วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1104 เส้นทางทั้งสองที่ต้องเลือก
“ถ้าอย่างนั้นก็คุกเข่าไปหนึ่งวันหนึ่งคืน” คุณนายเป่ยเอ่ยอย่างไร้ความปรานี
“คุณแม่คะ…” หันซินเอ๋อร์พยายามร้องขอความเมตตา แต่เธอถูกคุณนายเป่ยว่าตัดบท “หรือเธออยากจะให้สามีของตัวเองเป็นอย่างนี้ต่อไปและไม่ฟังคำพูดของเธอล่ะ อยากให้ต่อไปเขาใช้วิธีเดียวกันมาหลอกเพื่อให้ได้ดั่งใจตัวเองเหรอ”
หันซินเอ๋อร์ไม่ได้ตอบกลับ…
“ถ้าไม่ก็ปล่อยให้เขาคุกเข่าต่อไปซะ” คุณนายเป่ยพูดก่อนที่จะพาหันซินเอ๋อร์ออกไป
“แกสมควรโดนอย่างนี้แล้ว” คุณพ่อเป่ยว่าเข้าให้ขณะที่มองลูกชายตัวเองกลับไปคุกเข่า ก่อนจะเดินตามภรรยาและลูกสะใภ้ออกไปจากโถงบรรพบุรุษ
เป่ยเฉินตงคุกเข่าไม่ขยับไปไหน คราวนี้เขาหนีไปไม่ได้ง่ายๆ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมโดนลงโทษ แต่เขารู้ว่าลึกๆ แล้วพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้ต่อต้านการแต่งงานของเขากับซินเอ๋อร์ เพราะพวกเขาไม่ได้พูดเรื่องไร้เหตุผลกับเธอ
…
หลังจากกลับมาที่ห้องนั่งเล่น คุณนายเป่ยบอกให้หันซินเอ๋อร์มานั่งที่โซฟา ก่อนบอกกับเธอด้วยท่าทีจริงจัง “เราไม่อยากเป็นพ่อแม่ที่ใจแคบหรอกนะ ยิ่งเราไม่เคยหวังในตัวเป่ยเฉินตงสูงมาตั้งแต่ต้นด้วย เรารู้ว่าเขาเป็นจอมก่อเรื่องมาตลอด แล้วชีวิตของเขาก็จะเป็นอย่างนี้ต่อไป หลังจากคว้ารางวัลมาได้สองครั้ง เขาก็เพิ่งจะได้ใช้ชีวิตไปวันๆ ในวงการบันเทิง
“ซินเอ๋อร์ เราถึงได้หวังว่าจะหาลูกสะใภ้ที่มีฝีมือ อย่างน้อยก็คอยช่วยเหลือพวกเราได้ในอนาคต
“แต่ดูท่าแล้ว ตอนนี้เราคงหวังมากไม่ได้แล้วล่ะ
“เราไม่ได้อยากทำให้เธอลำบากเลยนะ แต่เราก็ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ไม่ได้เหมือนกัน
“ในเมื่อเธอแต่งงานเข้าตระกูลเป่ยแล้ว เธอก็ควรทำอะไรให้กับครอบครัวบ้าง ดังนั้นหลังจากที่คลอดลูกแล้ว อย่างน้อยหนึ่งในพวกเธอก็ควรจะช่วยเราได้
“มันคงดูไร้เหตุผลใช่ไหม”
หันซินเอ๋อร์ส่ายหน้า
“ในเมื่อเขาไม่ยอมที่จะใช้ชีวิตอย่างเอาจริงเอาจัง และจะไม่สืบทอดกิจการของครอบครัว เราต้องลำบากเธอแล้วล่ะ เราจะใช้โอกาสนี้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเป่ย และพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวย ต่อให้เธอจะไม่ได้มีพื้นเพครอบครัวที่มั่นคงก็ตาม”
หันซินเอ๋อร์พยักหน้ารับ
“ไม่ได้ขอเธอมากเกินไปใช่ไหม”
