วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1224 คุณคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์เหรอ
ถังหนิงพยักหน้า เหยาอันฉีในเสื้อกาวน์ปรากฏตัวหน้าประตูในเวลาต่อมา
“คุณน้าเองเหรอคะ”
“ถ้าไม่รบกวนเธอ ฉันขอเวลาสักหน่อยสิ!” ถังหนิงถาม
“ไม่ได้รบกวนหรอกค่ะ บ้านของฉันรกไปหน่อยเฉยๆ น่ะค่ะ”
ถังหนิงไม่ได้ถือสา และไม่ได้ทำตัวเรื่องมากขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องพักและนั่งลง ก่อนจะเอ่ยกับเหยาอันฉี “ฉันมาที่นี่วันนี้โดยไม่ได้บอกให้จื่อซีรู้”
“คุณน้าคะ คุณพยายามมาขอให้ฉันรักษาระยะห่างกับตระกูลโม่ใช่ไหมคะ ฉันจะออก…”
“ฉันดูแย่ในสายตาเธอขนาดนั้นเลยเหรอ” ถังหนิงถามพร้อมเสียงหัวเราะ “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อผลักไสเธอหรือเอาเงินฟาดหัวหรอก ฉันเองก็ไม่คิดจะพรากเธอจากซิงเจ๋อด้วย กลับกัน ที่จริงฉันมาที่นี่เพื่อถามว่าเธอจะยอมย้ายไปอยู่ที่ไฮแอทรีเจนซีไหม”
เหยาอันฉีถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน…
“เธอ ซิงเจ๋อ กับลูกชายของฉันดวงสมพงศ์กันมาก เธอต้องยอมรับมันนะ ในเมื่อโชคชะตาพาเธอมาที่นี่ เธอก็ควรปล่อยไปตามโชคชะตา อีกอย่างครอบครัวของเราอาจจะดูแลซิงเจ๋อได้ แต่ไม่มีใครแทนที่แม่ในใจของลูกได้หรอกนะ” ถังหนิงบอกอย่างอ่อนโยนกับเธอ
“ครอบครัวของเราไม่ได้สนใจสถานะทางสังคม แค่เธอเป็นคนดีและใส่ใจคนในครอบครัวตัวเอง เราไม่สนใจประวัติของเธอหรอกน่า”
“คุณน้าคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะคะ…”
“ฉันยอมรับว่าฉันเป็นห่วงเธอ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉันเป็นห่วงซิงเจ๋อ” ถังหนิงตัดบท “ฉันรู้ว่าเธอมีศักดิ์ศรีและรู้ว่าเธอกังวลว่าอาจมีปัญหาอื่นต่อให้เราไม่สนใจสถานะทางสังคมก็ตาม แต่ว่าตระกูลโม่เป็นอย่างนี้จริงๆ …
…ฉันจะไม่ฝืนใจเรื่องระหว่างเธอกับลูกชายของฉันหรอก ถ้าเธอต้องการจะลองดูก็ได้ ถ้าคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช่ของเธอ ก็มาบอกฉันแล้วเราจะไม่ไปยุ่มย่ามกับชีวิตรักของเธอ…
…แต่เพื่อซิงเจ๋อ ฉันมั่นใจว่าเธอคงไม่มองหาผู้ชายคนอื่นหรอกใช่ไหมล่ะ”
เหยาอันฉียอมรับอย่างเงียบๆ เธอไม่เคยโหยหาความรักแต่เธอต้องการครอบครัวต่างหาก
“อย่างนั้นก็เก็บคำพูดของฉันไปคิดดูแล้วกัน เธอเป็นแม่ของซิงเจ๋อ เราต้องปกป้องเธออยู่แล้ว”
หลังจากว่าเช่นนั้น ถังหนิงลุกขึ้นจากที่นั่ง “ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้พักมานาน เธอทำธุระของเธอต่อเถอะ ฉันขอตัวก่อน”
