วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1226 คุณคืนดีกับเฉินจิ้งหรงแล้วเหรอ
เหยาอันฉีอยู่ทานอาหารเย็นต่อ หากแต่ระหว่างมื้ออาหารเธอไม่ได้พูดคุยสักคำ ผิดกับโม่จื่อซีที่จ้อไม่หยุดปาก
ครอบครัวเช่นนี้ช่างอบอุ่น ทว่าเธอกลับใจลอยไปที่อื่นด้วยรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่นี่
ถังหนิงดูออกว่าเหยาอันฉีกำลังพยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอก็ไม่ได้ฝืนใจให้เธอเปิดใจให้พวกเขา เธออาจจะห่างเหินในครั้งแรก ทว่ามันย่อมมีครั้งที่สองและสามตามมาอยู่แล้ว สุดท้ายเธอก็จะมองครอบครัวเปลี่ยนไป
หลังจากทานมื้อเย็น เหยาอันฉีตัดสินใจกลับบ้าน เพราะได้เจอลูกชายและทำตามความตั้งใจของตัวเองแล้วจึงไม่ได้คิดจะอยู่ต่อ
โม่จื่อซีรู้ว่าไม่มีทางที่เธอจะอยู่ที่นี่ เขารวบรวมความกล้าก่อนเอ่ย “ผมไปส่งคุณที่บ้านได้ไหมครับ”
“พี่หมายความว่ายังไง ได้ไหม เหรอ มันเป็นสิ่งที่พี่ควรทำไม่ใช่เหรอคะ” โม่จื่อเหยียนตำหนิพี่ชายตัวเอง
เหยาอันฉีไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากบอกลาตระกูลโม่ เธอเดินตามหลังโม่จื่อซีไปก่อนจะออกไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตามระหว่างทางกลับบ้านเธอ เขาก็บอกความในใจออกมา “ผมรู้ว่าคุณยังกังวลเรื่องผมกับเฉินจิ้งหรงอยู่ และบางทีคุณก็อาจจะไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องกับตระกูลโม่ อันฉี ถึงภายนอกคุณจะดูเย็นชา แต่ลึกๆ แล้วผมก็รู้ว่าคุณเองก็ฝันอยากมีครอบครัวของตัวเอง
“ซิงเจ๋อต้องการแม่และผมก็ต้องการภรรยา ในเมื่อเป็นอย่างนั้นคุณพอจะคิดมาเป็นคู่ชีวิตของผมบ้างไหมครับ ผมจะพยายามลืมเรื่องในอดีตเพื่อให้ซิงเจ๋อมีครอบครัวที่สมบูรณ์
“ผมรับปากไม่ได้ว่าผมจะรู้สึกลึกซึ้งกับคุณได้โดยเร็ว แต่ผมสัญญาว่าจะเป็นสามีที่รับผิดชอบ แล้วหลังจากเราแต่งงานกัน ผมก็จะซื่อสัตย์กับคุณไปตลอดชีวิตครับ
“แต่แน่นอนว่าถ้าคุณมีแผนอื่นอยู่แล้ว คุณแกล้งทำเป็นไม่เคยได้ยินสิ่งที่ผมพูดไปก็ได้ครับ แต่ถ้าสิ่งที่ผมบอกมันสะกิดใจคุณสักนิด คุณพอจะเปิดใจให้ผมบ้างได้ไหมครับ
“ผมรู้ว่าคุณอาจคิดว่าผมพูดอย่างนี้เพราะลูกชายของเรา
“ที่คุณคิดอย่างนั้นก็ถูกครับ แต่ใครบอกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่แย่สำหรับเราล่ะ เมื่อสี่ปีก่อนผมคิดว่าเฉินจิ้งหรงเป็นคุณ เราเลยพลาดที่จะได้คบกันมาสี่ปี แต่ตอนนี้ผ่านมาสี่ปี พรมหมลิขิตก็พาให้เรามาเจอกันอีก คุณจะคว้าโอกาสนี้ไว้เพื่อซิงเจ๋อได้ไหมครับ
“ผมไม่ได้จะอวดเบ่งว่าผมเลิศเลอมาจากไหน แต่อย่างน้อยผมก็เป็นคนดีและไม่มีนิสัยแย่ๆ ผมต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนรักในอุดมคติเลยละครับ…
