วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1219 เก็บสิ่งที่ผมถามคุณวันนี้เป็นความลับได้ไหม
- Home
- วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
- ตอนที่ 1219 เก็บสิ่งที่ผมถามคุณวันนี้เป็นความลับได้ไหม
ไม่นานโม่จื่อเหยียนก็อุ้มเด็กออกมาหาโม่จื่อซี เขาอึ้งไปเล็กน้อย หากแต่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่คือ”
“เขาคือลูกชายของพี่ไงคะ เรารอผลตรวจดีเอ็นเอของเขาอยู่หกชั่วโมงแล้วก็ได้รับการยืนยันแล้วด้วยค่ะ” โม่จื่อเหยียนตอบ
“ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอก อยู่ๆ พี่จะมีลูกชายได้ยังไง” โม่จื่อซีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เด็กคนนี้มาจากไหนกัน
“พี่ใหญ่คะ หนูไม่มั่นใจว่าจะพูดยังไงดี หนูจะให้แม่จัดการต่อแล้วกันค่ะ หนูจะกลับไห่รุ่ยแล้ว”
โม่จื่อซีรับเด็กมาจากน้องสาวขณะมองหน้าถังหนิงอย่างงุนงง คล้ายหวังว่าจะได้รับคำอธิบายจากปากเธอ
ถังหนิงถอนหายใจและส่งเด็กให้โม่ถิง ก่อนจะบอกกับลูกชาย “มาที่ห้องทำงานกับแม่”
ถังหนิงทำเช่นนี้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของลูกชายต่อหน้าพ่อของเขา
โม่จื่อซีตามแม่ตัวเองไปในห้องทำงานอย่างสงสัย ในขณะที่โม่ถิงนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น และดูแลหลานชายของเขาก่อนอุ้มเด็กไว้บนตัก
เมื่อครั้งที่สองพี่น้องยังเล็ก เขาก็อุ้มพวกเขาไว้อย่างนี้ ตอนนี้ความหวังเดียวของเขาคือไม่ให้เด็กคนนี้สร้างปัญหาให้ถังหนิง แม้ว่ามันจะเป็นคำขอที่เกินจริงไปก็ตาม
…
“ลู่เช่อส่งผลการสืบประวัติมาแล้ว ผู้หญิงที่พาเด็กคนนี้มาชื่อว่าเหยาอันฉี เธอเป็นหมอแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาลในเครือใกล้ๆ กับฐานทัพของลูก
“ลู่เช่อยังรู้อีกด้วยว่าร่างกายของเธอตอนนั้นไม่พร้อมกับการตั้งท้อง แต่เธอก็ทำแท้งไม่ได้เหมือนกัน เลยต้องคลอดลูกออกมา
“แต่เพราะเลือดของแม่ลูกเข้ากันไม่ได้ เขาเลยเกิดมามีภาวะโลหิตจาง เธอถึงได้มาหาเรา”
“แม่ครับ…ผมเคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่ไม่มีอะไรระหว่างเราเลยนะครับ” โม่จื่อซีตอบ “ผมไม่เคยแตะต้องเธอด้วยซ้ำ”
“จากที่อันฉีบอก เมื่อสี่ปีก่อนระหว่างงานเลี้ยง ลูกเมาแล้วก็เข้าผิดห้อง ตอนนั้นเธอก็เมาเหมือนกัน สุดท้ายทั้งสองคนเลยหลับนอนด้วยกัน”
โม่จื่อซีรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย อย่างไรเสียการคุยเรื่องส่วนตัวขนาดนี้กับแม่ของตัวเองก็สั่นคลอนศักดิ์ศรีของเขาอยู่บ้าง หากแต่เขาไม่ได้เลี่ยงมัน “เดี๋ยวก่อนครับ แม่กำลังจะบอกว่าเธอเป็นคนที่ผมมีอะไรด้วยเมื่อสี่ปีก่อนงั้นเหรอ”
“ฟังดูเหมือนลูกจะเข้าใจบางอย่างผิดไปสินะ” ถังหนิงจับได้ทันที
“ตอนที่ผมตื่นขึ้นมา เพื่อนร่วมงานของผมนอนอยู่ข้างๆ ผมก็เลยคิดว่า
“ผมวางแผนจะแต่งงานกับเธออีกไม่นานนี้ด้วยซ้ำ”
“แต่ความเป็นจริงก็พิสูจน์แล้วว่าคนที่ลูกมีอะไรด้วยคืออันฉี หรือว่าลูกจะ…”
“แม่ครับ ผมรับประกันได้ว่าผมมีอะไรกับผู้หญิงแค่คนเดียวและครั้งเดียวด้วย” โม่จื่อซีตอบ เป็นเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นเขาถึงตัดสินใจคบกับเพื่อนร่วมงานคนนี้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ต้องการให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง
“งั้นผู้หญิงคนนั้นคงจงใจทำอย่างนั้นน่ะสิ” ถังหนิงเดา “จื่อซี แม่ไม่ได้แค่ขอให้ลู่เช่อสืบประวัติของอันฉี แต่ยังให้ตามดูนิสัยใจคอของเธอด้วย
“เธอเลี้ยงเด็กคนนี้มาเพียงลำพังตั้งสามปีโดยไม่ปริปากบ่นสักนิด จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ที่เด็กต้องอยู่ในโรงพยาบาล เธอถึงได้รู้ว่าสุดขีดความสามารถของเธอ เลยมาขอให้เราช่วยไง ความจริงแล้วเธอพาเด็กมาที่นี่โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย ไม่แม้แต่จะต่อว่าลูกสักคำ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรับผิดชอบของทั้งสองคน เธอเองก็จัดการในส่วนของเธอแล้ว แล้วลูกล่ะ”
