วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1033 เห็นๆ กันอยู่ว่ามันน่าอายแค่ไหนไม่ใช่หรือ
- Home
- วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
- ตอนที่ 1033 เห็นๆ กันอยู่ว่ามันน่าอายแค่ไหนไม่ใช่หรือ
ว่าแต่ถังหนิงกับโจนส์มาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร
หรือนี่จะเป็นวิธีการที่เธอใช้กลับเข้าวงการ เธอกำลังใช้โจนส์เป็นเครื่องมือสร้างกระแสหรือ
หลายคนสงสัยในตัวถังหนิงและตั้งคำถามมากมายกับเธออย่างโจ่งแจ้ง ทว่าในครั้งนี้โม่ถิงได้ออกแถลงการณ์เพื่อตอบทุกข้อกังขาของพวกเขาด้วยตัวเอง แม้ว่าถังหนิงจะไม่ได้เป็นศิลปินของไห่รุ่ยแล้ว เขาก็ยังคงเป็นผู้จัดการของเธออยู่ และในฐานะผู้จัดการตลอดชีวิตของเธอ ไม่แปลกที่เขาจะออกมารับผิดชอบเรื่องนี้
ตอนที่ถังหนิงไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเขาก่อนหน้านี้เขาอาจปล่อยมันผ่านไปได้ ทว่าเธอได้ยอมให้โจนส์ช่วยและรู้ซึ้งถึงความสำคัญของความรู้สึกในเป็นที่พึ่งแล้ว เธอจึงไม่เก็บเรื่องเล็กน้อยมาคิดอีก
จากนั้นเขาจึงโพสต์มันลงในช่องทางโซเชียลของเขาเป็นการส่วนตัว
มันไม่อาจนับได้ว่าเป็นการตอบโต้แต่เป็นการตอบคำถามเสียมากกว่า
“การกลับมาของภรรยาของผมได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เธอยังไม่มีโอกาสได้แก้ปัญหาเรื่องจู้ซิงมีเดียด้วยซ้ำก็โดนใส่ร้ายว่าใช้โจนส์ในการสร้างกระแส เมื่อไหร่สื่อมวลชนจะมีความรับผิดชอบกว่านี้ได้สักทีครับ.
“การมาปักกิ่งของโจนส์และอยู่กับภรรยาของผมเป็นเรื่องส่วนตัวจนไม่จำเป็นออกมาชี้แจงตั้งแต่แรกแม้แต่น้อย แต่คนที่ชอบเรื่องซุบซิบนินทากลับยับยั้งชั่งใจเอาไว้ไม่ได้
“สิ่งที่น่าตลกที่สุดคือการที่พวกเขาคาดหวังให้ภรรยาของผมออกมาอธิบายว่าไปเกี่ยวข้องกับโจนส์ได้ยังไง!
“สื่อมวลชนเอาแต่ยกเรื่องการตกเป็นผู้ถูกกระทำมาอ้าง และทำเหมือนทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่พวกเขากลับกำลังพยายามบังคับให้ศิลปินละทิ้งสิทธิและผลประโยชน์ของตัวเอง
“ศิลปินเป็นคนที่มีคนคอยจับจ้อง ไม่ใช่คอยเหยียดหยาม พวกคุณเอาแต่คาดเดาไปต่างๆ นานา แล้วเอามันมาสร้างกระแส พวกคุณใช้ชีวิตไปวันๆ ด้วยวิธีอย่างนี้เหรอครับ
“เพื่อทำให้วงการบันเทิงน่าอยู่ขึ้น นักข่าวจำเป็นต้องอยู่ในขอบเขตของตัวเองไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นการปรากฏตัวบนพาดหัวข่าวของอเมริกาและการเป็นตัวตลกคงเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นแหละครับ
“ผมจะขอบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่านี่จะเป็นคำเตือนสุดท้ายของผม คุณจะจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของผมก็ได้ แต่ถ้าหากคิดจะใส่ความหรือปล่อยข่าวลือผิดๆ อีก เตรียมตัวรับจดหมายจากทนายความของผมได้เลยครับ”
คำเตือนของโม่ถิงเต็มไปด้วยความคิดเห็นส่วนตัว อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้ออกมาพูดในนามบริษัทของตัวเอง จึงไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องทำให้เป็นทางการนัก
ทว่าทุกคำของเขานั้นสื่อได้ตรงประเด็นสำคัญ ไม่ว่าถังหนิงจะทำอะไรสื่อก็จะตามไปวิพากษ์วิจารณ์เธอ บางครั้งพวกเขาทำมันลงไปโดยไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำ
