วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1208 คุณเป็นของผม ผมจะรับผิดชอบคุณเอง
ทั้งเฮลิคอปเตอร์และเครื่องมือตรวจจับทุกชนิดรวมถึงอากาศยานไร้คนขับถูกกองทัพนำมาใช้ แต่ไม่มีใครหาตัวนายทหารที่หายไปเจอ
สุดท้ายเชียนหลานจึงไม่มีทางเลือกนอกจากขอเข้าไปในเขตหวงห้ามเพื่อพาตัวพวกเขากลับมา
หัวหน้าของเธออนุญาตให้เธอเข้าไป แม้เธอจะต้องไปตามลำพังและเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง เชียนหลานก็ไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว
“ผู้บังคับบัญชาเชียน มันอันตรายมากนะครับ…แน่ใจว่าจะทำสำเร็จเหรอครับ”
“ไม่ว่าฉันจะทำสำเร็จหรือเปล่า ไอ้พวกนั้นก็ตัดสัญญาณจีพีเอสและปิดเครื่องมือสื่อสารทุกอย่างไปแล้ว เราติดต่อพวกเขาไม่ได้แล้วก็ระบุพิกัดที่แน่ชัดไม่ได้ด้วย นอกจากเข้าไปหาพวกเขา เราไม่มีทางเลือกอื่น” เชียนหลานเอ่ยขณะเตรียมตัวเข้าไปในเขตหวงห้าม “ฉันฝากคนที่เหลือด้วยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวด้วยนะครับ”
เธอพยักหน้าและบุกเข้าไปในเขตหวงห้ามด้วยตัวคนเดียว
ต่อให้เธอจะบาดเจ็บจริงๆ เธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครสนใจ แล้วเธอจะต้องกลัวอะไรอีก ในทางกลับกันทหารประจำการใหม่พวกนั้นยังมีคนที่เป็นห่วงพวกเขาอยู่
เมื่อคิดเช่นนี้เชียนหลานก็เร่งฝีเท้า
นายทหารที่ประจำการใหม่ฉลาดและมีวิธีเลี่ยงการถูกจับได้ไม่แย่นัก แต่พวกเขาไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง กล้าดีอย่างไรขัดคำสั่งผู้บัญชาการกัน
ในขณะที่เชียนหลานตามหานายทหารที่หายไป เธอค่อยๆ เข้าใกล้ศูนย์กลางของเขตหวงห้าม ไม่นานหลังจากนั้นในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากโรงงานร้าง
เชียนหลานวิ่งเข้าไปด้านในทันที เมื่อนายทหารใหม่เห็นเธอ พวกเขากลัวจนเริ่มร้องไห้ออกมา “ผู้บัญชาการ ในที่สุดก็มาถึง! ถังหลงเหยียบกับระเบิดครับ”
ชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกสองคนรุมล้อมถังหลงไว้ขณะพยายามจับให้เขาอยู่นิ่งๆ
เชียนหลานดึงมีดสั้นออกมา โน้มตัวไปข้างหน้าก่อนคุกเข่าตรงหน้านายทหารใหม่ “นานเท่าไหร่แล้ว”
“ครึ่งชั่วโมงแล้วครับ” เรากลัวที่จะหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือยังไง”
“ทุกอย่างที่ฉันสอนพวกนายไปมันเสียเปล่าสินะ แล้วใครอนุญาตให้พวกนายขัดคำสั่ง” เชียนหลานช่วยให้ถังหลงอยู่นิ่งๆ ขณะที่หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาติดต่อคนภายนอก
“ผู้บัญชาการเชียน เราจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
เชียนหลานฮึดฮัดและหยุดต่อว่าพวกเขาก่อนมองสำรวจ “ไม่ต้องห่วง มันไม่ได้เป็นไปไม่ได้ที่จะปลดชนวนระเบิด โอเคไหม”
“ผะ…ผมเชื่อมั่นในตัวคุณนะครับ ผู้บัญชาการ” นายทหารอายุน้อยกลัวเกินกว่าจะสูดหายใจเต็มปอดเผื่อว่ากับระเบิดใต้เท้าตัวเองจะปะทุขึ้น
อย่างไรก็ตามในเวลานี้อยู่ๆ หนึ่งในนายทหารหญิงได้กรีดร้องขึ้นมา เพราะคิดว่าตัวเองเหยียบกับระเบิดเข้า
เชียนหลานรีบกันนายทหารใหม่ไว้และกลิ้งตัวหนี “ทุกคนหมอบ!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั่วกองทัพ
หลังจากทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ นายทหารใหม่ทั้งหลายเห็นว่าหลังของเชียนหลานโชกไปด้วยเลือด…
“ผู้บัญชาการเชียน!”