ความจริงแล้วหันซินเอ๋อร์เองเคยทำงานด้านการจัดการที่ไห่รุ่ยมาบ้างแล้ว และรู้สึกค่อนข้างสนใจในด้านนี้ เธอจึงรู้สึกยินดีที่จะได้มีโอกาสเรียนรู้ให้มากขึ้น
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องพูดถึง ในวงการนี้มีผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเป่ยเฉินตงอยู่มาก ส่วนใหญ่พวกเขาก็มีบ้านเล็กบ้านน้อยอยูด้านนอก ฉันมั่นใจว่าเธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร ยังไงพวกเขาทั้งหมดต่างก็มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนคนเดียว เรายอมรับว่ามีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น แต่เรารับไม่ได้กับพฤติกรรมอย่างนี้หรอกนะ”
“เขาจะไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ…”
“จะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น แต่ถ้าเขาทำขึ้นมา ทุกอย่างที่เรากำลังมอบให้เธอตอนนี้จะเป็นเครื่องมือต่อรองที่เธอจะใช้เพื่อรักษาเขาไว้ได้”
ดูเหมือนว่าคุณนายเป่ยจะเป็นห่วงว่าหันซินเอ๋อร์จะถูกรังแก
แม้ว่าหันซินเอ๋อร์จะคล้อยตามเป่ยเฉินตงได้ง่าย เธอก็ไม่ใช่คนที่ยอมพ่ายแพ้ให้กับโลกภายนอก
อย่างน้อยด้วยการฝึกฝนเพียงเล็กน้อย เธอก็มีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ค่อนข้างสูง
“คุณพ่อ คุณแม่คะ ขอบคุณนะคะ”
“ฉันรู้ว่าเธอกับถังหนิงสนิทสนมกันดี แล้วฉันก็เป็นน้าของโม่ถิงเราเลยรู้จักกันดี เธอไม่คิดว่าฉันเป็นเสือตัวเมียที่กินตัวผู้บ้างเหรอ บางอย่างก็มีไว้ให้คนภายนอกเห็นเท่านั้นแหละ หลังจากที่เธอเข้ามาในวงการนี้เธอก็จะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” คุณนายเป่ยออกปากเตือน
“ค่ะ ฉันจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ”
“ในเมื่อหลานของฉันสบายดี เธอก็ควรดูแลเขาให้ดีๆ นะ ฉันไม่ได้หวังกับเป่ยเฉินตงไว้สูงนักหรอก ถ้าพวกเธอไม่ย้ายกลับมาที่บ้าน ฉันจะจ้างพี่เลี้ยงไปช่วยเอง เธอจะได้ไม่เหนื่อย”
“โอเคค่ะ”
หันซินเอ๋อร์ตกลงกับทุกคำขอร้องของคุณนายเป่ย ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองจะมีชะตากรรมอย่างตัวละครในนิยายที่ลงเอยด้วยการหย่า ใครจะไปคิดว่าการเข้ากับตระกูลเป่ยจะไม่ได้ยากอย่างที่เธอคิดเอาไว้
คุณนายเป่ยพูดถูก เพราะเธอเป็นน้าของโม่ถิง พวกเขาจึงมีนิสัยที่คล้ายกันไม่น้อย
ตระกูลโม่เองไม่ใช่คนประเภทที่จะสร้างเรื่องยากลำบากให้คนอื่น แล้วตระกูลเป่ยจะต่างกันออกไปได้ยังไงกันล่ะ
“ปล่อยให้เป่ยเฉินตงคุกเข่าต่อไปเถอะ ถ้าเขาไม่ได้เรียนรู้ต่อไปเขาก็คงทำอย่างเดิมอีก!”