“ถ้าคุณหาคู่ชีวิตอยู่ รับพิจารณาผมเป็นคนแรกได้ไหมครับ”
โม่จื่อซีเอ่ยด้วยความจริงจังพร้อมเหตุผลหนักแน่น
บางทีคงไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธข้อเสนอของเขา โดยเฉพาะเมื่อเหยาอันฉีคิดว่าชีวิตของโม่จื่อซีถูกกะเกณฑ์เพราะเธอไม่สามารถทำแท้งได้ แต่เขาก็ยังไม่โทษเธอและยังขอให้เธอเปิดใจให้เขาอีกด้วย…
เธอจะปฏิเสธคนเช่นนี้ได้อย่างไร
หากแต่เธอจะมีความสุขจริงๆ หรือ
ด้วยเหตุนี้เหยาอันฉีถึงลังเลใจไม่น้อย เธอกลัวว่าหากก้าวไปข้างหน้าแล้วจะไม่อาจหวนกลับได้อีก…
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบ้านของเหยาอันฉี หลังส่งเธอกลับห้องพัก ในที่สุดโม่จื่อซีก็เบาใจ ทว่าก่อนที่เขาจะจากไปก็บอกกับเธออย่างจริงจัง “ผมหวังว่าคุณจะพิจารณาคำขอของผมนะครับ”
เหยาอันฉีอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็พยักหน้ารับในท้ายที่สุด
ซิงเจ๋อเป็นตัวเชื่อมที่สำคัญที่สุดระหว่างพวกเขา เหยาอันฉีเป็นเด็กกำพร้าจึงหวังว่าซิงเจ๋อจะได้เติบโตมาท่ามกลางความรักและห่วงใยของทั้งพ่อและแม่
ทันใดนั้น…ใจของเธอก็ว้าวุ่นขึ้นมา
…
ในขณะเดียวกันหลังจากรู้ว่าโม่จื่อซีแวะมาที่โรงพยาบาล เฉินจิ้งหรงเที่ยวถามไปทั่วว่าเขาอยู่ที่ไหนเพราะเธอติดต่อเขาไม่ได้ ทว่าก็ต้องกลับมาที่ห้องมือเปล่า สุดท้ายจึงตัดสินใจแก้ตัวในครั้งหน้าที่เขาปรากฏตัว และคิดไปเองว่าพวกเขาคืนดีกันแล้ว
แม้แต่ต่อหน้าหัวหน้า เธอก็ยังบอกพวกเขาว่าระหว่างเธอกับโม่จื่อซีไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน
เธอบอกพวกเขาว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานกับเขา!
เมื่อเพื่อนร่วมงานของเขาได้ยินเช่นนี้ก็แปลกใจ โม่จื่อซีแอบคืนดีกับเฉินจิ้งหรงอย่างนั้นหรือ
หนึ่งในพวกเขาจึงต่อสายหาโม่จื่อซี “นายไปโรงพยาบาลมาเหรอ”
“ใช่” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา แม้จะรู้ว่าเพื่อนตัวเองต้องการถามอะไรก็ตาม
“นายคืนดีกับเฉินจิ้งหรงแล้วเหรอ”
“ฉันไม่ได้ไปหาเฉินจิ้งหรงที่โรงพยาบาล ฉันไปรับเหยาอันฉีต่างหาก เธอได้รับบาดเจ็บน่ะ”
“นายทำให้ฉันกลัวแทบตาย นึกว่านายยกโทษให้เฉินจิ้งหรงซะอีก ฉันมั่นใจว่ามีใครบางคนเห็นนายที่โรงพยาบาลแน่ๆ แล้วก็คิดไปเองว่านายมาหาเฉินจิ้งหรง และตอนนี้เฉินจิ้งหรงก็เชื่อว่านายจะกลับไปคบกับเธอด้วย เธอเลยบอกทุกคนว่าคืนดีกับนายแล้ว” เพื่อนของเขาถอนหายใจออกมา อย่างรู้สึกแย่แทนเพื่อนตัวเอง ด้วยรู้ว่าเฉินจิ้งหรงคงไม่ปล่อยเขาไป
โม่จื่อซีตกอยู่ในความเงียบ…
