วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1143 ผมจะหาตัวว่าเป็นใคร
บ่ายวันนั้นไห่รุ่ยยืนยันว่ามดราชินีสองจะเริ่มถ่ายทำในต้นเดือนหน้า นั่นหมายความกำลังจะเริ่มถ่ายทำในอีกไม่กี่วัน
ในฐานะตัวร้าย เป็นธรรมดาที่โม่ถิงจะต้องจัดการตารางเวลา ต้องขอบคุณความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ของฟังอวี้กับลู่เช่อ โม่ถิงจึงหาเวลาว่างมาถ่ายทำภาพยนตร์ได้
ไม่มีใครรู้สึกขายหน้าที่นายใหญ่ของพวกเขาเข้าร่วมแสดงภาพยนตร์ เพราะพวกเขาต่างรู้ว่าเขาทำลงไปทั้งหมดเพื่อถังหนิง
สัตว์ประหลาดผู้คลั่งรักภรรยายอมทำทุกอย่างตราบใดที่ภรรยาตัวเองต้องการ…
แล้วนับประสาอะไรกับการแสดงภาพยนตร์
ทันทีที่ไห่รุ่ยประกาศ สื่อมวลชนเริ่มตามติดเรื่องราวและขอสัมภาษณ์นักแสดงทั้งหญิงชายที่เกี่ยวข้องในทันที แม้แต่ผู้อาวุโสหลงยังเตรียมตัวทุ่มเทให้กับภาพยนตร์ของถังหนิง แล้วใครจะกล้าล้อเล่นกันมันกัน
ขณะที่เธอนั่งดูข่าวอยู่บนเตียงของหนานกงเฉวียน ซูโยวหรานก็เหลือบมองเขา “ถังหนิงเป็นผู้สร้างหนังที่เยี่ยมจริงๆ เลยนะคะ”
“หนังเป็นผลงานจากการทำงานหนักของทั้งทีมงาน คุณจะยกความดีความชอบให้ถังหนิงคนเดียวไม่ได้หรอกนะครับ แต่ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าถังหนิงเก่งมากนะ” หนานกงเฉวียนเอ่ยอย่างระวังแม้ว่าเขาจะแค่ดูข่าวซุบซิบธรรมดาอยู่ “ด้วยเงื่อนไขที่ยากลำบากของหนังเรื่องแรก ยากที่จะเห็นคนที่สร้างมันอย่างจริงจังขนาดนี้จริงๆ ครับ”
“หนานกงเฉวียน ฉันอยากรู้ว่าคุณรู้สึกไม่สบายใจเวลาเห็นความสำเร็จของประธานโม่บ้างไหมคะ”
“โม่ถิงมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยตัวเองครับ” หนานกงเฉวียนรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร “คุณเทียบใครกับเขาไม่ได้หรอก”
หลังจากได้ยินดังนั้น เธอพลันรู้สึกว่าหนานกงเฉวียนกับโม่ถิงเหมือนกับวีรบุรุษที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน
หนานกงเฉวียนชื่นชมในตัวโม่ถิง และโม่ถิงก็ไม่ได้ไม่พอใจหนานกงเฉวียน
“จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคู่แข่ง พวกคุณก็ดูเข้ากันได้ดีจริงๆ นะคะ”
“ตอนนี้เลิกพูดถึงเรื่องนั้นได้แล้วครับ มากินยาก่อนครับ” เขาปิดโทรทัศน์ที่ส่งเสียงดังก่อนเอายามาให้เธอ “ถ้าคุณอยากกลับห้องตัวเองก่อนที่เสี่ยวต้านเขอจะกลับมาก็ฟังที่ผมบอกนะครับ”
แก้มเธอขึ้นสีระเรื่ออย่างพูดอะไรไม่ออก
เห็นกันอยู่ว่าชายคนนี้ดูเป็นสุภาพบุรุษ หากแต่อยู่ๆ เขากลับทำทีเจ้ากี้เจ้าการในสถานการณ์เช่นนี้…
เธอแทบรับมือไม่ไหว
“โยวหราน…เร็วเข้าครับ”
“โอเคค่ะ” เธอพยักหน้าพลางล้มตัวลงนอน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจ เมื่อเธอผล็อยหลับไปเขาก็ค่อยๆ อุ้มเธอกลับไปที่ห้องเธอ ส่วนหน้าที่ไปรับเด็กๆ ก็ตกเป็นความรับผิดชอบของเขาไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม การกระทำเช่นนั้นของเขาทำให้ผู้อาวุโสหนานกงโกรธจัด
ลำพังแค่หนานกงเฉวียนลืมความแค้นของตระกูลตัวเองก็เลวร้ายพอแล้ว ผู้อาวุโสหนานกงยังไม่ได้ลงโทษหลานชายกับเรื่องนั้น หากแต่หนานกงเฉวียนยังมารับฝาแฝดโม่ที่โรงเรียนอีกด้วยหรือ
เขาลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตระกูลหนานกงไปแล้วหรือ
“ไปได้!” ผู้อาวุโสหนานกงสั่งคนขับรถ
“นายน้อยหนานกงน่าผิดหวังเกินไปแล้วนะครับ” คนขับรถเอ่ยขึ้น “นายครับ อย่าอารมณ์เสียเพราะเขาเลยนะครับ”
“ถ้าฉันไม่เตือนเขา ฉันเกรงว่าเขาจะลืมว่าตัวเองเป็นใครไปน่ะสิ!” สิ้นประโยค ผู้อาวุโสหนานกงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาหมายเลขที่คุ้นเคย ก่อนออกปากสั่ง
