วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1225 ฉันไม่ใช่พี่สะใภ้คุณ
หลังจากโม่จื่อซีมาถึงโรงพยาบาล เขาจอดรถอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน แต่ไม่ได้บอกให้ใครรู้ว่าเขามา กลับแอบย่องไปที่ห้องทำงานของเหยาอันฉี
เขาได้ยินคนพูดถึงและรู้ว่าเหยาอันฉีหัวแตกจนต้องทำแผลและไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงมากนัก
โม่จื่อซีเบาใจลงก่อนต่อสายหาเธอ “คุณอยู่ที่ไหนครับ”
“ฉันพักอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ อีกเดี๋ยวจะกลับบ้านแล้ว” เหตุการณ์ใหญ่อย่างนี้ทำให้โรงพยาบาลเสื่อมเสียชื่อเสียง หัวหน้าแพทย์จึงอนุญาตให้เหยาอันฉีลาหยุดไปพักผ่อนช่วงหนึ่ง
“มาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินสิครับ” โม่จื่อซีบอก
เหยาอันฉีไม่คิดว่าเขาจะมาที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรเธอก็เดาว่าเขาคงไม่อยากตกเป็นที่นินทา เมื่อเธอก้าวเข้ามาที่ลานจอดรถและเห็นเขาจึงแปลกใจเล็กน้อย
“คุณ…”
“ขึ้นมาสิครับ” โม่จื่อซีเอ่ย “มีหลายคนเดินอยู่รอบๆ คุณอยากให้คนอื่นจับได้เหรอครับ”
เธอไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอของเขาได้ จึงรีบเปิดประตูรถและก้าวเข้าไปด้านใน ทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว โม่จื่อซีสังเกตเห็นผ้าพันแผลบนศีรษะของเธอ
“คุณแอบมาเยี่ยมพี่เฉินที่นี่เหรอคะ” เหยาอันฉีถามอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
เขาอึ้งไปเล็กน้อยพลางส่ายหน้า “ผมมารับคุณโดยเฉพาะครับ จากที่ได้ยินทางโทรศัพท์ ฟังดูเหมือนมีการบุกรุกโรงพยาบาลผมเลยเป็นห่วงน่ะ”
เธอตกใจขึ้นมาบ้าง “ฉันคิดว่า…”
“คุณคิดมากเกินไปแล้วครับ” เขาบอกก่อนขับรถพาเธอมาที่ไฮแอทรีเจนซี “อย่างที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าผมจะพาคุณมาเจอซิงเจ๋อไงครับ”
“แต่ว่าหัวฉันแตกอยู่…”
“คุณคิดว่าด้วยวัยของซิงเจ๋อ เขาจะเข้าใจเหรอครับ” โม่จื่อซีถาม
เธอนิ่งเงียบและไม่ได้ตอบกลับ ซิงเจ๋อยังไม่เข้าใจว่าการบาดเจ็บคืออะไรอย่างที่เขาว่าไว้ พวกเขาแค่ต้องปลอบเขาสักหน่อยแล้วเขาก็จะไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตามโม่จื่อซีนึกไม่ถึงว่าจะมีคนเห็นว่าเขามาโรงพยาบาล ทว่าทุกคนคิดว่าเขามาเยี่ยมเฉินจิ้งหรง อย่างไรเสียเรื่องของพวกเขาก็ดังกระฉ่อนไปทั้งฐานทัพ
เมื่อเฉินจิ้งหรงได้ยินว่าเขามาเยี่ยม เธอตื่นเต้นจนลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนเอ่ยถาม “จื่อซีมาที่โรงพยาบาลเหรอ เขามาจริงๆ เหรอคะ”
คุณพ่อเฉินเห็นท่าทีน่าสมเพชของลูกสาวตัวเองก็สุดแสนจะผิดหวัง “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมแกยังสนใจว่าเขามาจะมาที่โรงพยาบาลหรือเปล่าด้วย”
“พ่อคะ…พ่อก็รู้ว่าหนูรักจื่อซีจริงๆ ในชีวิตนี้หนูจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเขาค่ะ”
“ต่อให้แกจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเขา แกก็ต้องมั่นใจว่าเขาอยากจะแต่งงานกับแกด้วยนะ” คุณพ่อเฉินว่าเข้าให้ “อีกอย่างแกก็เลิกกันแล้ว ฉันไม่ปล่อยให้ใครมาหยามหน้าลูกสาวฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรอก”
