วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1133 คิดว่าฉันจะตกหลุมพรางของคุณเหรอ
ในเช้าวันนัดพบของถังหนิงกับชิวจิ้น คุณนายซูเองก็ได้นัดเจอกับหนานกงเฉวียนเช่นกัน
ในแวบแรกคุณนายซูรู้สึกว่าหนานกงเฉวียนร่างกายสูงใหญ่กำยำราวกับยักษ์ เธอจึงเชื่อว่าเขาคงจะสามารถปกป้องลูกสาวของเธอได้อย่างสบายๆ พอมาคิดดูอีกทีแล้วเธอว่าเขาดูไว้วางใจได้ นี่เป็นความประทับใจแรกทั้งสองข้อที่เธอมีต่อผู้ชายคนนี้
“สวัสดีครับ คุณน้า”
“พูดตามตรงนะคะ ฉันค่อนข้างแปลกใจที่คุณอยากจะสร้างครอบครัวกับโยวหรานทั้งที่คุณไม่ได้รู้จักเธอด้วยซ้ำ” คุณนายซูซักไซ้ “พูดกับฉันมาตามตรงนะคะ คุณมีโรคร้ายหรือเปล่าคะ”
“คุณน้าครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกครับ ผมร่างกายแข็งแรงดี” หนานกงเฉวียนตอบ “ผมอยากแต่งงานกับเธอเพราะว่าลูกสาวผมชอบเธอมากน่ะครับ แต่ผมมีลูกสาวอายุได้เกือบห้าขวบแล้ว นอกจากเธอ ผมก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นในชีวิตอีกแล้วล่ะครับ ถ้าโยวหรานแต่งงานกับผม อย่างน้อยผมก็รับรองได้ว่าผมจะซื่อสัตย์กับเธอครับ!
“ส่วนเรื่องเบื้องหลังของผม คุณน้าคงจะรู้ดีอยู่แล้ว ถ้าเธอแต่งงานเข้าตระกูลหนานกง ผมจะทำให้มั่นใจว่าเธอจะไม่ลำบากแม้แต่น้อยครับ”
คุณนายซูเข้าใจเรื่องนี้ดี
“ฉันได้ยินว่าคุณเคยติดคุกมาก่อนนี่คะ”
“ผมช่วยใครบางคนไว้น่ะครับ ต่อให้ผมย้อนเวลากลับไปได้และรู้ว่าตัวเองจะติดคุกเพราะสิ่งที่ทำ ผมก็จะยังทำเหมือนเดิมอย่างไม่ลังเลครับ” หนานกงเฉวียนตอบอย่างจริงใจ
“จากที่ฉันหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณมาฉันเข้าใจคุณดีนะคะ แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะเข้าใจความเจ็บปวดที่ลูกสาวฉันเจอมาหรอกค่ะ แค่เมื่อสองวันก่อนพ่อของเธอยังแช่งฉันต่อหน้าเธอและบอกให้ฉันไปตายอยู่เลย” คุณนายซูแค่นยิ้ม “ฉันรู้ว่าโยวหรานอยากให้ฉันออกจากครอบครัวซู เธอคิดว่าตัวเองสามารถดูแลและมอบชีวิตที่ดีให้กับฉันได้ แต่เธอไม่รู้หรอกว่าชีวิตผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานซึ่งมีแม่พิการเป็นภาระมันยากลำบากและหดหู่ขนาดไหน
“ในขณะที่หญิงสาวคนอื่นๆ แต่งตัวออกไปเดต แต่เธอต้องกลับบ้านมากังวลกับการป้อนข้าวและแต่งตัวให้ฉัน ในขณะที่หญิงสาวคนอื่นๆ ได้คบหากับคนอื่น เธอจะต้องทำงานหลายๆ ที่เพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษาและค่ากินค่าอยู่ แล้วยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอด้วย เธอไม่รู้หรอกว่ามันยากลำบากขนาดไหน
“ฉันไม่ต้องการให้เธอใช้ชีวิตอย่างทรมานขนาดนั้น คุณหนานกงคะ ฉันไม่กลัวที่จะถูกทำเหมือนตัวตลกหรอกนะคะ ตอนนี้ฉันแค่อยากหาผู้ชายมีฐานะที่สามารถช่วยชีวิตลูกสาวของฉันในตอนนี้ได้ ฉันถึงจะคลายกังวลได้ค่ะ
“ฉันยอมให้ทั้งสองคนคบหากันได้ภายใต้เงื่อนไขหนึ่งคือเธอจะต้องชอบพอคุณ ไม่อย่างนั้นเธอก็จะต้องลงเอยแบบฉัน
“นี่เป็นสิ่งที่คุณจะต้องทุ่มเทต่อจากนี้ไปค่ะ…
“ฉันจะทำให้เธอย้ายออกจากบ้านครอบครัวซู คุณจะได้หาโอกาสทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นค่ะ…
“แต่แน่นอนว่าฉันจะจับตามองคุณต่อไป ถ้าคุณไม่ดูแลลูกสาวฉันให้ดีๆ งั้นก็ลืมเรื่องที่เราเคยเจอกันไปได้เลยค่ะ!”
