วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1220 นายมีลูกชายแล้วเหรอ
“แม่…แม่…” ซิงเจ๋อตัวน้อยเอื้อมแขนออกไปหาเหยาอันฉี
โม่จื่อซีไม่ได้พูดอะไร แต่เหยาอันฉีเข้าใจความรู้สึกของเขา “ส่งเด็กมาให้ฉันค่ะ”
“ตอนนี้คุณไม่สะดวกจะดูแลเขา ผมแค่มาที่นี่เพื่อถามคุณว่ามีอะไรที่ควรระวังและดูว่ามีอุปกรณ์เด็กเล็กอะไรที่ผมจะเอากลับไปได้บ้างหรือเปล่า ผมจะพาซิงเจ๋อกลับไปที่บ้านตระกูลโม่แล้วดูแลเขาเองครับ” โม่จื่อซีค่อยๆ เอ่ยและค่อนข้างสงวนท่าทีเอาไว้ หากแต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงจิตใจของเขากำลังสับสน
“โอเคค่ะ ฉันจะเขียนทุกอย่างให้คุณแล้วเอาของบางอย่างให้คุณกลับไปแล้วกันค่ะ” เหยาอันฉีเอ่ยอย่างว่าง่ายพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ
เมื่อโม่จื่อซีเห็นเช่นนี้ เขาอธิบายทันที “ผมไม่ได้หมายความว่าจะเอาลูกไปจากคุณนะครับ ที่ผมจะบอกคือถ้าตอนนี้คุณยุ่งคุณค่อยมาดูแลเขาทีหลังตอนที่พอมีเวลาก็ได้”
เธออึ้งไปเล็กน้อยขณะบอก “ฉันรู้ว่าคุณคบกับพี่เฉินค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาแทรกแซงหรือต้องการให้พวกคุณเลิกกัน ฉันอยู่ให้ห่างได้ถ้าคุณต้องการนะคะ”
“ในเมื่อลูกเกิดมาแล้ว มันก็มีหลายอย่างที่ต้องเป็นไปครับ” โม่จื่อซีตอบ
เธอไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีกพลางหยิบกระดาษออกมาเขียนข้อควรระวังของซิงเจ๋อตัวน้อยลงไป
เธอรักสงบและดูเหมือนจะกังวงว่าตัวเองจะไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม โม่จื่อซีเห็นว่าเธอมีสีหน้าซีดเซียวเหมือนกับไม่สบายนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะทำงานหนักก็เป็นได้
“ฉันเขียนทุกอย่างไว้แล้วค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาบางอย่างที่ห้องรอเรียกมาให้คุณนะคะ ของที่เหลืออยู่ที่บ้าน คุณมาเอาครั้งหน้าก็ได้ค่ะ” เธอบอกขณะยื่นกระดาษในมือให้เขา
เธอทำตัวห่างเหินราวกับพยายามไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเขา
โม่จื่อซีพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
ทว่าในจังหวะที่เหยาอันฉีอยู่ระหว่างเก็บของให้โม่จื่อซี คนไข้ฉุกเฉินได้ถูกส่งตัวมาในห้องฉุกเฉินทำให้เธอไม่ว่างอีกครั้ง เธอส่งข้าวของที่มีให้เขา “เอาของพวกนี้ไปก่อนนะคะ”
หลังเขารับของมาก็คว้าตัวเธอไว้ “ช่วยคนมันก็สำคัญ แต่คุณก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ คุณดูเสียพลังงานไปครึ่งชีวิตแล้วนะครับ”
“วันนี้ฉันแค่ยุ่งน่ะค่ะ หลังจากนี้ฉันก็จะได้หยุดสองวันแล้ว”