ทว่าหลังจากได้ฟังสิ่งที่ถังหนิงพูด เหยาอันฉียังจะหลับลงได้อย่างไร
หรือเธอควรลองคบกับโม่จื่อซีดี
เขาจะยังทำใจไม่ได้กับประสบการณ์ขมขื่นหรือเปล่า
แม้ว่าเขาจะตัดขาดความสัมพันธ์สี่ปีของตัวเอง มันก็คงไม่จบลงแบบนี้หรอก
หากแต่มันเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เธอจึงละทิ้งความกังวลไว้เป็นการชั่วคราว และกลับไปโรงพยาบาลหลังจากมีเรี่ยวแรงขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงโรงพยาบาล เธอก็ได้ยินว่าเฉินจิ้งหรงพยายามฆ่าตัวตาย
แน่นอนว่าเธอยังได้ยินว่าถังหนิงมาเยี่ยมด้วย เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงก่อนที่ถังหนิงจะไปหาเธอ ถังหนิงคงแวะมาหาเฉินจิ้งหรงแทนตระกูลโม่
และโม่จื่อซีก็ไม่เคยปรากฏตัวสักครั้ง
แม้ทุกคนในโรงพยาบาลจะพยายามคาดเดาเหตุผลเบื้องหลังการเลิกกันของพวกเขา ก็ดูออกว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่อย่างนั้นทำไมโม่จื่อซีถึงได้เลือดเย็นขนาดนี้กัน
เหยาอันฉีทำทีเหมือนไม่ได้ยินสิ่งใดและกลับไปปฏิบัติหน้าที่ ทว่าในระหว่างที่เธอกำลังตรวจคนไข้ตามห้อง เธอก็เดินผ่านห้องของเฉินจิ้งหรง
โม่จื่อซีบอกไม่ให้เธอรู้สึกผิด เธอถึงตัดสินใจไม่ยึดติดกับความรู้สึกแย่ อย่างไรเสียเธอก็รู้ว่าเฉินจิ้งหรงแสร้งทำเป็นเธอเพื่อให้ได้รับความรักจากโม่จื่อซี
หากแต่ในเวลานี้เองที่พยาบาลผู้ช่วยของเหยาอันฉีจำได้ว่าโม่จื่อซีเคยมาถามถึงเหยาอันฉี จึงแอบถามเงียบๆ “หมอเหยาคะ คุณกับนายพลโม่เป็นอะไรกันเหรอคะ ก่อนหน้านี้เขาอุ้มซิงเจ๋อมาแล้วถามถึงคุณด้วยนะคะ”
“ไม่มีอะไรระหว่างเราทั้งนั้นค่ะ” เหยาอันฉีตอบ
“โอ๊ะ ฉันคิดว่า…”
“อย่างพูดอะไรไร้สาระเลยค่ะถ้าไม่อยากให้เป็นข่าวลือ”
“โอเคค่ะ” อีกฝ่านรับคำทันที “ฉันจะระวังคำพูดไว้”
…
โม่จื่อซีไม่รู้ว่าถังหนิงไปหาเหยาอันฉี รวมถึงเรื่องที่เหยาอันฉีกลับไปทำงานในวันหยุดของเธอ เขาแค่อยากจะโทรไปหาเธอในระหว่างที่ซิงเจ๋อหลับอยู่ “ผมรบกวนคุณหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ” เธอตอบ “วันนี้ที่โรงพยาบาลไม่ค่อยแน่นน่ะค่ะ”
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์เหรอครับ ทำไมถึงกลับมา…”
“ฉันพักไปบ้างแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ “แล้วเฉินจิ้งหรงก็รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลฉันด้วยนะคะ”
“ผมรู้ครับ”
“คุณจะไม่มาเยี่ยมเธอเหรอคะ”