แม้ว่าการที่คนวัยสามสิบต้องมาคุกเข่าจะเป็นเรื่องน่าอาย แต่เป่ยเฉินตงก็ไม่ปริปากบ่นสักคำ เขาทำเพื่อหันซินเอ๋อร์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงคุกเข่าอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ยอมพักแม้แต่วินาทีเดียว
เดิมทีเขานึกว่าจะได้เห็นภรรยาของตัวเองทันทีที่ผ่านพ้นคืนนั้นไป แต่คุณนายเป่ยกลับบอกเขา “เธอไปแล้วล่ะ…”
ตอนแรกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่ตัวเองจะบอก พยายามลุกขึ้นแต่พบว่าขาของตัวเองชาหนึบไปหมด
“แม่ครับ แม่ก็รู้นิสัยผมดี ผมเกิดมาเป็นอยางนี้ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ผมยอมทำทุกอย่าง สำหรับผมแล้วมันไม่มีกฎเกณฑ์หรือข้อห้ามใดๆ ทั้งนั้น
“ถ้าซินเอ๋อร์ไม่ได้อึดอัดใจ ผมคงไม่มีทางก้าวออกมายอมรับผิดหรอก ยังไงเราก็ไม่ต้องให้แม่ยินยอมให้เราแต่งงานกันอยู่แล้ว ผมอาจจะมาที่นี่ คุกเข่า และยอมให้แม่ระบายความโกรธกับผม แต่ไม่ได้หมายความว่าแม่จะทำยังไงกับซินเอ๋อร์ได้ตามใจนะครับ”
หลังจากคุณนายเป่ยได้ยินเช่นนี้ เธอก็เหลือบมองหน้าลูกชาย “ไม่มีซินเอ๋อร์อยู่คงไม่มีใครห้ามแกได้สินะ ถ้าสักวันหนึ่งแกฆ่าคนตายขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่ๆ ”
อย่างน้อยเพื่อซินเอ๋อร์แล้ว เป่ยเฉินตงก็ยังยับยั้งชั่งใจไว้ได้
นี่เป็นการพิสูจน์แล้วว่าหันซินเอ๋อร์นั้นสำคัญกับเขามากขนาดไหน
เมื่อก่อนเขาไม่เคยเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น หากแต่ตอนนี้เขามีหันซินเอ๋อร์แล้ว
“ซินเอ๋อร์กลับไปที่บ้านต่างหาก…”
“แม่…”
“ฉันจะจำเอาไว้ว่าครั้งนี้แกโกหกฉัน ซินเอ๋อร์ตกลงที่จะชดใช้ให้แล้ว ฉันเลยไม่ต้องรบกวนแกแล้วล่ะ แต่ต่อไปนี้แกต้องจำไว้ว่าถ้าทำอะไรผิดอีก ซินเอ๋อร์จะต้องเป็นคนชดใช้ ฉันแนะนำให้คิดดีๆ ก่อนจะทำอะไรลงไปจะดีกว่านะ…”
เธอกำลังใช้ซินเอ๋อร์กำราบเขาอย่างนั้นหรือ
ต่อให้เธอจะทำอย่างนั้น เป่ยเฉินตงก็ไม่ได้รู้สึกถูกบังคับอย่างที่เคย เขาแค่มีความสุขที่ซินเอ๋อร์ยังอยู่ข้างๆ เขา ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่านี้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นต่อไปนี้เขายังต้องพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ซินเอ๋อร์พลอยเดือดร้อนไปด้วย…
เขารีบกลับบ้านทันที เมื่อเห็นซินเอ๋อร์นั่งดื่มซุปอยู่ในบ้าน เขาเดินตรงเข้าไปหาแล้วรั้งเธอไว้ในอ้อมกอด “ฉันดีใจจังที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ…”
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันล่ะ” เธอถาม “รีบนั่งลงเร็วเข้าค่ะ มาให้ฉันดูเข่าของคุณซิ”
“เธอไปตกลงอะไรเอาไว้กับแม่” เขาถามขณะนั่งลงบนเก้าอี้และพับกางเกงขึ้นมา
เธอโน้มลงไปดูเข่าของสามี ก่อนจะตอบพลางตรวจดู “ฉันบอกเธอว่าหลังจากคลอดลูก จะไปฝึกงานกับตระกูลเป่ยค่ะ!”
“ว่าแล้วเชียว!”
“ฉันไม่มีทางเลือกนี่คะ ในเมื่อคุณไม่ไปฉันก็ต้องไปแทนไง!” หันซินเอ๋อร์บอกกลับ
ในเมื่อเธอตอบเขาเช่นนั้นแล้วเขาจะทำอะไรได้อีก
เขาจะนั่งเฉยมองภรรยาของตัวเองทรมานได้หรือ
ไม่มีทาง!
แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการโกหกทั้งหมด แต่เพื่อซินเอ๋อร์แล้ว…
…ไม่มีสิ่งใดที่สำคัญ เขายอมทำทุกอย่างเพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