พูดจบเธอก็รีบวิ่งไปหาพยาบาลและถามอาการคนไข้ขณะที่ใส่หน้ากากอนามัย
โม่จื่อซีไม่มีทางเลือกนอกจากกลับไปที่บ้านตระกูลโม่พร้อมลูก
เมื่อถังหนิงเห็นเขากลับมาพร้อมกระเป๋าสัมภาระ เธอก็รู้ว่าเขาไปหาเหยาอันฉีมา
“อันฉีว่ายังไงบ้าง”
“เธอกำลังยุ่งกับการช่วยชีวิตคนอยู่ครับ เลยเขียนข้อควรระวังและให้ของบางอย่างที่ซิงเจ๋อใช้บ่อยๆ มา” โม่จื่อซีตอบ “เด็กชายตัวน้อยคนนี้ชื่อว่าซิงเจ๋อน่ะครับ”
“ชื่อเพราะดีนะ” ถังหนิงบอกขณะรับเด็กมาจากลูกชาย
“แม่ครับตอนที่อันฉีมาที่ไฮแอทรีเจนซีครั้งก่อน เธอคุกเข่าขอร้องเพื่อนบ้านของเราให้พาเธอเข้ามาเหรอครับ”
เขาถามพลางมองข้อมูลที่ลู่เช่อหามา
“ใช่” ถังหนิงพยักหน้า
“อนุญาตให้เธอเข้าออกไฮแอทรีเจนซีแล้วทำกุญแจให้เธอสิครับ”
ถังหนิงพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนี้และดูออกว่าลูกชายรู้สึกแย่อยู่บ้าง
“ผมขอโทษนะครับแม่ แต่ตอนนี้ผมต้องให้แม่ช่วยดูแลซิงเจ๋อก่อน มีบางอย่างที่ผมต้องไปสะสางครับ”
“โอเค ไปเถอะ” ถังหนิงภูมิใจเพราะลูกชายตัวเองแยกแยะถูกผิดและตัดสินใจได้เหมาะสม
โม่จื่อซีมองลูกชายตัวเองครั้งหนึ่งก่อนออกจากไฮแอทรีเจนซีไป อย่างที่โม่ถิงว่าไว้ ผู้ชายก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นลูกผู้ชาย
…
ในขณะเดียวกันหลังได้ยินเรื่องของโม่จื่อซี คู่แต่งงานใหม่อย่างโม่จื่อเฉินกับเชียนหลานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ผ่านไปแค่วันเดียว แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเราพลาดเรื่องไปเยอะเลยล่ะคะเนี่ย”
“ตอนแรกผมคิดว่าชีวิตรักของผมมันทุลักทุเลมากพอแล้วนะ นึกไม่ถึงว่าน้องชายของผมจะอาภัพกว่าอีก”
ถังหนิงเรียกโม่จื่อเฉินกับเชียนหลานมาที่บ้านด้วยต้องการบอกให้พวกเขามาเยี่ยมบ่อยๆ “ตอนที่พวกลูกพอมีเวลาว่างก็มาช่วยเราเลี้ยงหลานและแบ่งเบาภาระสิ เชียนหลาน ฐานประจำการของเธออยู่ไม่ห่างจากจื่อซีนัก พอมีเวลาก็น่าจะไปแวะไปที่โรงพยาบาลและช่วยอันฉีหน่อยนะ”
“ค่ะ คุณแม่ แน่นอนค่ะ” เชียนหลานพยักหน้า “หลังจากได้ยินที่แม่เล่า ฉันเองก็รู้สึกว่าอันฉีเป็นคนดีที่น่าเป็นเพื่อนด้วยนะคะ”
“จื่อเฉิน มีเวลาก็อย่าเอาแต่นั่งอ่านหนังสือมาดูแลหลานลูกบ้าง”
โม่จื่อเฉินมองหน้าเด็กน้อยและพยักหน้า “อยู่แล้วครับ เขาเป็นเด็กว่าง่ายขนาดนี้นี่ครับ แต่ตอนนี้จื่อซีคงต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ ในฐานะผู้ชายมีความรับผิดชอบบางอย่างที่เขาต้องยอมรับครับ”
“ใครบอกให้เขาเมากันล่ะคะ” เชียนหลานทำเหมือนกับโม่จื่อซีสมควรได้รับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
“แต่ว่าเขาก็เป็นผู้ชายที่จบปัญหาได้ค่อนข้างไวมากนะ”