“คุณคงไม่ได้คิดว่าผมใจร้ายอยู่หรอกใช่ไหมครับ” โม่จื่อซีถามกลับอย่างแปลกใจ “ถึงยังไงผมก็จบความสัมพันธ์สี่ปีทั้งอย่างนั้น และไม่ยอมไปเยี่ยมเธอแม้ว่าเธอจะพยายามฆ่าตัวตายสินะครับ”
“ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำให้มันจบแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้ยืดเยื้อต่อไปหรอกค่ะ” เธอเข้าใจเขาอย่างน่าทึ่ง “คุณบอกเองว่าไม่ได้เลิกกับเธอเพราะฉัน งั้นฉันก็เชื่อว่าคุณมีแผนของตัวเองที่ตัดสินใจไม่มาที่โรงพยาบาลค่ะ”
“อันฉี มาทานมื้อเย็นที่บ้านของผมคืนนี้สิครับ เราจะได้ปรึกษาเรื่องของซิงเจ๋อกัน เขาต้องการเจอหน้าและกอดคุณเหมือนกันนะครับ”
“” โอเคค่ะ” เธอพยักหน้าตกลง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เก็บเรื่องที่ถังหนิงบอกมาคิด หากแต่เธอมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องกังวล ครั้งที่แล้วแม้ว่าเธอจะไปเจอตระกูลโม่แต่เธอก็ยังไม่มีโอกาสทำความเข้าใจพวกเขาอย่างแท้จริง อย่างน้อยเธอก็ต้องมั่นใจว่าพวกเขาดูแลซิงเจ๋อได้อย่างดี
ในเวลานี้เองอยู่ๆ ก็เกิดเหตุโกลาหลขึ้นในโรงพยาบาล ชายคนหนึ่งบุกมาหาเหยาอันฉีอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมท่อนไม้ในมือ หมายจะฟาดเข้าที่ศีรษะของเธอ
“นังหมอแพศยา!”
“โอ๊ะ ไม่นะ หมอเหยา!” หนึ่งในนางพยาบาลตะโกนขึ้นทันที
เสียงของเธอดังเสียจนโม่จื่อซีได้ยินจากอีกฝั่งของปลายสาย
“อันฉี อันฉี เกิดอะไรขึ้นครับ”
อย่างไรก็ตามเหยาอันฉีวางสายไปเสียแล้วเพราะการบุกรุกสถานพยาบาล โชคดีที่ไม้ไม่ได้หนักมากและเขาไม่ได้ฟาดมาเต็มแรง เหยาอันฉีจึงเจ็บตัวแต่ไม่ถึงกับทนไม่ได้
“หมอเหยา คุณเป็นอะไรไหมครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาคุมตัวผู้บุกรุก พร้อมนางพยาบาลที่รีบเข้าไปพยุงเหยาอันฉีขึ้นมา
เมื่อพวกเธอเห็นว่าศีรษะของเธอเลือดออก เหยาอันฉีก็หมดสติไปในอ้อมแขนของนางพยาบาลในเวลาต่อมา
“หมอเหยา หมอเหยา…”
โม่จื่อซีรู้ว่ามีบางคนมาก่อเรื่อง แต่เขาไม่อาจรีบไปที่นั่นในเวลาเช่นนี้ได้ เขาจึงพยายามโทรหาเหยาอันฉีอีกครั้ง ครั้งนี้นางพยาบาลเป็นคนรับสายและคิดว่าเขาเป็นญาติของเธอ
“อันฉี…”
“สวัสดีค่ะ โรงพยาบาลทหารเองนะคะ หมอเหยาถูกฟาดศีรษะแล้วก็หมดสติไปน่ะค่ะ” เธออธิบายทันที
ครั้งนี้โม่จื่อซีไม่สนใจสิ่งอื่นใด เหยาอันฉีไม่มีญาติที่ไหนและเธอก็บาดเจ็บ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรแต่ก็ไม่อาจนั่งเฉยรอฟังอาการของเธออยู่ที่บ้านได้