วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1223 ฉันไม่อยากเลิกจริงๆ นะ
“แม่ออกความเห็นเรื่องความสัมพันธ์ของลูกกับอันฉีไม่ได้หรอกนะ อันฉีเป็นคนดี แต่เราก็ยังต้องดูว่าลูกมีวาสนาต่อกันหรือเปล่า ถ้าอันฉีชอบคนอื่นขึ้นมาล่ะ
“จื่อซี เรื่องที่สำคัญที่สุดของลูกคือการดูแลซิงเจ๋อ อย่างอื่นก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ถึงยังไงลูกก็ควบคุมทุกอย่างไม่ได้อยู่แล้ว
“แล้วแม่ก็รู้ว่าลูกยังปวดใจอยู่”
หลังโดนหลอกลวงมาสี่ปี ใครจะไม่เสียใจกันบ้างเล่า
อย่างไรก็ตามโม่จื่อซีไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงกอดแม่ตัวเองราวกับต้องการซึมซับอ้อมกอดของแม่ตัวเองก่อนจะเติบโตขึ้น
“แม่ครับ ผมคิดถึงช่วงที่ไม่ต้องกังวลใจของจื่อเฉินกับผมเมื่อก่อนจริงๆ นะครับ”
“แต่ตอนนี้ลูกโตขึ้นแล้วก็เป็นพ่อคนแล้วนะ” ถังหนิงปลอบ “พอแล้วน่า ลูกควรไปดูลูกชายของลูกนะ ส่วนเรื่องอันฉี ถ้ามีเวลาก็ชวนเธอมาทานมื้อเย็นบ้างสิ อย่างน้อยลูกก็จะได้สนิทกันขึ้น”
เขาปล่อยถังหนิงก่อนพยักหน้าให้ “โอเคครับ แม่”
โม่จื่อซีลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเคาะประตูห้องโม่จื่อเหยียน เมื่อเห็นเธอเดินอุ้มลูกชายตัวเองออกมา ก็เอื้อมแขนไปรับลูกทันที
“ซิงเจ๋อเป็นเด็กดีมากเลยนะคะ เขาเชื่อฟังน้าโดยไม่ร้องไห้หรืองอแงเลย”
เขามองหน้าลูกชายตัวเอง ก่อนหยิบของเล่นของเด็กชายตัวน้อยมาจากโซฟาและวางในมือลูก “ซิงซิง เรียกพ่อสิครับ”
“ป้อ…ป้อ…”
“พ่อต่างหากครับ”
“เขาไม่เคยเรียกใครอย่างนั้นมาก่อนค่ะ อีกเดี๋ยวเขาก็ชินเองค่ะ” โม่จื่อเหยียนหัวเราะคิกคัก “จริงๆ มี
ซิงซิงอยู่ด้วยแล้วหนูไม่อยากไปทำงานเลยนะ อยากจะไปซื้อของที่เขาชอบ ทั้งของเล่นและเสื้อผ้า แล้วก็อยากแต่งตัวเขาให้หล่อๆ ไปเลยค่ะ”
เมื่อเห็นเช่นนั้นโม่จื่อซีก็ถอนหายใจออกมา “ขอบใจนะ ยัยน้อง”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่คะ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกค่ะ” โม่จื่อเหยียนบอกก่อนจะประทับจูบลงบนแก้มของเด็กชายตัวน้อยอีกครั้ง
หลังจากเธอออกไป ถังหนิงก็สอนให้โม่จื่อซีชงนม
แต่ในจังหวะที่เขาจะคว้าขวดนม เขาก็ได้รับสายจากเพื่อนร่วมงาน “จื่อซี นายอาจต้องรีบกลับมาที่ฐานทัพนะ เฉินจิ้งหรงพยายามจะฆ่าตัวตายน่ะ”
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เธอถูกช่วยไว้แล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
โม่จื่อซีวางสายและครุ่นคิดชั่วขณะ เดิมทีเขาตั้งใจจะรีบไปหากแต่นึกได้ว่าเหยาอันฉีทำงานที่แผนกฉุกเฉิน แม้ว่าช่วงนี้เธอจะไม่ได้ทำงานเขาก็ยังคงทำใจเย็น อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเฉินจิ้งหรงอีกแล้ว
สุดท้ายเขาจึงต่อสายหาพ่อของเฉินจิ้งหรงและบอกให้ไปโรงพยาบาลทหารเพื่อดูแลลูกสาวตัวเอง!