หลังได้ยินสิ่งที่ถังหนิงเล่า โม่จื่อซีก็ชะงักไป
สติของเขาเลือนรางขึ้นในทันใด
ในจังหวะนั้นไม่มีทางที่เขาจะตัดสินใจได้
“แม่ครับ ขอผมตั้งสติได้ไหมครับ ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้ว”
“ตามสบาย” ถังหนิงเข้าใจ
อยู่ๆ ลูกชายก็ปรากฏตัวขึ้นและแท้จริงแล้วแฟนสาวที่คบกันมาสี่ปีกลับมาหลอกลวงกัน เขาคงไม่อาจทำใจได้
ตอนนั้นคนที่เขามีอะไรด้วยคือเหยาอันฉี ทว่า
“ใครบางคนกลับฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้
ถึงกระนั้นพวกเขาก็คบกันมาสี่ปี เขาไม่อาจพูดได้ว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกันเลย
โม่จื่อซีเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยท่าทีท้อแท้ และเข้าไปหาโม่ถิง “พ่อครับ”
“ผู้ชายก็ทำตัวให้สมเป็นผู้ชายหน่อย” โม่ถิงเอ่ยขณะส่งเด็กกลับไปให้ลูกชาย “นี่เป็นความรับผิดชอบของลูก”
โม่จื่อซีไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ได้แต่อุ้มเด็กกลับไปที่ห้องของเขา แต่ก็ลงเอยด้วยการนั่งอยู่หลายชั่วโมง
โชคดีที่เด็กไม่ได้งอแงหรือซุกซน เขาว่าง่ายและร้องออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น “แม่…แม่…”
เมื่อโม่จื่อซีได้ยินเช่นนี้ เขาลุกขึ้นไปอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนทันที ก่อนขอเบอร์ติดต่อเหยาอันฉีจากถังหนิงและขับรถออกไป
ถังหนิงเห็นดังนั้นก็อกถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ถิงคะ ทำไมไม่มีลูกของเราคนไหนมีชีวิตรักราบรื่นบ้างเลยล่ะคะ”
“ทุกความสัมพันธ์ก็ต้องลงทุนอย่างไม่สิ้นสุดทั้งนั้น มันอาจไม่ใช่เรื่องแย่นักที่ความสัมพันธ์จะไม่ราบรื่นตั้งแต่แรกก็ได้ครับ ไม่มีประโยชน์อะไรจะมากังวลหรอกครับ โอเคไหม”
พอถังหนิงได้ฟังอย่างนี้เธอก็พยักหน้า “ฉันเชื่อในตัวจื่อซีค่ะ เพราะเขาเป็นลูกชายของเรา”
…
ในขณะเดียวกัน โม่จื่อซีพาลูกชายมาที่โรงพยาบาล โชคดีที่เด็กชายตัวน้อยเชื่อฟังและรู้จักนั่งอยู่ที่เบาะหลังโดยไม่ร้องไห้งอแง ไม่อย่างนั้นโม่จื่อซีคงไม่เป็นอันได้ขับรถแน่
หลังจากมาถึงโรงพยาบาล โม่จื่อซีอุ้มเด็กเข้ามาในแผนกฉุกเฉินและขอให้นางพยาบาลช่วยเรียกเหยาอันฉีให้
“ขอโทษด้วยค่ะ นายพลโม่ แต่หมอเหยากำลังผ่าตัดอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ บอกได้ไหมครับว่าห้องทำงานเธออยู่ที่ไหน”
“โอเคค่ะ” นางพยาบาลตอบขณะที่พาเขาไปที่ห้องทำงานของเหยาอันฉี แต่ในจังหวะที่เธอกำลังจะหันหลังจากไป โม่จื่อซีเรียกเธอไว้อย่างกะทันหัน
“ถามบางอย่างกับคุณได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ” เธอพยักหน้า
“รู้จักเด็กคนนี้ไหมครับ”
“แน่นอนสิคะ เสี่ยวซิงซิง ซิงเจ๋อ ลูกชายหมอเหยาไงคะ” เธอตอบ “ไม่มีใครรู้ว่าพ่อเขาเป็นใคร แต่หมอเหยาก็พาเขามาทำงานด้วยบ่อยๆ นะคะ
“เด็กคนนี้เป็นโรคโลหิตจางด้วยค่ะ”
“น้าครับ…อุ้มหน่อย” ซิงเจ๋อตัวน้อยร้องเมื่อเห็นหน้าคนที่คุ้นเคย
นางพยาบาลระบายยิ้มก่อนจะอุ้มเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน
“ทำไมคุณถึงมากับเขาได้ล่ะคะ นายพลโม่”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง โม่จื่อซีก็เอ่ยขอ “เก็บทุกอย่างที่ผมถามคุณวันนี้เป็นความลับได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ บุคลากรทางการแพทย์เก็บความลับเก่งอยู่แล้วค่ะ”
โม่จื่อซีพยักหน้าให้อย่างกลัวที่จะถามไปมากกว่านี้ เขากลัวว่าหากรู้ว่าเหยาอันฉีเลี้ยงดูลูกมาอย่างยากลำบากมากกว่านี้ เขาจะรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
เขาคิดมาตลอดว่าคนที่เขาหลับนอนด้วยเมื่อสี่ปีก่อนคือแฟนสาวคนปัจจุบันของเขา เขาถึงได้เรียนรู้ที่จะชอบเธอไปโดยปริยาย หากแต่ตอนนี้
“เขาพลันรู้สึกไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
ราวๆ หนึ่งชั่วโมงต่อมา เหยาอันฉีผ่าตัดเสร็จและกลับมาที่ห้องทำงาน เมื่อเห็นว่าโม่จื่อซีนั่งอยู่ด้านในเธอก็ถึงกับอึ้ง…