ถังหนิงกำลังสร้างกระแสหรือ
เธอเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่ใช่หรือ
ถังหนิงทำให้คนต้องตายไม่ใช่หรือ
ตลอดหลายปีมานี้ ทุกความเปลี่ยนแปลงของถังหนิงอยู่ไม่ขาดกับสื่อ เมื่อคนภายนอกมาครุ่นคิดในตอนนี้ ข่าวลือหลายเรื่องของเธอล้วนมาจากการกล่าวหาที่ไม่มีมูล แม้แต่ในครั้งนี้เมื่อเธอต้องการพาเพื่อนเที่ยวชมประเทศบ้านเกิดของเธอ คนก็ยังหาว่าเธอตามสอพลอคนอเมริกัน
พวกเขาทำเกินไปหรือเปล่า
ในครั้งนี้แฟนๆ ของถังหนิงสนับสนุนคำพูดของโม่ถิงจนก้าวออกมาปกป้องเธอหลังจากถูกกดหัวมานาน
“ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ นะ แต่ว่าหันซิวเช่อเป็นโรคจิตหรือเปล่า เดิมทีจู้ซิงมีเดียก็เป็นของถังหนิง แต่เขาก็แย่งมันไปจากเธอ แล้วยังหาว่าถังหนิงวางแผนเล่นงานเขาอีก อย่าลืมว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนได้ผลประโยชน์ที่สุด ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรลอบกัด เขาจะขึ้นมาควบคุมจู้ซิงมีเดียได้ยังไง
“ส่วนเรื่องของโจนส์ บางทีนี่อาจเป็นข่าวบันเทิงที่น่าขำที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาก็ได้ แค่เพราะว่าโจนส์ไม่ใช่คนธรรมดา สื่อเลยหวังให้ถังหนิงออกมาอธิบายว่าเจอกันได้ยังไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเขาไม่ทราบ
“เราเป็นแฟนคลับของถังหนิงมานานและเคยชินกับการที่เธอโดนใส้ร้ายแล้ว เราเลยมีความสุขกับผลงานก่อนหน้านี้ของเธออยู่อย่างสงบโดยไม่ได้ออกมาหาเรื่องอะไร เราปลงว่ามันคงเป็นชะตากรรมไปแล้ว แต่ครั้งนี้ถังหนิงแค่พาเพื่อนเที่ยวปักกิ่ง แต่สื่อก็ยังเอาเรื่องนี้มาโจมตีเธอ ฉันอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้วนะ”
หลายคนได้สตินึกคิดขึ้นมาด้วยคำเตือนของโม่ถิงและตัดสินใจเข้าข้างถังหนิง ด้วยเหตุนี้อยู่ๆ ก็มีหลายคนที่ออกมาต่อต้านสื่อมวลชน
ในตอนนี้ที่ความเหิมเกริมของสื่ออาจมาถึงจุดจบ ศิลปินหลายคนเริ่มออกมาแสดงความเห็น “ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเย็นอยู่ มีช่างภาพแอบถ่ายรูปฉันไว้ ฉันเข้าไปหาเขาดีๆ และบอกว่าฉันกำลังกินข้าวอยู่และไม่ต้องการให้เขาถ่ายรูปฉัน แต่ไอ้บ้านั่นกลับชี้หัวตัวเองแล้วบอกว่าถ้าไม่ให้เขาตามถ่ายรูป เขาจะกระแทกหัวกับกำแพงแล้วบอกทุกคนว่าฉันทำร้ายเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นชื่อเสียงฉันคงต้องฉาวโฉ่แน่ๆ
“สุดท้ายฉันเลยต้องยอมแพ้เขา ฉันสู้อะไรเขาไม่ได้แต่ฉันก็ยังพอจะหลบได้ เลยทำได้แค่ไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง
“สื่อไม่ได้คอยตัดสินศิลปินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่การให้อภัยพวกเขาล่ะ คนส่วนใหญ่คิดว่าคนดังรวยและไม่มีใครเล่นงานพวกเขาได้ แต่ดูสิ่งที่สื่อเพื่อนรักเปลี่ยนความสัมพันธ์ธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องอกุศลสิ ถ้าเรากล้าลงไม่ลงมือกับพวกเขา เราอาจจะสูญเสียหน้าที่การงานไปก็ได้
“เราทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย คนภายนอกเองก็ชอบดูการแสดงเด็ดๆ และนักข่าวเองก็ชอบสร้างมันขึ้นมาด้วย!