หนานกงเฉวียนคงนึกไม่ถึงว่าการมารับฝาแฝดแทนซูโยวหรานจะจุดชนวนการตอบโต้ครั้งใหญ่จากผู้อาวุโสหนานกงขนาดนี้
…
สามวันต่อมา มดราชินีสองจัดพิธีเปิดกล้อง
การถ่ายทำภาพยนตร์ภาคต่อไม่ยากเท่าเรื่องแรก ครั้งนี้ถังหนิงสามารถหาสิ่งที่เธอต้องการได้ดั่งใจ หากแต่เธอก็ยังให้ความสำคัญกับนักแสดงของเธอ
ระหว่างพิธี ผู้อาวุโสหลงอยู่ในชุดสูทสีขาว อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ปกปิดรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขา นักแสดงหน้าใหม่ยืนอยู่กลางเวที ส่วนถังหนิงยืนอยู่ด้านซ้าย โม่ถิงไม่ได้เข้าร่วมงานด้วยเพราะงานยุ่ง
แฟนๆ มากมายส่งคำอวยพรมาให้ พวกเขาเฝ้ารอมดราชินีสองมาอย่างทรมาน และหวังเต็มทีให้ถังหนิงถ่ายทำให้เสร็จภายในวันเดียว
ในวันนั้นผู้อาวุโสหนานกงเองก็เข้าร่วมงานนี้เช่นกัน
ตอนนี้เขานามสกุลเฉิง และหลังจากแต่งหน้าเล็กน้อย เขาก็ดูเด็กกว่าอายุจริงไปสิบปี ทั้งยังแสร้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดมาหลายปีในอเมริกา
ไม่มีใครสงสัยตัวตนของเขา ความจริงแล้วพวกเขาปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนในครอบครัว ในขณะที่เขามองคนที่ยืนเรียงกันบนเวทีด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
เขาเฝ้ารอโอกาสนี้มาอย่างใจเย็น แม้จะฝืนตัวเองไม่ให้เผากองถ่ายให้ราบอยู่ตลอดแทบไม่ไหวก็ตาม
สำหรับมดราชินีสองไห่รุ่ยได้ลงทุนลงแรงไปมากกว่าภาพยนตร์เรื่องแรก พวกเขาถึงขั้นสร้างรังนกในโรงถ่ายเช่นเดียวกับโครงสร้างอื่นๆ
การถ่ายทำส่วนใหญ่ของมดราชินีสองคงเกิดขึ้นที่นี่
โม่ถิงมีตารางมาสมทบกับทีมนักแสดงเป็นคนสุดท้ายเพราะฉากของเขาอยู่ในช่วงท้ายของภาพยนตร์ ส่วนในช่วงต้นของภาพยนตร์ ผู้ชมคงได้เห็นแค่แผ่นหลังของเขาเท่านั้น
ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าหากผู้อาวุโสหนานกงต้องการรอโอกาส เขาคงจะต้องรอไปอีกสักพักใหญ่…
…
ถึงกระนั้นผู้อาวุโสหนานกงไม่ได้ลืมส่งคำเตือนไปถึงหลานชายตัวเองให้นึกถึงตัวตนตัวเอง
ดังนั้นระหว่างนี้เขาจึงสั่งให้คนไปวางรูปพ่อแม่หนานกงเฉวียนไว้ที่รถของเจ้าตัวอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้เขาระลึกถึงการตายของพวกเขา เขาไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำอย่างไร ต่อให้ต้องพ่นคำลงบนรถของหนานกงเฉวียน เขาก็ต้องการทำให้แน่ใจว่าหลานชายของเขาจะจำทุกอย่างได้
“คุณหาคนร้ายได้หรือยังคะ” ซูโยวหรานเห็นว่าหนานกงเฉวียนกำลังเดือดร้อนเพราะรูปที่ถูกเอามาทิ้งไว้ที่รถของเขาอยู่เรื่อย “ทำไมอยู่ๆ คุณถึงได้รูปพวกนี้ละคะ”
เขาวางรูปลงก่อนตอบ “บางทีอาจมีใครสักคนรู้สึกเบื่ออยู่ก็ได้ครับ”
“ใครจะมาใช้ลูกเล่นอย่างนี้กันคะ ฉันมั่นใจว่าจะต้องมีจุดประสงค์แน่ๆ ”
“นี่เป็นคำเตือนครับ!” ในที่สุดเขาก็ตอบพลางก้มมองรูปในมือ “ใครบางคนกำลังเตือนผมไม่ให้ลืมความแค้นของตระกูลผม”
“แต่ว่าชิวจิ้นตายไปแล้วนี่คะ…”
“ผมจะหาตัวว่าเป็นใครครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เขากล่าวปลอบ “แค่คุณกับเสี่ยวต้านเขอปลอดภัยก็พอแล้วครับ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง”
“ฉันแค่เป็นห่วงคุณน่ะค่ะ” เธอเอ่ยขณะกุมมือเขาไว้ “ไม่ง่ายที่คุณจะลืมเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยนะคะ”
หนานกงเฉวียนนิ่งเงียบ…
อย่างที่ซูโยวหรานว่า มันไม่ง่ายที่เขาจะลืมเรื่องพวกนี้ทั้งหมด…
เขาไม่อยากจะจดจำพวกมันทั้งหมดอีก!