“ผู้บัญชาการเชียน!”
หากแต่เชียนหลานได้หมดสติไปเรียบร้อยแล้ว…
หรือเธอจะตาย หรือเธอจะไม่ได้เจอโม่จื่อเฉินอีกแล้ว
เชียนหลานไม่อยากจะหลับตาจริงๆ แต่เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแม้แต่น้อย…
…
โม่จื่อเฉินรออยู่สองอาทิตย์แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวจากเชียนหลาน เขาจึงเริ่มสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
ว่ากันตามหลักการภารกิจของเชียนหลานไม่น่ากินเวลามากกว่าสองอาทิตย์ ทว่าสองอาทิตย์ก็ผ่านพ้นไปโดยที่ยังไม่มีวี่แววของเชียนหลานแต่อย่างใด
โม่จื่อเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจต่อสายหาเชียนหลาน แต่เธอได้ทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่ฐานทัพและไม่ได้เปิดเครื่องไว้
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ ในที่สุดเขาจึงติดต่อกองทัพเพื่อถามถึงเธอ
หลังจากรออยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ได้รับคำตอบว่าเชียนหลานอยู่ที่โรงพยาบาล
โม่จื่อเฉินขับรถไปที่โรงพยาบาลทันทีด้วยความรู้สึกที่เกินบรรยาย ต่อให้เขาไม่ยกโทษให้เธอ ต่อให้เขาเมินเฉยใส่เธอ เธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เจ็บตัว นั่นคือความรู้สึกซับซ้อนของเขา
ไม่นานเขาก็มาถึงโรงพยาบาล เป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนของเชียนหลานมาเยี่ยมเธอ
เมื่อเธอเห็นโม่จื่อเฉินเธอก็ตกใจไม่น้อย ชายในฝันในรูปของเชียนหลานมาอยู่ที่นี่ตัวจริงเสียงจริง
“คุณ…”
“ผมเป็นคู่หมั้นของเชียนหลานครับ” โม่จื่อเฉินบอก “เกิดอะไรขึ้นครับ”
“เชียนหลานบอกไม่ให้เราติดต่อครอบครัวของเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะค่ะ แต่เธอไม่เคยบอกช่องทางติดต่อคุณกับเราเลย” เธอตอบ “เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอบาดเจ็บเพราะแรงระเบิดตอนที่เข้าไปช่วยนายทหารใหม่น่ะค่ะ เธอต้องผ่าตัดที่หลังสามจุดแล้วก็ยังต้องรักษาตัวอยู่
“ยาสลบยังไม่หมดฤทธิ์ เธอเลยยังไม่ฟื้นขึ้นมา”
“เธอบาดเจ็บสาหัสเหรอครับ”
“เธอเกือบจะตายแล้วละค่ะ” เพื่อนร่วมงานถอนหายใจออกมา “ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้วก็ดูแลเธอให้ดีแล้วกันนะคะ ฉันขอตัวก่อนค่ะ”
เขาพยักหน้าก่อนมองไปยังผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง
เธอนอนคว่ำหน้าเพราะหลังของเธอบาดเจ็บสาหัส
สีหน้าของเธอซีดเซียวและดูอ่อนแรงเต็มที
หลังจากเพื่อนของเชียนหลานพูดจบขณะหันหลังเดินออกไป แต่เธอหยุดอยู่หน้าประตูเพื่อทักเพื่อร่วมงานคนอื่นๆ ที่มาเยี่ยมเชียนหลาน
