึงกับงุนงง ถึงเขาจะเป็นคนอังกฤษเต็มร้อย แต่ถังหนิงก็พูดเร็วมากจนเขาไม่อาจฟังทัน
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เคยมีใครเคยแสดงท่าทีไม่ให้เกียรติเขาในชั้นเรียนมากขนาดนี้นับตั้งแต่เขาอยู่ในแวดวงนี้มาหลายสิบปี
หากแต่เขาไม่อาจเถียงกลับได้
เพราะถังหนิงพูดถูก เขาเป็นคนที่ด่วนตัดสินและใจแคบ
เมื่อก่อนเขาเองก็เคยกดขี่นักศึกษาจีนคนอื่นๆ แต่ไม่มีใครลุกขึ้นมาเถียงเขาอย่างโจ่งแจ้งอย่างที่ถังหนิงทำ
ตอนนั้นเองที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่ถังหนิง
พวกเขามองหญิงสาวที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อาจารย์ ในขณะที่อีกฝ่ายไม่สามารถตอบโต้กลับได้
ใบหน้าเขาไร้สีทว่าไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาได้ ทำได้เพียงประมวลผลคำพูดของถังหนิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนชูกระดาษในมือขึ้นมาและตะโกนลั่น “เริ่มเรียนได้!”
ถังหนิงยิ้มเยาะ แม้ว่าทุกคนจะมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา เธอก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องหวาดกลัว
หันซิวเช่อกำลังนั่งอยู่ตรงหัวมุมไม่ห่างออกไป
เขาเฝ้ามองขณะที่ถังหนิงทำให้อาจารย์ถึงกับพูดไม่ออก
มันได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้หญิงในสายตาของเขาไปเสียสนิท
เธอไม่กลัวว่าอาจารย์หรือชาวต่างชาติคนไหนในชั้นจะโจมตีเธอในสิ่งที่เธอทำลงไปบ้างเลยหรือ
อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างรู้ว่าการเหยียดของอาจารย์เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แม้ว่าพวกเขาจะดูถูกคนจีนเช่นกัน พวกเขาคงไม่มีทางทำให้ตั้งพวกเขาเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย
อย่างมากพวกเขาก็ทำเพียงนินทาลับหลังและแอบแกล้งบ้างเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ถังหนิงจึงกลายเป็นที่รู้จักในวิทยาลัย
แน่นอนว่าพวกเขาอยู่ในอังกฤษที่ห่างไกล และถังหนิงก็ใช้ชื่อภาษาอังกฤษของเธอจึงแทบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือ ถังหนิง อย่างไรเสียคนในวิทยาลัยนี้ก็ไม่ค่อยรู้จักดาราจีนอยู่แล้ว
พวกเขาดูถูกอีกฝ่ายอย่างกับอะไรดี!
ทว่าสถานการณ์ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปหลังจากจบคาบเรียน
หลังหมดคาบ อาจารย์ก็ปรายตามองถังหนิงขณะเธอเดินออกจากห้องไป ถังหนิงสัมผัสได้ถึงสายตาของเขาก่อนหันกลับไปมอง
เธอไม่มีอะไรต้องกลัว
เป็นจังหวะเดียวกับที่หันซิวเช่อวิ่งมาหาเธอและยกนิ้วโป้งให้ “คุณเป็นคนแรกที่กล้าเถียงกับอาจารย์เลยนะครับ”
ถังหนิงมองเขาแวบหนึ่งก่อนเดินจากไป
เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจทำเฉยชาใส่ เธอไม่ได้แสดงสัญญาณว่ายินดีให้เขามาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอ
หันซิวเช่อจำใจต้องยอมรับกับการปฏิเสธนี้
มีผู้หญิงที่เข้าหายากขนาดนี้อยู่ในโลกได้อย่างไรกัน
เมื่อถังหนิงได้ลั่นปากต่อว่าอาจารย์อันเป็นที่รัก นักศึกษาหลายคนในวิทยาลัยจึงเริ่มแอบหมายหัวเธอเอาไว้
ความเดือดร้อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดกำลังไล่ตามเธอมา
ทว่าถังหนิงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
วันนี้โม่ถิงไม่ได้อยู่ที่บ้าน ถังหนิงจึงขับรถกลับด้วยตัวเอง ในระหว่างที่เธอกำลังขับรถอยู่เธอได้สังเกตเห็นผ่านกระจกมองหลังว่าใครบางคนกำลังตามเธอมาจึงเริ่มเร่งความเร็ว
“คุณผู้หญิงคะ ทำไมถึงมีคนมาด้อมๆ มองๆ อยู่ด้านนอกล่ะคะ”
“ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอกค่ะ” ถังหนิงไม่ใส่ใจคนพวกนั้นขณะที่อุ้มเหยียนเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน
อย่างไรเธอเองก็รู้ดีว่าหากคนพวกนี้กล้าลงมือทำอะไร บอดีการ์ดของโม่ถิงคงฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ
“แต่แบบนี้คุณจะไม่เสียความเป็นส่วนตัวไปเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ให้พวกเข้าสอดส่องตามใจอยากไปเถอะค่ะ”
ถังหนิงคาดเดาว่าคนที่สนับสนุนอาจารย์เหล่านี้คงมีลูกไม้มากมายไว้ใช้ทำร้ายเธอ
แต่เธอไม่ใช่คนที่ใครจะมากดขี่ข่มเหงได้ง่ายๆ เสียหน่อย
เช้าวันถัดมา ถังหนิงไปที่ห้องสมุด เมื่อเธอมาถึงก็บังเอิญพบกับหันซิวเช่อ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดเอาไว้แล้วว่าถังหนิงจะไปที่ไหนและกำลังรอเธออยู่
“ถ้าคุณยังทำกับผมอยู่แบบนี้ ผมจะไม่ทำดีด้วยแล้วนะครับ”
ถังหนิงมองหน้าชายคนนั้นอย่างรังเกียจก่อนสวนกลับ “ฉันเกลียดการถูดข่มขู่ค่ะ”
“ผมก็แค่อยากเป็นเพื่อนเท่านั้นเองครับ…”
“เพื่อนเหรอคะ” ถังหนิงหันไปมองเขาด้วยนึกว่าคำนี้ดูน่าขันไม่น้อย “คุณตามฉันมาถึงต่างประเทศขนาดนี้แล้ว ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าคุณไม่ได้หวังแค่เป็นเพื่อนกับฉันหรอกค่ะ”
“คุณตามสืบเรื่องผมเหรอครับ” หันซิวเช่อดีใจอยู่ในอกเพราะถังหนิงสนใจในตัวเขา
ทว่า…