เฉินจิ้งหรงไม่ได้สนใจว่าพ่อตัวเองจะคิดอย่างไร เธอรู้เพียงว่าโม่จื่อซีมาที่โรงพยาบาล พูดได้อีกอย่างคือเขาไม่ได้ปล่อยมือจากเธอไปเสียทีเดียว
เธอจึงหยิบโทรศัพท์มาโทรหาเขาทันที
ทว่าเธอไม่รู้ว่าเขาได้ปิดกั้นเบอร์โทรศัพท์ของเธอไปเรียบร้อยแล้ว
เธอไม่ยอมแพ้และโทรต่อไปไม่หยุดหากแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ลูกสาวที่รักของฉัน ฟังฉันนะ เลิกติดต่อกับผู้ชายคนนั้นซะเถอะ”
“พ่อคะ ตราบใดที่เขายังคิดถึงหนู หนูไม่มีทางยอมแพ้หรอกค่ะ” เธอชอบเขามานานหลายปี จะให้ยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้ว่าเขากำลังจะขอเธอแต่งงาน แล้วใครเป็นคนไปเปิดโปงว่าเธอโกหกเขาอย่างนี้กัน เธออยากจะรู้เรื่องนี้เสียจริง
…
โม่จื่อซีไม่รู้ว่าเขาได้ทำให้จิตใจของเฉินจิ้งหรงสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่เขามาถึงไฮแอทรีเจนซีพร้อมกับเหยาอันฉี
ทันทีที่พวกเขาเดินพ้นประตูเข้ามาก็เห็นซิงเจ๋อกำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ที่พื้น ระหว่างที่ถังหนิงนั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับขนมที่เธอเตรียมไว้ให้เขา
“คุณน้า…”
ถังหนิงหันไปมองทั้งคู่ ก่อนส่งยิ้มให้ “มาหาลูกเธอสิ”
เหยาอันฉีเข้าไปอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน โอบกอดเขาแน่น และกดจูบข้างแก้มไม่หยุด
“แม่…แม่…”
เมื่อโม่จื่อซีเห็นเช่นนั้น เขาดูออกว่าทั้งสองผูกพันกันลึกซึ้งมาก
ถังหนิงมองหน้าลูกชายตัวเองและส่งสัญญาณให้เขาแสดงความเป็นห่วงแม่ลูกบ้าง ถึงอย่างไรเหยาอันฉีก็มาที่นี่เป็นครั้งที่สอง เธอจึงต้องรู้สึกประหม่าอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน ถังหนิงพยายามทำให้เธอผ่อนคลายลง “เกิดอะไรขึ้นกับหัวของเธอล่ะ”
“วันนี้คนไข้ก่อเรื่องที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ แล้วฉันก็โดนลูกหลง” เหยาอันฉีอธิบาย
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่นี่แล้วดูแลซิงเจ๋อเถอะ เธอจะได้ถือโอกาสนี้พักผ่อนบ้างไงละ” ถังหนิงบอกก่อนยื่นกุญแจสำรองที่เธอเตรียมไว้ให้เหยาอันฉี “เธอจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนเพื่อนบ้านของเราแล้วละ”
“คุณน้าคะ ฉันเกรงว่าจะไม่เหมาะนะคะ”
“จื่อซี เกลี้ยกล่อมเธอหน่อยสิ!” ถังหนิงบอกพลางส่งกุญแจให้โม่จื่อซี
เขาหย่อนกุญแจใส่กระเป๋าเสื้อเธออย่างรวดเร็ว “รับไว้เถอะครับ แม่ผมพูดออกมาแล้วเธอจะไม่คืนคำหรอกนะครับ”
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทำเพียงอุ้มลูกตัวเองตามโม่จื่อซีขึ้นไปห้องของเจ้าตัว
ตอนนี้ทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยของใช้ของซิงเจ๋อ
“รกนิดหน่อยนะครับ ผมยังไม่มีโอกาสได้จัดของเลย”
ไม่นานสมาชิกตระกูลโม่ก็ทยอยมาถึงบ้าน คนแรกที่มาถึงคือโม่จื่อเหยียน นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้เจอเหยาอันฉี จึงทักทายอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีค่ะ พี่สะใภ้!”
“ฉันไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ของคุณนะคะ”
“อีกเดี๋ยวพี่ก็เป็นแล้วละค่ะ” โม่จื่อเหยียนบอกพลางขยิบตาให้โม่จื่อซี “พี่ใหญ่ พี่ต้องทุ่มเทให้มากกว่านี้นะคะ พี่สะใภ้ไม่ยอมรับพี่เพราะว่าเมื่อก่อนพี่ไปรังแกเธอไงคะ”
โม่จื่อซีหัวเราะขณะห้ามไม่ให้น้องสาวพูด “อย่าทำให้อันฉีลำบากใจสิ”
“ก็ได้ค่ะ ฉันแค่ล้อเล่นนะคะ อย่าโกรธเลยนะคะพี่เหยา พี่คงอุ้มซิงเจ๋อมานานแล้ว มาคะ ให้ฉันอุ้มเขาให้พี่เอง ฉันคิดถึงเขาทั้งวันเลยนะคะ” โม่จื่อเหยียนว่าพร้อมยื่มแขนออกไป
ไม่ทันที่เหยาอันฉีจะตอบ ซิงเจ๋อก็กระโจนเข้าหาอ้อมแขนของโม่จื่อเหยียน
“ไอยา สมกับที่น้าเอ็นดูจริงๆ เลยนะ!”
เหยาอันฉีรู้สึกโล่งอก เธอดูออกว่าโม่จื่อเหยียนชอบซิงเจ๋อจากใจจริง
“พี่สองคนคุยกันไปนะคะ ฉันจะพาซิงเจ๋อลงไปเล่นข้างล่าง”
ในความเป็นจริงโม่จื่อเหยียนพยายามเปิดโอกาสให้ทั้งสองคน แต่เธอไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นคนที่สุดแสนจะน่าเบื่อ เมื่อไม่มีลูกอยู่ด้วยพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกัน
ยิ่งเมื่อเหยาอันฉีคิดว่าโม่จื่อซียังคงมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งในใจ
เธอจึงปฏิเสธจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา…
“ครอบครัวของผมคลั่งรักเป็นพิเศษน่ะครับ ถ้าคุณอึดอัดก็บอกผมได้เลยนะ ผมจะบอกให้พวกเขาควบคุมตัวเองให้”
เธอพยักหน้า หากแต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่าโม่จื่อซีจะไม่เคยเห็นเธอยิ้มมาก่อน เธอมักมีท่าทีเย็นชาและดูเข้าถึงยาก
เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดเช่นกันเมื่อทั้งคู่ไม่มีเรื่องให้พูดคุยกัน ก่อนเอ่ยขึ้นในท้ายที่สุด “ลงไปชั้นล่างกันไหมครับ”
“โอเคค่ะ” เธอตอบตกลง
เมื่อก่อนพวกเขาไม่ได้เจอกันบ่อยนัก จึงไม่มีโอกาสศึกษานิสัยใจคอกันและกัน ซ้ำเหยาอันฉียังเอาแต่พยายามหลบหน้าโม่จื่อซี ด้วยเหตุนี้…
…โม่จื่อซีจึงรู้ว่ามันคงใช้เวลาสักพักกว่าพวกเขาจะสนิทกันมากกว่านี้…