“ทีนี้นายจะทำยังไงล่ะ ถ้านายอยากคบกับเหยาอันฉี นายจะปล่อยให้เฉินจิ้งหรงเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้นะ”
“ฉันจะขอย้ายหน่วย” โม่จื่อซีตอบ “ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้ยืดเยื้อ”
“นั่นสิ ตอนนี้เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของนายนี่ แต่หลังจากที่นายย้ายไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเหยาอันฉีล่ะ”
“ฉันต้องถามความเห็นเธอก่อน ฉันบังคับให้เธอไปกับฉันไม่ได้” เขาตอบ “ถ้าเธอไม่ยอมย้ายเหมือนกัน ฉันก็จะพยายามไม่ไปโผล่ที่โรงพยาบาลแล้วกัน
“แค่ทำตามสถานการณ์ไปน่ะ ปัญหาเดียวตอนนี้คือพอฉันเห็นเฉินจิ้งหรง ฉันไม่มั่นใจว่าจะมองเธอยังไงเลยน่ะสิ”
เธอทั้งน่าสงสารและน่ารังเกียจในเวลาเดียวกันเพราะเธอตามรังควานไม่เลิก
เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างหรือ
ทำไมเธอถึงปล่อยพวกเขาไปไม่ได้กัน
หลังวางสาย โม่จื่อซีครุ่นคิดหนัก ดูเหมือนว่าเขาต้องยื่นขอย้ายหน่วยเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ อย่างไรก็ตามเขาก็คิดว่าจะทำอยู่แล้ว
ดังนั้นโม่จื่อซีจึงโทรหาหัวหน้าและยื่นขอย้ายหน่วยในเช้าตรู่วันต่อมา
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำขอนี้ก็แปลกใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรโม่จื่อซีก็เป็นหนึ่งในคนโปรดของเขา จะปล่อยตัวไปได้อย่างไร
“จิ้งหรงไม่ได้บอกว่าคืนดีกับนายแล้วหรอกเหรอ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“หัวหน้าครับ อย่างที่คุณรู้ว่าผมมีลูกชายแล้ว ผมจะไปคืนดีกับเธอได้ยังไงล่ะครับ” โม่จื่อซีตอบ “ผมต้องเป็นพ่อคนนะครับ”
“ถ้านายไม่ตั้งใจจะไปคืนดี แล้วไปที่โรงพยาบาลทำไมล่ะ”
“ผมไม่ได้ไปหาเฉินจิ้งหรงที่โรงพยาบาลครับ ผมไปรับเหยาอันฉีที่นั่นต่างหาก เธอได้รับบาดเจ็บน่ะครับ” เขาอธิบาย
“งั้นทั้งหมดก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดสินะ” ปลายสายถอนหายใจ “ฉันว่าคนนอกคงไปตัดสินเรื่องส่วนตัวของคนอื่นไม่ได้หรอก ฉันเลยจะไม่พูดอะไรแล้วกัน นายต้องคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบ นายก็รู้ว่าการย้ายหน่วยมันหมายความว่ายังไง”
“ผมขอโทษที่คุณเสียเวลาชุบเลี้ยงผมมาตลอดนะครับ หัวหน้า” โม่จื่อซีเอ่ยจากใจจริง เขารู้ดีว่าใครเป็นคนช่วยเขาให้มาได้ถึงทุกวันนี้
“ช่างมันเถอะ…ฉันเข้าใจ…”
เขาจะตัดขาดไร้เยื่อใยกับเฉินจิ้งหรงได้เพียงแค่อยู่ให้ห่างจากเธอ โม่จื่อซีต้องทำบางอย่างเพื่อเหยาอันฉีและตัวเอง
“จื่อซี…อย่าลืมมาเยี่ยมเราบ่อยๆ แล้วกันนะ”
เขาไม่ได้ตอบ มีเพียงเสียงถอนหายใจของหัวหน้าดังลอดออกมาจากปลายสายให้ได้ยิน