“ถ้าในช่วงชีวิตของฉันวงการนักข่าวถูกสังคายนาได้ ฉันคงยอมแก้ผ้าถ่ายทอดสดเลย เราเรียนรู้ที่จะระวังการกระทำของเรา แล้วนักข่าวล่ะ”
นักข่าวถูกลากออกมาครั้งนี้เพราะพวกเขาไปกล่าวหาถังหนิงและมีเรื่องกับโจนส์ สุดท้ายการกระทำของเขาจะถูกเปิดเผยให้คนอเมริกันรู้ด้วยซ้ำ
เห็นๆ กันอยู่ว่ามันน่าอายแค่ไหนไม่ใช่หรือ
มีบทความมากมายในหน้าข่าวอเมริกันที่กล่าวถึงเรื่องนี้ และนักข่าวอวดดีที่ถูกแฉต้องลงเอยด้วยการลาออกจากงานก่อนจากไปอย่างเงียบๆ ด้วยความอับอายเกินว่าจะสู้หน้าคนทั้งโลก
หลังจากถูกสะสางและโจมตีจากผู้คนทั้งในและนอกวงการ เหล่านักข่าวสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น
สุดท้ายเมื่อคนในไห่รุ่ยถูกตั้งคำถามถึงความหมายเบื้องหลังของคำพูดของโม่ถิง พวกเขาแค่หัวเราะออกมา “ประธานโม่กำลังพยายามบอกว่ามันเป็นเรื่องไม่แปลกที่นักข่าวจะทำหน้าที่สัมภาษณ์และจับตามองพวกเขา แต่ช่วยใช้สมองเวลาทำหน้าที่ด้วย…”
“แต่ว่าจู้ซิงมีเดียยังไม่ได้บอกความจริงกับเราเลยนะ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในความควบคุมของเราเสียหน่อย…”
…
ด้วยเหตุนี้สื่อมวลชนจึงระวังตัวทุกย่างก้าวของตัวเองเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากถังหนิง หันซิวเช่อตัดสินใจล้มเลิกแผนของตัวเอง ถึงอย่างไรโจนส์เองก็อยู่ที่ปักกิ่งและไม่มีใครสนใจเรื่องเล็กๆ อย่างนี้อยู่แล้ว
“แม่งเอ๊ย! ”
เมื่อพี่ชายของหันซิวเช่อได้ยินเขาสบถก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “ถ้านายอยากจะทำลายถังหนิงด้วยความสามารถของนายแล้วละก็ มันมีแต่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อนเปล่าๆ นะ
“เรื่องที่ตอนนี้เธอรู้จักกับโจนส์แสดงว่าเธอก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างพวกเราจะเอื้อมถึงแล้ว ถ้านายมีเวลาว่างนักก็ใช้มันกับการ์ตูนของตัวเองเถอะ บางทีสักวันหนึ่งนายอาจจะไล่ตามเธอทันก็ได้…”
“พอได้แล้วน่า พี่เป็นพี่ชายคนเดียวของผม เลิกทำให้ผมรู้สึกแย่สักที
“นี่ผมต้องมองเธออยู่ห่างๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยหรือยังไง”
“แล้วนายคิดว่าตัวเองทำอะไรได้ล่ะ อยากจะสร้างข่าวใหญ่กับนังตัวปลอมหม่าเวยเวยหรือยังไง” พี่ชายของเขาหัวเราะเยาะ “ถ้าเธอเป็นนักแสดงที่มีฝีมือ นายจะลองขี่หางของถังหนิงก็ตามใจ”
“ถังหนิงใจดีนักไม่ใช่เหรอ เธอไม่น่าจะออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก”
“พวกนายสนใจแต่เรื่องของตัวเองไปเถอะแล้วเธอก็จะได้สนใจแต่เรื่องของเธอ ถึงมันจะเป็นเรื่องร้ายกาจ หม่าเวยเวยเองก็ยังอยู่แล้วถังหนิงก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ด้วย อีกอย่างจู้ซิงมีเดียก็อยู่ในมือนายแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากที่นายจะเกาะเธอไปเรื่อยๆ! ”