เขาไม่ต้องการผูกมัดกับเธอเพราะรู้ว่ามันมีแต่จะทำให้เธอเจ็บปวด
เมื่อถังหนิงเห็นท่าทีของเขา เธอรู้ว่าเขาไม่สบายใจจึงถามขึ้น “อยากให้แม่ทำบางอย่างไหม”
“แม่ครับ… ผมจะรบกวนแม่ลงได้ยังไงล่ะ”
“ให้แม่จัดการเรื่องนี้ให้ลูกจะเป็นการดีที่สุดนะ…” หากตระกูลโม่ไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจบ้าง โม่จื่อซีคงไม่มีหน้าอยู่ในฐานทัพได้ หากแต่ถ้าเขาจัดการด้วยตัวเองเรื่องคงไม่จบสิ้นสักที
พวกเขาจึงต้องพบกันครึ่งทาง
“แม่ครับ ผมขอโทษ”
“ขอโทษทำไมล่ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ” นอกจากพวกเขาจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ถังหนิงเองก็อยากเห็นคนรักเก่าของโม่จื่อซี ด้วยต้องการไปดูว่าผู้หญิงประเภทไหนที่หลอกลวงลูกชายสุดที่รักของเธอมาสี่ปี และยอมทำถึงขั้นฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ
เธอจะไปดูสถานการณ์ก่อนเพื่อจะได้รับมือได้อย่างเหมาะสมหากมีบางอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน
โม่จื่อซีใช้เวลาทั้งช่วงเช้าเรียนรู้ที่จะให้นมลูกชายและยังหาข้อมูลในการเลี้ยงลูก เขาทำพลาดไปมาก การชดเชยในตอนนี้จึงตามมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
ไม่นานถังหนิงก็ออกจากบ้านไป แต่แน่นอนว่าโม่ถิงไม่รู้เรื่องนี้
ไม่อย่างนั้นเขาคงจะปวดใจอีกแน่
ถังหนิงมาถึงโรงพยาบาลทหารในไม่ช้า ก่อนไปถามว่าเฉินจิ้งหรงอยู่ห้องไหน
แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากอนามัย คนก็จำเธอได้อย่างง่ายดายเพราะท่าทางของเธอ
“คุณคือ…ดาราดัง ถังหนิงใช่ไหมคะ”
“ไม่ทราบว่าคุณเฉินจิ้งหรงอยู่ห้องไหนเหรอคะ” ถังหนิงถามอย่างใจเย็นเป็นครั้งที่สอง
นางพยาบาลตื่นเต้นแต่เธอก็เก็บอาการไว้ขณะที่บอกเลขห้องกับถังหนิง
หลังกล่าวขอบคุณนางพยาบาล ถังหนิงเดินตรงไปที่ห้องของเฉินจิ้งหรงพร้อมอาหารเสริมติดไม้ติดมือไปบ้าง
ทว่าเมื่อมาถึงห้องมีเพียงนางพยาบาลหนึ่งคนอยู่ในนั้น ไม่มีญาติมาเยี่ยมเฉินจิ้งหรงสักคน
ถังหนิงค่อยๆ ก้าวเข้าไปด้านใน เธอรอให้เฉินจิ้งหรงรู้สึกตัว แต่ก็ต้องแปลกใจที่ตัวเองเป็นคนมาปลุกให้อีกฝ่ายตื่น “จื่อซีเหรอ”
“ฉันเป็นแม่ของจื่อซี” ถังหนิงตอบเบาๆ พลางถอดหน้ากากอนามัยออก
“สวัสดีค่ะ คุณน้า จื่อซีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ”
“คุณเฉิน ฉันมาที่นี่เพื่อตกลงบางอย่างกับเธอให้ชัดเจน วันนี้จื่อซีไม่ได้มาเพราะเธอเลิกกับเขาแล้ว ถ้าเขามา ความสัมพันธ์ของพวกเธอก็จะยิ่งวุ่นวาย”
เมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ น้ำตาพลันไหลรินจากดวงตาของเธอทันที “คุณน้าคะ บอกจื่อซีว่าฉันรู้ตัวว่าฉันผิดและฉันไม่อยากเลิกกับเขาจริงๆ ได้ไหมคะ”
“เด็กน้อย ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกลึกซึ้งกับจื่อซี แต่เธอจะบีบบังคับเขาด้วยวิธีรุนแรงขนาดนี้ไม่ได้หรอกนะ นี่เป็นความรับผิดชอบของครอบครัวเธอเต็มๆ” ถังหนิงสอน “จื่อซีอาจจะดูสดใสร่าเริงแต่เขาก็หัวแข็งมาก เขาไม่มีทางหันหลังกลับถ้าได้ตัดสินใจลงไปแล้ว
“ฉันเลยอยากจะบอกให้เธอปล่อยวางแล้วเริ่มต้นใหม่ซะเถอะ”
เฉินจิ้งหรงออกอาการสิ้นหวัง
เธอไม่รู้ว่าจะพูดกับถังหนิงอย่างไร
เธอไม่ต้องการปล่อยมือจากโม่จื่อซี มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เธอทำถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
“ฉันอยากจะให้เกียรติตัวเองสักนิดบ้างนะคะ แต่ฉันก็ทำใจไม่ได้ค่ะ
“คุณน้าคะ ได้โปรดกลับไปเถอะค่ะ”
ถังหนิงถอนหายใจ เธอดูแววตาผู้หญิงคนนี้ออกว่าเธอไม่ใช่คนดีนักจนคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ
หากเธอรู้ถึงการมีอยู่ของเหยาอันฉีกับซิงเจ๋อ เรื่องคงยุ่งมากกว่าเดิมแน่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนทำผิดตั้งแต่แรกก็ตาม
อย่างไรก็ตามถังหนิงไม่ได้อยู่ต่อเพราะมันไม่มีประโยชน์ แค่เธอมาเยี่ยมก็ถือว่าเป็นตัวแทนของตระกูลโม่และคงไม่ทำให้ลูกชายของเธอลำบากมากนัก
ถังหนิงยังไปเยี่ยมบ้านของเหยาอันฉีหลังจากนั้นอีกด้วย
อย่างที่โม่จื่อซีบอกไว้ บ้านของเหยาอันฉีเป็นแค่ห้องเล็กๆ ดูเหมือนว่าการเลี้ยงดูซิงเจ๋อจะทำให้ชีวิตของเธอลำบากไม่น้อย
ถังหนิงจึงต้องคิดหาทางโน้มน้าวให้เหยาอันฉีย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเขา
เช่นนั้นซิงเจ๋อถึงจะมีพ่อแม่พร้อมหน้า
แม้เธอจะไม่รู้ว่าเหยาอันฉีกับลูกชายตัวเองจะมีวาสนาต่อกันหรือไม่ อย่างน้อยเธอก็หวังว่าซิงเจ๋อจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์
เธอจึงแอบไปหาเหยาอันฉีลับหลังโม่จื่อซี
“คุณผู้หญิงครับ ผมจะเคาะประตูแล้วนะครับ” ลู่เช่อเอ่ย