“ผมทำได้ครับ” หนานกงเฉวียนพยักหน้ารับ “ไม่ต้องห่วงนะครับ”
หนานกงเฉวียนสัมผัสได้ว่าคุณนายซูนั้นทนทุกข์ทรมานมามากเพียงไหน
ทว่าเป็นเพราะว่าความทุกข์นี้ เธอจึงแสดงความรักออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น
จากสิ่งที่คุยกันในการนัดพบของพวกเขา คุณนายซูกลับมาที่บ้านและโทรหาซูโยวหราน “พอแกกลับมาที่บ้านก็เก็บข้าวของแล้วย้ายออกไปอยู่ตัวคนเดียวซะ!”
“ไม่นะ แม่ เกิดอะไรขึ้นกันคะ”
“แกไม่ต้องมาเป็นห่วงฉันหรอก ป้าของแกจะมาดูแลฉันเอง ฉันต้องเก็บห้องของแกให้เธอเข้ามาอยู่ แกก็รู้ว่าป้าของแกเก่งแค่ไหนนี่ ดังนั้นก็ย้ายออกไปหาที่อยู่ของตัวเองซะ”
แม้ว่าการย้ายออกมาจะเป็นความฝันของซูโยวหราน เธอก็ต้องการพาแม่ของเธอออกมาด้วยเสมอ ทว่าในตอนนี้เธอกลับถูกแม่ตัวเองไล่ออกมา
หากซูโยวหรานถูกบังคับให้ทิ้งแม่ตัวเองไว้กับคนอื่น เธออาจยังรู้สึกเป็นห่วง หากแต่ป้าของเธอก็เป็นหญิงแกร่งจริงๆ เธอเป็นทนายความที่เชี่ยวชาญในคดีฟ้องหย่า เพราะว่าป้าของเธอพ่อของซูโยวหรานถึงถูกขัดขวางเอาไว้
ถ้าเขาทำกับแม่ของซูโยวหรานอย่างไม่เป็นธรรม ป้าของเธอก็จะทำให้เขาต้องทรมาน
ป้าเธอนั้นเหมาะสมที่จะอยู่ที่บ้านครอบครัวซูมากกว่าเธออย่างแน่นอน
ซ้ำตอนนี้ป้ายังอยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นการย้ายมาอยู่กับแม่ของซูโยวหรานจึงหมายความว่าพวกเธอสามารถดูแลกันและกันได้
ด้วยเหตุนี้ซูโยวหรานจึงตกลงที่จะย้ายออกมา…
…
บ่ายวันนั้นที่อาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า
ถังหนิงเดินทางตรงไปยังสุสานพร้อมบอดี้การ์ดของเธอเพื่อพบกับชิวจิ้น
แม้ว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายทันทีที่มาถึง เธอก็ยังเชื่อใจสามีเธอ…
ชิวจิ้นนั้นได้ควบคุมทุกทางเข้าออกไว้แล้ว เห็นได้ชัดจากจำนวนคนน้อยนิดภายในสุสาน ทว่าถังหนิงไม่ได้สนใจขณะเดินตรงไปหาชิวจิ้นพร้อมบอดี้การ์ดที่ตามประกบมาติดๆ
ในตอนนั้นเองที่ชิวจิ้นกำลังกวาดหลุมศพของภรรยาและลูกๆ ของเขาอยู่ เมื่อเห็นว่าถังหนิงมาถึงเขาก็ลุกขึ้นและส่งยิ้มให้ “นึกไม่ถึงว่าคุณจะมาจริงๆ นะครับ”
“ฉันจริงใจกับการสะสางปัญหาของเรานะคะ” ถังหนิงเอ่ยพลางถอดแว่นกันแดดออก จากนั้นจึงหันไปทางหลุมศพข้างๆ และโค้งคำนับให้สามครั้ง