อย่างน้อยเขาก็ไวกว่าที่พวกเขาเป็น
“ถึงเขาก็เสียหลักต่อหน้าเราก็เถอะ”
…
หลังจากกลับมาที่ฐานทัพ โม่จื่อซีดูหดหู่ใจเล็กน้อยซึ่งผิดไปจากปกติของเขา
ตอนแรกเพื่อนร่วมงานของเขากำลังรอให้เขากลับมาจากบ้านจะได้ช่วยเขาเตรียมขอแต่งงานให้
หากแต่เขากลับบอก “ไม่จำเป็นแล้วละ ฉันจะไม่ขอแต่งงานอีกแล้ว”
“ทำไมละ เกิดอะไรขึ้น นายทะเลาะกับจิ้งหรงเหรอ”
“เปล่าหรอก ฉันเป็นคนผิดเอง…” โม่จื่อซีเริ่มอธิบายขณะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่บ้าน
หลังเพื่อนของเราได้ยินเรื่องราวทั้งหมด พวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบ
“หมายความว่าตอนนี้นายมีลูกชายแล้วเหรอ”
“ใช่”
“ถึงฉันจะรู้ว่าจิ้งหรงชอบนายมาตลอด แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะทำอะไรต่ำๆ ขนาดนี้เลย” เพื่อนของเขาว่าอย่างคาใจ “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า”
“ไม่ ฉันมั่นใจว่าจิ้งหรงโกหกฉัน ถึงยังไงเราก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กันสักครั้ง แต่เธอก็ยังโน้มน้าวและหลอกฉันให้เชื่อว่าเกิดเรื่องบางอย่างระหว่างเรา ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจ เธอคงบอกความจริงกับฉันไปนานแล้ว ถึงฉันจะไม่อยากเชื่อแต่มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้” โม่จื่อซีเอ่ยแจง
“จากที่นายบอก ผู้หญิงคนนี้ฟังดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อยนะ”
“ฉันเข้าใจว่าจิ้งหรงอยากจะครอบครองนาย แต่เธอก็โกหกเกินไป อีกอย่างฉันได้ยินมาว่าหมอเหยาเป็นคนดี เธอมีชื่อเสียงมาก ที่สามปีนี้เธอไม่ได้มาหานายเลยมันน่าสนใจอยู่นะ”
“ถ้าเรื่องเป็นอย่างนี้งั้นนายก็ควรเล่นไปตามน้ำ เราจะช่วยนายเก็บความลับไว้ ยังไงมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของนายอยู่แล้ว”
อีกฝ่ายตบบ่าเขาและสลัดทุกอย่างที่เตรียมเพื่อขอแต่งงานทิ้งไป
โม่จื่อซีนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องทำงานอยู่นาน
ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากไปหาเฉินจิ้งหรงและชี้แจงทุกอย่างให้ชัดเจน
แม้เธอจะหลอกลวงเขา พวกเขาก็คบหากันมาสี่ปี เขาจึงต้องบอกลาเธอให้เป็นกิจจะลักษณะ
ส่วนเหยาอันฉี…
…เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรในตอนนี้ สิ่งที่เขาทำได้คือการสะสางทุกอย่างกับเฉินจิ้งหรงเสียก่อน
อย่างไรเสียเขาก็รังเกียจผู้ชายที่คบซ้อน…
ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่ได้กำลังคบชู้อยู่หรือ หากแต่…เขาก็ไม่เคยรู้ถึงการมีอยู่ของอันฉีกับซิงเจ๋อนี่