“ไม่ต้องเข้าไปหรอก คู่หมั้นของเธอเพิ่งมาถึงน่ะ”
“เชียนหลานมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ผู้ชายในรูปของเชียนหลานไง คนที่เธอเฝ้าคิดถึงมาห้าปี”
เพื่อนร่วมงานของเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีก่อนยื่นหน้าเข้ามาในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ถ้าอย่างนั้นเรามาเยี่ยมครั้งหน้าแล้วกัน”
หลังได้ยินบทสนทนาระหว่างเพื่อนร่วมงานของเธอ โม่จื่อเฉินปิดประตูห้องลงเงียบๆ
บางทีเชียนหลานอาจสัมผัสได้ถึงการมาของโม่จื่อเฉิน เธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นรูปร่างและใบหน้าที่คุ้นเคย เธอพยายามลุกขึ้นหากแต่เจ็บปวดมากเสียจนน้ำตาอาบแก้ม
“จื่อเฉิน…”
“ไม่ต้องขยับตัวหรอกครับ อยากให้แผลฉีกหรือยังไง” โม่จื่อเฉินรีบห้ามเธอไว้
“ฉันคิดว่า…”
เธอคิดว่าเขาไม่สนใจว่าเธอจะอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่
แม้ว่าเชียนหลานไม่ได้พูดจบประโยค เขาก็เข้าใจสิ่งที่เธอคิดจึงอธิบาย “ผมรู้ว่าคุณอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจ คุณต้องเข้าร่วมการทดสอบของทหารใหม่ที่กินเวลาอย่างมากก็สองอาทิตย์ ผมรู้ว่าคุณต้องปิดมือถือระหว่างนี้แล้วผมก็คงติดต่อคุณไม่ได้”
“คุณรู้เหรอคะ”
“ไม่มีเรื่องอะไรในปักกิ่งที่ผมหาข้อมูลไม่ได้หรอกครับ” เขาว่า “ในเมื่อคุณเดาตัวตนของผมได้บ้างแล้ว คุณก็ไม่น่าเห็นว่าเรื่องนี้แปลกนี่ครับ”
เชียนหลานเงียบลงพร้อมความอุ่นใจ
“ฉันคิดว่าตัวเองไม่สำคัญอีกแล้ว”
“ผมไม่เคยพูดอย่างนั้นแล้วคุณจะมาโมเมเชื่ออย่างนั้นเองได้ยังไงครับ” เขาหยิบผ้าขนหนูสะอาดมาก่อนคุกเข่าลงเช็ดหน้าให้เธอ “ทำไมคุณถึงไม่ยอมติดต่อครอบครัวเลยล่ะครับ”
“คุณก็รู้ว่าทำไม” เธอตอบ “ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาอาจจะเปลี่ยนไป แต่ว่า…”
“งั้นทำไมคุณถึงไม่ทิ้งช่องทางติดต่อผมไว้กับเพื่อนร่วมงานของคุณครับ”
“ฉัน…ฉันคิดว่าคุณคงไม่อยากให้เรื่องของฉันไปรบกวนน่ะค่ะ” เชียนหลานตอบอย่างเยาะเย้ยตัวเอง
“พอคุณหายไปนานเกินไป ผมก็รู้ว่าต้องมาหาคุณทันที ตอนนี้ผมก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
เชียนหลานพยักหน้า รู้สึกราวกับตัวเองฝันไป
“ฉันคิดว่าในใจของคุณ ฉันคงเป็นแค่คนที่ทำให้คุณเจ็บช้ำเมื่อห้าปีก่อน”
“ใช่ครับ คุณคือคนนั้นนั่นแหละ แต่อย่าลืมว่าคุณก็เป็นคู่หมั้นของผมเหมือนกัน ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา คุณก็เป็นของผม ผมจะรับผิดชอบคุณเองครับ”