“สะสางปัญหาเหรอ คุณรู้หรือเปล่าว่าถ้าไม่มีตระกูลโม่ ป่านนี้ลูกชายของผมก็คงได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว” ชิ้วจิ้นมองค้อนใส่ถังหนิง
“ถ้าอย่างนั้น ให้ฉันเล่าเรื่องของดาราดังคนหนึ่งที่มีพ่อป่วยเป็นโรคทางจิตเวชและลูกชายนอกสมรสอายุสิบสามปีหน่อยแล้วกันนะคะ เพราะการเสียชีวิตของเธอ พ่อของเธอเลยถูกทำร้ายร่างกายจนตาย ลูกชายของเธอถูกส่งไปสถานสงเคราะห์สิบห้าปีต่อมาลูกชายก็ถูกส่งเข้าคุกในข้อหาลักทรัพย์ และถูกขังอยู่ในนั้นมาจนถึงบัดนี้
“ฉันมั่นใจว่าคุณคุ้นเคยกับดาราดังคนนี้มากกว่าใครนะคะ
“แล้วมีใครแก้แค้นให้เธอบ้างละคะ พ่อกับลูกชายของเธอไม่ถือว่าเป็นคนเหรอคะ…
“ภรรยากับลูกชายของคุณก็แค่ทุกข์ทรมานกับเวรกรรมจากการกระทำของคุณเพราะว่าโลกใบนี้ไม่มีที่สำหรับความเลวร้าย
“คุณคิดว่าถ้าไม่มีตระกูลโม่ตัวเองจะไปได้อีกสักกี่น้ำ ไม่มีตระกูลโม่แล้วคุณจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน ชิวจิ้น คุณไม่จำเป็นต้องเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณเลือกเส้นทางที่ซื่อสัตย์ตั้งแต่แรก ทั้งภรรยาและลูกของคุณก็คงไม่ต้องเดือดร้อนเพราะตระกูลหนานกงหรอก
“มันไม่ได้เห็นกันชัดๆ ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาตายเพราะใครเหรอคะ
“แค่คุณทำให้ภรรยากับลูกต้องมาเดือดร้อนด้วยก็แย่พอแล้ว คุณยังพยายามทำให้ภรรยากับลูกของคนอื่นมาเดือดร้อนด้วยอีกเหรอคะ”
“หุบปาก!” ชิวจิ้นตวาด “ใครให้คุณกล้ามาต่อว่าผมอย่างนี้กัน”
“ชิวจิ้น บอกฉันมาสิ ฉันต้องทำยังไงคุณถึงจะหยุดได้”
“หยุดเหรอ ตอนที่เดินเข้ามาถึงที่นี่วันนี้ คิดว่าตัวเองจะเดินออกไปได้อีกเหรอ” ชิวจิ้นว่าเย้ย “ฉันไม่สนใจว่าใครทำให้ภรรยากับลูกชายของฉันเดือดร้อนหรอก ฉันรู้แค่ว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะตระกูลโม่! ตระกูลโม่ต้องชดใช้ ไม่อย่างนั้นตลอดหลายปีนี้ฉันก็ต้องทนอย่างสูญเปล่า!”
ถังหนิงหัวเราะ ท่าทีของเธอนิ่งสงบ จากนั้นจึงหยิบสมุดบันทึกสีเหลืองออกมาจากกระเป๋า “สิ่งนี้ถูกเจอในบ้านที่คุณเคยอยู่ น่าจะถูกซ่อนอยู่ในกำแพง บ้านที่ถูกทิ้งให้ซอมซ่อมาหลายปี ฉันเลยได้สิ่งนี้มาไม่ง่ายเลย
“คุณอยากรู้หรือเปล่าว่าภรรยาของคุณเขียนอะไรในสมุดบันทึกของเธอบ้าง”
“คิดว่าฉันจะตกหลุมพรางคุณเหรอ ตระกูลโม่ก็เหลี่ยมจัดมาตลอดนั้นแหละ!” ชิวจิ้นตะโกนขณะชี้หน้าถังหนิง